ตอนที่ 86 เลื่อนตำแหน่ง
ตอนที่ 86 เลื่อนตำแหน่ง
เมื่อเห็นถานเล่อเวยอยู่ตรงหน้า เซี่ยเจ๋อหลี่จึงขมวดคิ้วขึ้นทันที
“สหายถาน เธอกำลังขวางทางอยู่นะ”
ถานเล่อเวยเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่มีท่าทางเฉยเมยยิ่ง จึงรู้สึกขื่นขมภายในใจ หล่อนเพิ่งไปทำการแสดงในต่างภูมิภาคเมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่คิดเลยว่ากลับมาจะได้ยินว่าเซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานแล้ว…เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร “สหายเซี่ย นายยังไม่บอกฉันเลย นายแต่งงานแล้วเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ปรายตามองถานเล่อเวยนิดหน่อยแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันแต่งงานแล้ว และภรรยาของฉันก็จะเข้ามาอยู่ที่ฐานทัพในอีกไม่ช้านี้”
“อะ…อะไรนะ…เรื่องจริงเหรอนี่”
ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ยินกับปากของเซี่ยเจ๋อหลี่ ถานเล่อเวยกลับรู้สึกทนไม่ไหวนิดหน่อย “ทำไมนายถึงแต่งงานกะทันหันนักล่ะ”
“สหายถาน จะแต่งหรือไม่แต่งก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวอะไรเธอล่วงหน้า แล้วก็ เธอช่วยหลีกทางหน่อย เธอกำลังขวางทาง”
“นาย…”
เมื่อเห็นใบหน้าแสนเย็นชาของเซี่ยเจ๋อหลี่ ถานเล่อเวยก็รู้สึกอกหักอย่างจัง แล้วก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าหงอย ๆ
เซี่ยเจ๋อหลี่ก้าวเดินต่อไปโดยไม่แม้แต่หันมองถานเล่อเวย
หลังจ้องมองแผ่นหลังของเซี่ยเจ๋อหลี่ที่เดินไปจนลับตา ถานเล่อเวยก็กลับมามีสติอีกครั้ง แม้หล่อนจะแสดงออกนอกหน้าหลายต่อหลายครั้ง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่เคยเล่นด้วย กับผู้หญิงคนอื่นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็มีสีหน้าแบบเดียวกันตลอด ทำให้เดิมทีหล่อนคิดว่าตนอาจจะมีหวัง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะแต่งงานกะทันหันเช่นนี้
ในตอนนี้ หญิงสาวสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ครั้นเห็นสีหน้าหงอยเหงาของถานเล่อเวย จึงรีบก้าวเข้าไปหาแล้วเอ่ยถาม “เล่อเวย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว สหายเซี่ยล่ะ ไปถามเขาแล้วเป็นยังไงบ้าง สหายเซี่ยแต่งงานแล้วจริงเหรอ?”
ถานเล่อเวยหันมองผู้มาเยือน ก่อนที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“เฉี่ยวเซียง เซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานแล้วจริงด้วย และภรรยาของเขาก็จะเข้ามาอยู๋ในฐานทัพอีกไม่นานนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเฉินเฉี่ยวเซียงก็เป็นประกายวาบ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยน “เล่อเวย อย่าเสียใจไปเลย เซี่ยเจ๋อหลี่ก็แต่งงานไปแล้ว เรื่องนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่…”
เมื่อเอ่ยถึงตอนท้าย เฉินเฉี่ยวเซียงก็เอ่ยอย่างนึกเสียดายอีกครั้ง “ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวเป็นคนจัดงานแต่งให้เซี่ยเจ๋อหลี่ ภรรยาของเขาเป็นสาวชนบท แล้วก็ทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียด อันที่จริงแล้วอย่างท่านรองเซี่ยเนี่ย หาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้หลายขุม แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวไม่นึกถึงเขาเลย จึงปล่อยให้เขาแต่งงานแบบนั้น”
ตอนแรกถานเล่อเวยรู้สึกเศร้า แต่หลังจากได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธนิดหน่อย
“จริงเหรอ ภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่ทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียดหรือ?”
เฉินเฉี่ยวเซียงพยักหน้าพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นว่า “จริงสิ ฉันไปถามมาแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นหวังเจียเหอก็เคยเจอภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่กับตาตัวเองมาแล้วด้วย เขาบอกว่าภรรยาเขาอ้วนมาก”
เป็นไปได้ยังไง เซี่ยเจ๋อหลี่หาได้ดีกว่านั้นแน่นอน ภรรยาของเขาไม่เหมาะกับเขาเลย”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
เฉินเฉี่ยวเซียงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเร่งรีบ
เซี่ยเจ๋อหลี่เดินไปไกลพอสมควรแล้ว จึงไม่ทราบว่าสองคนนั้นกำลังพูดถึงฉินมู่หลาน เมื่อมาถึงห้องพักก็รีบเปิดอ่านจดหมายที่ฉินมู่หลานส่งมาทันที หลังอ่านจดหมายจบและรับรู้ว่าทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยดี เขาก็โล่งใจ จากนั้นเขาก็เปิดกล่องพัสดุอีกหนึ่งใบ และพบว่าข้างในมีไส้กรอกอยู่หลายอันพร้อมซอสเนื้ออีกหลายขวด ซึ่งในจดหมายเพิ่งเขียนบอกไปว่าทั้งหมดนี้ฉินมู่หลานเป็นคนทำ
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หยิบไส้กรอกขึ้นมา ส่วนอีกข้างก็ถือซอสเนื้อเอาไว้ หลังจากนั้นก็นำติดตัวไปด้วยขณะที่ไปซื้ออาหาร
สุดท้ายเขาก็หยิบขวดกระเบื้องใบเล็กขึ้นมา
เมื่อมองดูข้อความที่เขียนเอาไว้ข้างขวดกระเบื้อง ใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็โอนอ่อนลง
ขวดกระเบื้องใบเล็กมีทั้งหมดห้าขวดด้วยกัน มีทั้งยาแก้ปวด ยาระบาย ยาห้ามเลือด ยากระตุ้นระบบเลือดและบำรุงหัวใจ ทั้งหมดนี้ฉินมู่หลานเป็นคนจัดทำขึ้นมาเอง เพื่อให้เขาเอาไว้ใช้ป้องกันตัว
หลังจากเก็บสิ่งของต่าง ๆ อย่างระมัดระวังแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ถือกระปุกซอสเนื้อไปที่โรงอาหาร
เมื่อเดินมาถึงโรงอาหาร ก็พบเข้ากับฟู่ซวี่ตงดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“อาหลี่ มากินข้าวเหมือนกันเหรอ พวกเราไปกินด้วยกันเถอะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าตามปกติ หลังจากนั้นก็ไปตักข้าวกับฟู่ซวี่ตง แต่วันนี้เขาตักกับข้าวมาค่อนข้างน้อย ครั้นนั่งลงแล้ว เขาก็เปิดขวดซอสเนื้อที่ฉินมู่หลานส่งมาให้ทันที
ทันทีที่เปิดฝาขวดออก กลิ่นหอมเย้ายวนก็โชยออกมา
“อาหลี่ นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงทั้งหอมทั้งฉุนขนาดนี้”
“นี่เป็นซอสเนื้อที่มู่หลานส่งมาให้ฉัน หล่อนทำให้ฉันโดยเฉพาะเลย”
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้มทั้งยังภูมิใจนำเสนอด้วย ฟู่ซวี่ตงก็รู้สึกไม่อยากจะมองเท่าใด แต่มันดูน่าอร่อยมากเหมือนกัน เขาจึงรู้สึกอดใจไม่ไหว พลางเอ่ยถาม “ฉันขอลองชิมหน่อยได้ไหม?”
ถึงแม้เซี่ยเจ๋อหลี่จะไม่เต็มใจนัก แต่สุดท้ายก็ยอมให้ฟู่ซวี่ตงได้ลองชิมไปหนึ่งช้อนเต็ม ๆ
หลังจากฟู่ซวี่ตงได้ลองกินซอสเนื้อแล้ว ก็แทบจะหยุดตะเกียบไม่ได้
“อาหลี่ น้องสะใภ้ฝีมือดีเกินไปแล้วนะ ซอสเนื้อนี่น่าทึ่งมากเลย” หลังจากเอ่ยจบเขาก็ไม่มัวพูดพร่ำ หันไปหมกมุ่นอยู่กับการกิน
ในตอนนั้นเอง เวินโหย่วเหลียงก็เข้ามาพร้อมกับกล่องอาหาร เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตงกำลังก้มหน้าก้มตากินกันใหญ่ เขาจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “พวกนายกินอะไรกัน ทำไมถึงดูน่าอร่อยแบบนี้”
“ผบ.ครับ ภรรยาของอาหลี่ส่งซอสเนื้อมาให้เขา อร่อยมากเลยครับ”
“อ๋อ จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันขอลองหน่อยสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเวินโหย่วเหลียง เซี่ยเจ๋อหลี่จึงต้องทำใจยอมกล้ำกลืน แล้วส่งซอสเนื้อไปให้
ตอนแรกเวินโหย่วเหลียงคิดว่าซอสเนื้อนี้ต้องอร่อยอยู่แล้ว หลังจากได้ชิมไปหนึ่งครั้ง เขาก็เอ่ยชมมากขึ้น “อร่อย อร่อยมากจริง ๆ”
ด้วยความอร่อยของซอสเนื้อ ทั้งสามจึงกินข้าวมากกว่าปกติที่กินกันเพียงชามเดียว เพียงแต่…ซอสเนื้อก็มาถึงจุดที่ใกล้หมดเสียแล้ว
เวินโหย่วเหลียงหัวเราะขึ้นก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “เจ๋อหลี่ ถ้าภรรยาของนายมาเมื่อไหร่ มากินข้าวที่บ้านฉันนะ”
“ครับ ขอบคุณท่านผบ.มากครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยอมตกลงตามปกติ
หลังจากเวินโหย่วเหลียงพูดจบ ก็หันมาบอกเซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตง “เดี๋ยวมาที่ห้องทำงานฉัน มีบางอย่างจะคุยกับพวกนาย”
“ครับ”
เซี่ยเจ๋อหลี่และฟู่ซวี่ตงเก็บจานชามแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของเวินโหย่วเหลียง
เมื่อเวินโหย่วเหลียงเห็นทั้งสองมา ก็โบกมือให้พวกเขาแล้วพูดว่า “นั่งลงสิ ครั้งนี้ที่ฉันเรียกพวกนายมาเพราะจะบอกเรื่องรางวัลที่ทางกองทัพจะมอบให้พวกนาย”
เพราะครั้งนี้เซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ ได้ปราบพวกของชางไห่ได้ทั้งหมด ทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นอกจากนี้พวกเขายังจับเจ้าหน้าบากและได้รับข้อมูลการค้ามนุษย์โดยบังเอิญด้วย ดังนั้นผู้บัญชาการจึงค่อนข้างพอใจกับพวกของเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นอย่างมาก
เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก แต่ฟู่ซวี่ตงกลับเอ่ยถามต่อพร้อมรอยยิ้ม “ผบ.ครับ รางวัลเป็นอะไรเหรอครับ”
เวินโหย่วเหลียงเหลือบมองฟู่ซวี่ตงก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตื่นเต้นเป็นเด็กเชียวนะ ครั้งนี้พวกนายจะได้เลื่อนตำแหน่งกัน ช่างเป็นรางวัลใหญ่เสียจริง ถึงเวลาฉลองแล้วล่ะ”
“จริงเหรอครับผบ. ผมกับอาหลี่จะได้เลื่อนตำแหน่งหรือ?”
ถึงแม้ว่าฟู่ซวี่ตงจะคาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับรางวัล แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะใหญ่โตขนาดนี้
เวินโหย่วเหลียงหัวเราะแล้วกล่าวต่อว่า “ใช่ นายกับอาหลี่จะได้เลื่อนตำแหน่งกันทั้งคู่เลย อาหลี่จะได้เลื่อนจากรองหัวหน้าไปเป็นหัวหน้า ส่วนนายจะได้เลื่อนเป็นรองหัวหน้าแทน”
แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
“ผบ.ครับ ทำไมผมกับซวี่ตงถึงได้เลื่อนตำแหน่งกันล่ะครับ?” ถึงแม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะทำภารกิจได้สำเร็จก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนจะได้เลื่อนตำแหน่งพร้อมกันได้เสียหน่อย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยศใหญ่ขึ้นอีกขั้นแล้วนะพี่หลี่ เป็นเพราะมู่หลานช่วยเสริมส่งด้วยแน่ๆ เลย
ไหหม่า(海馬)