ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 80 สูตรลับการตั้งครรภ์

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 80 สูตรลับการตั้งครรภ์

ตอนที่ 80 สูตรลับการตั้งครรภ์

เมื่อตระกูลเซี่ยได้พบเจี่ยงสือเหิง ทุกคนก็อดมองอย่างละสายตาไม่ได้ เนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกและกิริยาท่าทางของเขาช่างน่ามองไปหมด

“สวัสดีครับ พวกคุณคือครอบครัวของอาหลี่ใช่ไหม ต่อไปต้องขอรบกวนฝากฝังให้ดูแลมู่หลานให้มากขึ้นด้วยนะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเหวินปิงก็รีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลครับ มู่หลานก็เป็นครอบครัวของพวกเราเหมือนกัน ต้องดูแลหล่อนเป็นอย่างดีอยู่แล้วครับ”

เหยาจิ้งจือก็ยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มู่หลานเองก็ตั้งท้องอยู่ด้วย พวกเราจึงต้องดูแลหล่อนให้มากขึ้นไปอีกค่ะ”

เจี่ยงสือเหิงยกยิ้มทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ ต่อไปหากผมมีเวลาจะกลับมาเยี่ยมมู่หลานบ่อย ๆ หากพวกคุณมีเวลาก็ไปหาที่เมืองหลวงกันได้นะครับ”

เซี่ยเหวินปิงยกยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติแล้วพยักหน้าให้

หลี่เสวี่ยเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามฉินมู่หลานที่อยู่ถัดจากกัน “มู่หลาน พ่อบุญธรรมของเธอเป็นคนปักกิ่งเหรอ”

มู่หลานพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ พรุ่งนี้พ่อบุญธรรมก็จะกลับปักกิ่งแล้ว”

“ไม่แปลกใจเลย รูปร่างหน้าตาและท่าทางของพ่อบุญธรรมเธอบอกได้เลยว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน”

ทั้งสองกระซิบกระซาบพูดคุยกัน จากนั้นเสิ่นหรูฮวนก็เข้ามาร่วมวงด้วย

“มู่หลาน ในที่สุดเธอก็มาสักที ตอนแรกฉันคิดว่าถ้าเธอยังไม่มา ฉันจะไปหาเธอแล้ว”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนมองเสิ่นหรูฮวน ก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “มู่หลาน นี่ใครกันเหรอ?”

ฉินมู่หลานกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม “นี่เพื่อนฉันเองค่ะ เสิ่นหรูฮวน” หลังจากนั้นก็แนะนำหลี่เสวี่ยเยี่ยนให้เสิ่นหรูฮวนได้รู้จัก

“สวัสดีค่ะพี่สะใภ้” เสิ่นหรูฮวนทักทายตามฉินมู่หลาน

หลี่เสวี่ยเยี่ยนได้ยินดังนั้น จึงพยักหน้ารับ หลังจากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเสิ่นหรูฮวนมากขึ้น หญิงสาวตรงหน้าช่างงดงามเสียจริง ทำไมหล่อนรู้สึกว่าทุกคนที่ฉินมู่หลานรู้จักล้วนหน้าตาดีกันทั้งนั้นเลยล่ะ

และฉินมู่หลานก็แนะนำเสิ่นหรูฮวนให้คนอื่นได้รู้จักด้วยเช่นกัน

เสิ่นหรูฮวนยกยิ้มแล้วกล่าวทักทายคนตระกูลเซี่ย

หลังจากทักทายแล้ว ฉินเจี้ยนเซ่อก็บอกให้ทุกคนรีบรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ทุกคนจึงตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร

ฉินอวิ๋นเฮ่อนั่งรอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาเดินมา จึงรีบโบกมือ “รีบมานั่งเร็วเข้า”

เพราะเย็นนี้มีคนเยอะมาก จึงต้องต่อโต๊ะถึงสองตัว เป็นโต๊ะสำหรับผู้ชายหนึ่งตัวและโต๊ะสำหรับผู้หญิงอีกหนึ่งตัว ฉินอวิ๋นเฮ่อเป็นคนแรกที่ขยับตะเกียบแล้วเชิญทุกคนรับประทานอาหารด้วยกัน คืนนี้เป็นการเลี้ยงต้อนรับเจี่ยงสือเหิง มีคนมากมายที่ยกแก้วเหล้าเพื่อดื่มอวยพรเขา แต่เขาดื่มไม่ได้ จึงต้องดื่มน้ำชาแทน

บรรยากาศในบ้านอันครึกครื้นเช่นนี้หาได้ยากนัก ฉินอวิ๋นเฮ่อจึงอดไม่ได้ที่จะดื่มสักแก้วหนึ่ง

ยกเว้นเจี่ยงสือเหิง ทุกคนที่โต๊ะผู้ชายต่างพากันดื่มจนรู้สึกเมาได้ที่ แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้ดื่มมากนัก เขาต้องดูแลฉินมู่หลานเพราะกลัวว่าเธอจะกินอะไรไม่ได้ แต่เมื่อเห็นฉินมู่หลานกินข้าวแล้วก็วางใจขึ้น

ทุกคนต่างมีความสุขกับมื้ออาหาร พากันนั่งกินอาหารในโถงหลักอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยเรื่องไร้สาระอะไรเลย

หลังจากรับประทานเสร็จ เสิ่นหรูฮวนก็ตามฉินมู่หลานและคนอื่นกลับไปที่บ้านตระกูลเซี่ย ส่วนเจี่ยงสือเหิงและลุงเจี่ยงพักอยู่ที่บ้านตระกูลฉิน

ฉินมู่หลานจำกำหนดการของเจี่ยงสือเหิงได้ ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้น จึงรีบตื่นไปพบเขาพร้อมกับเซี่ยเจ๋อหลี่และเสิ่นหรูฮวน

“พ่อบุญธรรม ลุงเจี่ยง เดินทางปลอดภัยนะคะ กลับถึงปักกิ่งแล้วอย่าลืมเขียนจดหมายมาหาหนูบ้างนะคะ”

เจี่ยงสือเหิงยกยิ้มแล้วเอ่ยพร้อมทั้งหยักหน้า “วางใจเถอะมู่หลาน พ่อจะเขียนมาหาลูกทันทีที่กลับถึงแล้ว”

เอ่ยจบ แววลังเลก็ปรากฎในดวงตาของเขา ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้น “มู่หลาน ลูกต้องดูแลตัวเองด้วยนะ”

ลุงเจี่ยงเองก็กล่าวขึ้นเช่นกัน “ใช่ครับคุณหนูน้อย ตอนนี้คุณกำลังตั้งท้อง ต้องดูแลตัวเองให้ดีมากขึ้น” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแนะนำถึงเรื่องนั้น “คุณหนูน้อยครับ ต่อไปถ้าจะคลอดก็ไปคลอดที่เมืองหลวงสิครับ ที่นั่นจะสะดวกสบายมากกว่านะครับ”

ฉินมู่หลานไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ตอนนี้เธอยังบอกไม่ได้ว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจอย่างไร แต่เธอจะไปเมืองหลวงอย่างแน่นอน “พ่อบุญธรรมคะ ถ้าอย่างนั้นพ่อรอหนูอยู่ที่เมืองหลวงนะ ถึงเวลาหนูจะไปหาค่ะ”

“ได้”

เจี่ยงสือเหิงพยักหน้า หลังจากนั้นก็หันไปบอกกล่าวเสิ่นหรูฮวน “แม่หนูหรูฮวน แน่ใจหรือว่าไม่อยากกลับไปพร้อมพวกเรา?”

เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านตระกูลฉินก่อนหน้านี้ เสิ่นหรูฮวนก็ได้พูดกับเขาอยู่มากมาย

เสิ่นหรูฮวนพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ใช่ค่ะ อีกสักพักฉันค่อยกลับไปค่ะ แต่ลุงเจี่ยงคะ ฝากลุงไปบอกพ่อกับแม่ของฉันหน่อยได้ไหมคะว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่ พวกท่านจะได้วางใจ แล้วก็ฝากคุณลุงบอกพวกท่านอีกอย่างด้วยค่ะ ว่าขอให้พวกเขาตรวจสอบเรื่องของฉันอย่างรอบคอบ”

“วางใจเถอะ ฉันเข้าใจแล้ว”

เจี่ยงสือเหิงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงแค่รู้สึกว่าสถานการณ์ของเสิ่นหรูฮวนคงไม่ใช่เรื่องง่ายกับการโดนคนบงการให้ลักพาตัวไป ตอนนี้จึงต้องระมัดระวังตัว “เธออยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว รอจนกว่าพ่อกับแม่ของเธอสืบหาความจริงเรื่องนี้ได้ก่อน ถึงตอนนั้นค่อยคิดจะกลับไป”

หลังจากเจี่ยงสือเหิงกล่าวอำลาทุกคนแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ก้าวเดินไปข้างหน้าพลางกล่าว “พ่อบุญธรรมครับ เดี๋ยผมไปส่งพวกพ่อเอง”

“ดีเลย รบกวนเธอหน่อยนะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่รบกวนหรอกครับ”

ในตอนนั้นเอง ซูหว่านอี๋ก็ยื่นถุงใส่ของบางอย่างให้เซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อาหลี่ อันนี้เอาไว้ให้พ่อบุญธรรมของเธอเก็บไว้นะ ฝากเธอเป็นธุระให้ด้วยล่ะ”

“ครับ”

สุดท้ายเซี่ยเจ๋อหลี่ก็พาเจี่ยงสือเหิงกับลุงเจี่ยงมายังสถานที่ที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ในอำเภอ หลังจากช่วยพวกเขาเก็บของแล้วก็ไปส่งที่สถานีรถไฟ

พรุ่งนี้เขาเองก็ต้องออกเดินทางแต่เช้า จึงเหลือเวลาไม่มากแล้ว เขาเพียงแค่อยากจะใช้เวลาร่วมกับฉินมู่หลานเท่านั้น

ในระหว่างรอเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ฉินมู่หลานก็กำลังนอนหลับอยู่ เมื่อเห็นคนกลับมา ก็รีบเอ่ยถามเขาด้วยท่าทางงัวเงีย “พ่อบุญธรรมกับลุงเจี่ยงขึ้นรถไฟหรือยังคะ?”

“วางใจเถอะ พวกเขาขึ้นรถไฟกันแล้ว”

เซี่ยเจ๋อหลี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็ลูบศีรษะของฉินมู่หลานแล้วเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้ผมก็ต้องกลับแล้วเหมือนกัน คุณต้องอยู่บ้านอย่างเดียว ห้ามขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาเด็ดขาด ผมจะส่งเงินมาให้ทุกเดือน คุณจะได้ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน”

ฉินมู่หลานก็ไม่ได้คิดที่จะขึ้นเขาแล้ว จึงยอมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “วางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ขึ้นเขาหรอก ถึงจะต้องหาเงินก็จะทำแค่เขียนบทความส่ง”

เซี่ยเจ๋อหลี่ทราบแล้วว่าภรรยาของเขาหารายได้จากการเขียนบทความ จึงเอ่ยพร้อมแววตาชื่นชมเต็มเปี่ยม “จริงสิ มู่หลานของพวกเราก็ได้รับค่าลิขสิทธิ์จากการเขียนบทความได้ด้วย แต่การเขียนบทความก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณควรใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้นเหมือนกันนะ”

“วางใจได้เลยค่ะ ฉันรู้ดีอยู่แล้ว”

พวกเขาทั้งสองคุยกันเช่นนั้นอยู่เนิ่นนาน แววตาต่างเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับไปแล้วเช่นกัน อยู่ ๆ ฉินมู่หลานก็รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย ตอนแรกเธออยากพูดคุยกับเสิ่นหรูฮวน คิดไม่ถึงว่าหวังจาวตี้กับซ่งอวี้เฟิ่งจะมาหา

เพียงแต่สองคนนั้นกลับปิดหน้าปิดตา แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นทั้งสองทำตัวแบบนั้น ฉินมู่หลานก็อดที่จะเอ่ยออกไปเสียไม่ได้ “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง พวกพี่มีธุระอะไรกันหรือคะ?”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานเอ่ยถาม หวังจาวตี้ก็รีบชูนิ้วขึ้นมาไว้ที่ปากส่งสัญญาณให้เงียบ “มู่หลาน เบาเสียงลงหน่อยได้ไหม?”

“พี่สะใภ้ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไมพวกพี่ถึงต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ กันขนาดนี้”

หวังจาวตี้เดินเข้ามาใกล้ฉินมู่หลาน แม้แต่ซ่งอวี้เฟิ่งเองก็จ้องมองฉินมู่หลานอย่างไม่กระพริบตา ก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอมีสูตรลับในการตั้งครรภ์ไหม?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไม่น่ามีสูตรลับการตั้งครรภ์อะไรหรอกค่ะ น่าจะต้องรักษาสุขภาพร่างกายและความสะอาดตรงส่วนนั้นให้ดี แล้วก็นับช่วงเวลาไข่ตกดีๆ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท