ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 436 ขอเคียงข้างนางทุกชาติไป

ตอนที่ 436 ขอเคียงข้างนางทุกชาติไป

เหล่าคนที่นางถือว่าเป็น ‘ญาติสนิท’ ที่แท้ก็เป็นญาติสนิทของนางจริงๆ 

 

 

นางมิใช่กำพร้า นางมีท่านตา มีพี่ชายสองคน และก็ยังมีบิดาเป็นราชามังกรทมิฬ 

 

 

มิน่าเล่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับพวกเขา นางก็รู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยอย่างยิ่ง 

 

 

เช่นนั้น….มารดาเล่า? 

 

 

นางหันหน้ากลับไป มองดูใบหน้าด้านข้างที่งามล้ำของเยี่ยจ้าน มองดูจุดมืดๆที่ว่างเปล่าภายใต้หนังตาที่แย้มอยู่เล็กน้อยนั่น 

 

 

คำพูดที่มาถึงริมฝีปาก ก็ต้องกลืนลงไปอีกครั้ง 

 

 

ตอนนี้นาง รู้สึกกลัวที่จะได้ยินคำตอบยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก 

 

 

“สาเหตุที่ข้าเหลือ ‘ตัวแทน’ ของเจ้าเอาไว้ หนึ่งก็เพื่อจะปิดบังเหล่าเทพเจ้าเบื้องบน สองก็เพราะเกรงว่าจะทำให้ซิงซิงเสียใจ” เยี่ยจ้านรู้ถึงความคิดของนาง จึงเอ่ยต่อไป “เนื่องเพราะว่า ‘ตัวแทน’ ของเจ้าร่างกายเปราะบางตั้งแต่เด็ก อุปนิสัยก็อ่อนแอ ดังนั้นทุกคนจึงประคอง ‘นาง’ เอาไว้ในฝ่ามือ” 

 

 

“ข้าเองก็อยากจะรั้งอยู่ในจวนตระกูลตู๋กูต่อไป แต่ว่าจิตวิญญาณมังกรในร่างตื่นขึ้นมาแล้ว ความทรงจำก็กลับคืนมาทั้งหมด ราชามังกรทมิฬนั้น คือผู้ที่กระหายเลือด….” 

 

 

“หากข้ายังรั้งอยู่ในตระกูลตู๋กูต่อไป ก็มีแต่จะนำพาภัยพิบัติมาให้กับพวกเขา” 

 

 

“ดังนั้นท่านจึงเลือกที่จะจากไป?” 

 

 

“เดิมทีก็คิดจะลบความทรงจำของชิงชิงที่เกี่ยวกับข้าออกไป…” สีหน้าของเยี่ยจ้านปวดร้าว “แต่ว่าสุดท้ายแล้วข้ากลับทำไม่ได้ เสี่ยวหลัน หากเจ้าไม่เคยตกหลุมรัก เจ้าย่อมไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้น…อยากจะให้นางปลอดภัยและมีความสุขแต่ก็ไม่อยากให้นางลืมเลือนตนเอง…” 

 

 

“ดังนั้นข้าจึงทิ้งสมบัติล้ำค่าเอาไว้มากมาย หวังว่าชิงชิงและลูกๆจะอยู่อย่างสุขสบบายไปชั่วชีวิต 

 

 

“คิดไม่ถึงว่า นิสัยของนางจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้ ไล่ตามข้ามาจนถึงทะเลตะวันตก” 

 

 

“นางว่ายน้ำก็ไม่เป็น แต่เพื่อบีบให้ข้าปรากฏตัว จึงกระโดดลงไปในทะเล” 

 

 

วิธีการแก้ปัญกาของเยี่ยจ้าน ตู๋กูซิงหลันไม่รู้ว่าจะวิจารณ์อย่างไรดี 

 

 

เขาเป็นถึงราชามังกรทมิฬ เดิมก็มีภรรยา—ราชินี อยู่แล้ว 

 

 

แต่เพราะอาการบาดเจ็บจากการฝ่าด่านกักขัง จึงสูญเสียความทรงจำ 

 

 

ในขณะที่เกิดช่องว่างของความทรงจำนี้เอง ก็เกิดความรักกับมารดา…. 

 

 

ไม่อาจตำหนิว่าเขาเป็นบุรุษเสเพล ….เพราะว่าความรักที่เขามีให้กับมารดานั้นก็เป็นความรักที่แท้จริง 

 

 

นางเคยได้ยินท่านตาบอกว่า ตลอดเวลาหลายปีหลังแต่งงานนั้น มารดาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…แต่เพราะว่าบิดาหายตัวไป….นางถึงได้….. 

 

 

จากทุกสิ่งที่เยี่ยจ้านทำลงไป นางเชื่อว่าเขารักมารดาอย่างแน่นอน 

 

 

สำหรับกับราชินีของเขานั้น….. 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่รู้ว่าเขาคิดเห็นเช่นไรกันแน่ 

 

 

“ข้าไม่อาจขัดนาง จึงได้พานางกลับไปยังก้นทะเลลึก” ใบหน้าที่หล่อเหลาของเยี่ยจ้านแสดงสีหน้าของสำนึกเสียใจอย่างที่สุด “นั้นเป็นเรื่องที่ข้าผิดพลาดที่สุดในชีวิต” 

 

 

“องค์ราชินีไม่อาจยอมรับมารดา” ตู๋กูซิงหลันไม่ต้องถามเขาก็รู้คำตอบดี 

 

 

ไม่อาจบอกว่ามารดาคือมือที่สาม …..นางเองก็ตกหลุมรักบิดาในสถานการณ์บังเอิญที่ 

 

 

ไม่รู้เช่นกัน เรื่องจึงยากจะตัดสินว่าใครผิดใครถูก 

 

 

เยี่ยจ้านมิได้ตอบรับ เขาเป็นสามีภรรยากับหวาชางสุยมาหมื่นกว่าปี ถูกหมั้นหมายกันตั้งแต่เล็ก พอเติบใหญ่ก็แต่งงานกัน 

 

 

กับหวาชางสุ่ย เขาถือว่านางเป็นราชินีของเผ่ามังกรทมิฬ…..แต่ว่าไม่เคยมีความรักใคร่มาก่อน 

 

 

ก่อนที่จะได้เจอกับชิงชิง เขาก็ไม่เคยรู้จักว่าความรักคืออะไร 

 

 

“ตอนที่ชิงชิงไล่ตามมาถึงทะเลตะวันตกนั้น นางก็ยังไม่รู้จักฐานะที่แท้จริงของข้า” เยี่ยจ้านว่าต่อไป ตอนนั้น…เขาไม่รู้จริงๆว่าจะเอ่ยปากกับนางอย่างไรดี เพื่อบอกนางว่า เขามิใช่ตัวดี 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีราชินี มีบุตรชายหญิงคู่หนึ่ง 

 

 

“ข้าบอกกับนางแค่ว่า ข้าเป็นมังกรที่เฝ้าสมบัติของเผ่ามังกรทมิฬตัวหนึ่ง” 

 

 

“นางก็เชื่อ…แต่ไหนแต่ไรมิว่าข้าบอกอะไรนางก็เชื่ออยู่แล้ว สตรีที่โง่เขลาเอ๋ย….” 

 

 

เยี่ยจ้านหัวเราะขึ้นมา หัวเราะอย่างเจ็บปวดแล้ว แต่เพราะว่าไม่มีลูกตา เขาจึงไม่อาจมีน้ำตาสักหยดได้เลย 

 

 

“ช่วงนั้น นางต้องอยู่แต่ในห้องเล็กๆในวังมังกร ทุกวันต้องรอคอยนับสิบกว่าชั่วยาม จึงจะได้เจอข้าสักครู่หนึ่ง…” 

 

 

“ข้าซ่อนนางเอาไว้ ราวกับซุกซ่อนสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจโดนแสงแดดได้ นางเชื่อฟังอย่างยิ่ง ไม่เคยก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว 

 

 

หัวใจของตู๋กูซิงหลันเจ็บปวดแล้ว เจ็บปวดแทนมารดา 

 

 

การรักใครสักคน จะต้องรักถึงเพียงไหน ถึงทำให้ไม่ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร นางก็เชื่อเช่นนั้นหมด? 

 

 

โง่หรือไม่? หรือว่าเพราะรักจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่อาจหักห้ามตนเอง….. 

 

 

“ต่อมาเผ่ามังกรทมิฬเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ข้าไม่ได้ไปหานางติดต่อกันถึงสามวัน นางร้อนใจแล้ว จึงออกจากห้องเป็นครั้งแรก” 

 

 

“นางจับพลัดจับผลูคลำทางไปเรื่อยๆจนไปถึงตำหนักบรรทมของข้า….วันนั้นหวาชางสุ่ยดื่มมากเกินไป จึงเข้ามาในตำหนักของข้าเช่นกัน….” 

 

 

เยี่ยจ้านไม่กล้าบอกกับบุตรสาวของตนเองว่า ‘มารดาของเจ้าเห็นสตรีที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยผู้หนึ่งโผเข้าหาข้า’ 

 

 

เขาเป็นราชาเผ่ามังกรทมิฬ บนบ่าของเขาแบกรับความสงบสุขของคนในเผ่าทั้งเผ่า…..ชีวิตของผู้คนนับหมื่นนับแสนขึ้นอยู่กับเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขากับซื่อมั่วก็ยังมีสัญญาต่อกันอยู่ 

 

 

จึงทำให้เขาไม่อาจคำนึงถึงเพียงความรักระหว่างชายหญิงได้ 

 

 

หวาชางสุ่ยคือราชินีที่เขาอภิเษกมาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของสองเผ่า ถึงแม้ว่ามิได้รัก…..แต่ก็ไม่อาจเพียงเพราะว่าเขาไปมีภรรยาบนโลกจึงจะหย่าขาดจากนางได้ 

 

 

เยี่ยจ้านยอมรับว่า….เขามิใช่สามีที่ดี 

 

 

นับตั้งแต่ที่เขากลับจากเผ่ามนุษย์มายังเผ่ามังกรทมิฬก็ไม่เคยแตะต้องหวาชางสุ่ย ….. 

 

 

หรือที่จริงต้องบอกว่า นับตั้งแต่พันปีก่อนที่เขากับหวาชางสุ่ยให้กำเนิดเยี่ยอิงแล้ว ก็ไม่เคยแตะต้องนางอีกเลย 

 

 

“กระดาษไม่อาจห่อไฟอยู่แล้ว” ตู๋กูซิงหลันตอบ 

 

 

ในใจของนางกำลังขุ่นเคืองที่มารดาไม่ได้รับความยุติธรรม แต่พอหันกลับมาคิดถึงฐานะของเยี่ยจ้าน…..ก็พอจะเข้าใจเขาอยู่บ้าง 

 

 

มิใช่ว่าเขาไม่รักมารดาเพียงพอ…. 

 

 

แต่ว่าภาระบนบ่ามากมายเกินไป 

 

 

ก็เหมือนกับที่จีเฉวียนเอ่ยปากบอกว่ารักนาง แต่ว่าก็ยังคงกระทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของเขา พยายามใช้พลังอำนาจทุกอย่างเพื่อจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี 

 

 

บางครั้ง เรื่องบางอย่างก็ยากเกินไป 

 

 

“วันนั้น…นางได้รู้ฐานะที่แท้จริงของข้า….นางไม่ร้องไห้ไม่ตีโพยตีพาย เพียงแต่กลับไปยังห้องเล็กๆของตนเอง” 

 

 

“พอข้ารีบร้อนไปถึงก็เห็นนางเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว…….ทั้งยังควักดวงตาของตนเองออกมา” 

 

 

“นางบอกว่า นางดูคนผิดไป ดวงตาคู่นี้เก็บเอาไว้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ จากนี้นางและข้าไม่ติดค้างต่อกันต่างคนต่างเดินทางของตน” 

 

 

พอคิดถึงตอนที่ดวงตาของนางกลิ้งลงมาอยู่ตรงหน้าตนเอง เยี่ยจ้านก็ยังรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง 

 

 

เป็นเพราะเขาหลอกลวงชิงชิง นางจึงได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา 

 

 

ตอนนั้น เขาถึงได้รู้ว่า ตนเองได้สูญเสียนางไปแล้ว 

 

 

เขาไม่อาจหาข้อแก้ตัวให้กับตนเอง……. 

 

 

“ข้าตู๋กูชิงชิง ชีวิตนี้จะไม่มีทางเป็นสตรีที่ทำลายครอบครัวของผู้อื่น เผิงอี้ ขอให้ท่านโชคดี ประสบความสุขตลอดชีวิต” 

 

 

เขายังคงจดจำคำพูดตอนจากลาของนางได้อยู่เสมอ 

 

 

ตอนนั้น เขาเองก็ไม่กล้ารั้งนางเอาไว้ ได้แต่ปล่อยให้นางจากไป 

 

 

กระทั่งตอนที่นางก้าวออกจากวังไปนั้น เขาจึงควักดวงตาของตนเองออกมา มอบให้กับนาง 

 

 

นางใช่คนที่ทำร้ายครอบครัวของผู้อื่นที่ไหนกัน….. 

 

 

ที่ที่มีนาง จึงจะเป็นบ้านของพวกเขาต่างหาก…. 

 

 

ตอนนั้น เขาคิดแต่เพียงว่า ขอให้สำเร็จภารกิจของเผ่ามังกรทมิฬแล้ว …..เขาก็ไม่ต้องการจะเป็นมังกรอีกต่อไป ขอเพียงแค่ได้กลับไปอยู่เป็นเพื่อนนางก็พอ 

 

 

ชาตินี้ หรือชาติหน้า…..ก็จะขอเคียงข้างนางทุกชาติไป 

 

 

 

 

 

 

 

 

…………………………………………… 

 

 

ตอนต่อไป “มังกรแปลงร่างเป็นต้นไม้ เพื่อรักษาเศษเสี้ยววิญญาณของนาง” 

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท