ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 86 เลื่อนตำแหน่ง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 86 เลื่อนตำแหน่ง

ตอนที่ 86 เลื่อนตำแหน่ง

เมื่อเห็นถานเล่อเวยอยู่ตรงหน้า เซี่ยเจ๋อหลี่จึงขมวดคิ้วขึ้นทันที

“สหายถาน เธอกำลังขวางทางอยู่นะ”

ถานเล่อเวยเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่มีท่าทางเฉยเมยยิ่ง จึงรู้สึกขื่นขมภายในใจ หล่อนเพิ่งไปทำการแสดงในต่างภูมิภาคเมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่คิดเลยว่ากลับมาจะได้ยินว่าเซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานแล้ว…เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร “สหายเซี่ย นายยังไม่บอกฉันเลย นายแต่งงานแล้วเหรอ?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ปรายตามองถานเล่อเวยนิดหน่อยแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันแต่งงานแล้ว และภรรยาของฉันก็จะเข้ามาอยู่ที่ฐานทัพในอีกไม่ช้านี้”

“อะ…อะไรนะ…เรื่องจริงเหรอนี่”

ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อได้ยินกับปากของเซี่ยเจ๋อหลี่ ถานเล่อเวยกลับรู้สึกทนไม่ไหวนิดหน่อย “ทำไมนายถึงแต่งงานกะทันหันนักล่ะ”

“สหายถาน จะแต่งหรือไม่แต่งก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวอะไรเธอล่วงหน้า แล้วก็ เธอช่วยหลีกทางหน่อย เธอกำลังขวางทาง”

“นาย…”

เมื่อเห็นใบหน้าแสนเย็นชาของเซี่ยเจ๋อหลี่ ถานเล่อเวยก็รู้สึกอกหักอย่างจัง แล้วก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าหงอย ๆ

เซี่ยเจ๋อหลี่ก้าวเดินต่อไปโดยไม่แม้แต่หันมองถานเล่อเวย

หลังจ้องมองแผ่นหลังของเซี่ยเจ๋อหลี่ที่เดินไปจนลับตา ถานเล่อเวยก็กลับมามีสติอีกครั้ง แม้หล่อนจะแสดงออกนอกหน้าหลายต่อหลายครั้ง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ไม่เคยเล่นด้วย กับผู้หญิงคนอื่นเซี่ยเจ๋อหลี่ก็มีสีหน้าแบบเดียวกันตลอด ทำให้เดิมทีหล่อนคิดว่าตนอาจจะมีหวัง แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะแต่งงานกะทันหันเช่นนี้

ในตอนนี้ หญิงสาวสวยคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ครั้นเห็นสีหน้าหงอยเหงาของถานเล่อเวย จึงรีบก้าวเข้าไปหาแล้วเอ่ยถาม “เล่อเวย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว สหายเซี่ยล่ะ ไปถามเขาแล้วเป็นยังไงบ้าง สหายเซี่ยแต่งงานแล้วจริงเหรอ?”

ถานเล่อเวยหันมองผู้มาเยือน ก่อนที่ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“เฉี่ยวเซียง เซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานแล้วจริงด้วย และภรรยาของเขาก็จะเข้ามาอยู๋ในฐานทัพอีกไม่นานนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเฉินเฉี่ยวเซียงก็เป็นประกายวาบ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบโยน “เล่อเวย อย่าเสียใจไปเลย เซี่ยเจ๋อหลี่ก็แต่งงานไปแล้ว เรื่องนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่…”

เมื่อเอ่ยถึงตอนท้าย เฉินเฉี่ยวเซียงก็เอ่ยอย่างนึกเสียดายอีกครั้ง “ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวเป็นคนจัดงานแต่งให้เซี่ยเจ๋อหลี่ ภรรยาของเขาเป็นสาวชนบท แล้วก็ทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียด อันที่จริงแล้วอย่างท่านรองเซี่ยเนี่ย หาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้หลายขุม แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวไม่นึกถึงเขาเลย จึงปล่อยให้เขาแต่งงานแบบนั้น”

ตอนแรกถานเล่อเวยรู้สึกเศร้า แต่หลังจากได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธนิดหน่อย

“จริงเหรอ ภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่ทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียดหรือ?”

เฉินเฉี่ยวเซียงพยักหน้าพร้อมทั้งเอ่ยขึ้นว่า “จริงสิ ฉันไปถามมาแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นหวังเจียเหอก็เคยเจอภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่กับตาตัวเองมาแล้วด้วย เขาบอกว่าภรรยาเขาอ้วนมาก”

เป็นไปได้ยังไง เซี่ยเจ๋อหลี่หาได้ดีกว่านั้นแน่นอน ภรรยาของเขาไม่เหมาะกับเขาเลย”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”

เฉินเฉี่ยวเซียงพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเร่งรีบ

เซี่ยเจ๋อหลี่เดินไปไกลพอสมควรแล้ว จึงไม่ทราบว่าสองคนนั้นกำลังพูดถึงฉินมู่หลาน เมื่อมาถึงห้องพักก็รีบเปิดอ่านจดหมายที่ฉินมู่หลานส่งมาทันที หลังอ่านจดหมายจบและรับรู้ว่าทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยดี เขาก็โล่งใจ จากนั้นเขาก็เปิดกล่องพัสดุอีกหนึ่งใบ และพบว่าข้างในมีไส้กรอกอยู่หลายอันพร้อมซอสเนื้ออีกหลายขวด ซึ่งในจดหมายเพิ่งเขียนบอกไปว่าทั้งหมดนี้ฉินมู่หลานเป็นคนทำ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็หยิบไส้กรอกขึ้นมา ส่วนอีกข้างก็ถือซอสเนื้อเอาไว้ หลังจากนั้นก็นำติดตัวไปด้วยขณะที่ไปซื้ออาหาร

สุดท้ายเขาก็หยิบขวดกระเบื้องใบเล็กขึ้นมา

เมื่อมองดูข้อความที่เขียนเอาไว้ข้างขวดกระเบื้อง ใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็โอนอ่อนลง

ขวดกระเบื้องใบเล็กมีทั้งหมดห้าขวดด้วยกัน มีทั้งยาแก้ปวด ยาระบาย ยาห้ามเลือด ยากระตุ้นระบบเลือดและบำรุงหัวใจ ทั้งหมดนี้ฉินมู่หลานเป็นคนจัดทำขึ้นมาเอง เพื่อให้เขาเอาไว้ใช้ป้องกันตัว

หลังจากเก็บสิ่งของต่าง ๆ อย่างระมัดระวังแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ถือกระปุกซอสเนื้อไปที่โรงอาหาร

เมื่อเดินมาถึงโรงอาหาร ก็พบเข้ากับฟู่ซวี่ตงดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“อาหลี่ มากินข้าวเหมือนกันเหรอ พวกเราไปกินด้วยกันเถอะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่พยักหน้าตามปกติ หลังจากนั้นก็ไปตักข้าวกับฟู่ซวี่ตง แต่วันนี้เขาตักกับข้าวมาค่อนข้างน้อย ครั้นนั่งลงแล้ว เขาก็เปิดขวดซอสเนื้อที่ฉินมู่หลานส่งมาให้ทันที

ทันทีที่เปิดฝาขวดออก กลิ่นหอมเย้ายวนก็โชยออกมา

“อาหลี่ นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงทั้งหอมทั้งฉุนขนาดนี้”

“นี่เป็นซอสเนื้อที่มู่หลานส่งมาให้ฉัน หล่อนทำให้ฉันโดยเฉพาะเลย”

เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้มทั้งยังภูมิใจนำเสนอด้วย ฟู่ซวี่ตงก็รู้สึกไม่อยากจะมองเท่าใด แต่มันดูน่าอร่อยมากเหมือนกัน เขาจึงรู้สึกอดใจไม่ไหว พลางเอ่ยถาม “ฉันขอลองชิมหน่อยได้ไหม?”

ถึงแม้เซี่ยเจ๋อหลี่จะไม่เต็มใจนัก แต่สุดท้ายก็ยอมให้ฟู่ซวี่ตงได้ลองชิมไปหนึ่งช้อนเต็ม ๆ

หลังจากฟู่ซวี่ตงได้ลองกินซอสเนื้อแล้ว ก็แทบจะหยุดตะเกียบไม่ได้

“อาหลี่ น้องสะใภ้ฝีมือดีเกินไปแล้วนะ ซอสเนื้อนี่น่าทึ่งมากเลย” หลังจากเอ่ยจบเขาก็ไม่มัวพูดพร่ำ หันไปหมกมุ่นอยู่กับการกิน

ในตอนนั้นเอง เวินโหย่วเหลียงก็เข้ามาพร้อมกับกล่องอาหาร เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตงกำลังก้มหน้าก้มตากินกันใหญ่ เขาจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “พวกนายกินอะไรกัน ทำไมถึงดูน่าอร่อยแบบนี้”

“ผบ.ครับ ภรรยาของอาหลี่ส่งซอสเนื้อมาให้เขา อร่อยมากเลยครับ”

“อ๋อ จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันขอลองหน่อยสิ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเวินโหย่วเหลียง เซี่ยเจ๋อหลี่จึงต้องทำใจยอมกล้ำกลืน แล้วส่งซอสเนื้อไปให้

ตอนแรกเวินโหย่วเหลียงคิดว่าซอสเนื้อนี้ต้องอร่อยอยู่แล้ว หลังจากได้ชิมไปหนึ่งครั้ง เขาก็เอ่ยชมมากขึ้น “อร่อย อร่อยมากจริง ๆ”

ด้วยความอร่อยของซอสเนื้อ ทั้งสามจึงกินข้าวมากกว่าปกติที่กินกันเพียงชามเดียว เพียงแต่…ซอสเนื้อก็มาถึงจุดที่ใกล้หมดเสียแล้ว

เวินโหย่วเหลียงหัวเราะขึ้นก่อนจะหันไปพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่ “เจ๋อหลี่ ถ้าภรรยาของนายมาเมื่อไหร่ มากินข้าวที่บ้านฉันนะ”

“ครับ ขอบคุณท่านผบ.มากครับ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยอมตกลงตามปกติ

หลังจากเวินโหย่วเหลียงพูดจบ ก็หันมาบอกเซี่ยเจ๋อหลี่กับฟู่ซวี่ตง “เดี๋ยวมาที่ห้องทำงานฉัน มีบางอย่างจะคุยกับพวกนาย”

“ครับ”

เซี่ยเจ๋อหลี่และฟู่ซวี่ตงเก็บจานชามแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของเวินโหย่วเหลียง

เมื่อเวินโหย่วเหลียงเห็นทั้งสองมา ก็โบกมือให้พวกเขาแล้วพูดว่า “นั่งลงสิ ครั้งนี้ที่ฉันเรียกพวกนายมาเพราะจะบอกเรื่องรางวัลที่ทางกองทัพจะมอบให้พวกนาย”

เพราะครั้งนี้เซี่ยเจ๋อหลี่และคนอื่น ๆ ได้ปราบพวกของชางไห่ได้ทั้งหมด ทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี นอกจากนี้พวกเขายังจับเจ้าหน้าบากและได้รับข้อมูลการค้ามนุษย์โดยบังเอิญด้วย ดังนั้นผู้บัญชาการจึงค่อนข้างพอใจกับพวกของเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นอย่างมาก

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก แต่ฟู่ซวี่ตงกลับเอ่ยถามต่อพร้อมรอยยิ้ม “ผบ.ครับ รางวัลเป็นอะไรเหรอครับ”

เวินโหย่วเหลียงเหลือบมองฟู่ซวี่ตงก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตื่นเต้นเป็นเด็กเชียวนะ ครั้งนี้พวกนายจะได้เลื่อนตำแหน่งกัน ช่างเป็นรางวัลใหญ่เสียจริง ถึงเวลาฉลองแล้วล่ะ”

“จริงเหรอครับผบ. ผมกับอาหลี่จะได้เลื่อนตำแหน่งหรือ?”

ถึงแม้ว่าฟู่ซวี่ตงจะคาดหวังว่าพวกเขาจะได้รับรางวัล แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะใหญ่โตขนาดนี้

เวินโหย่วเหลียงหัวเราะแล้วกล่าวต่อว่า “ใช่ นายกับอาหลี่จะได้เลื่อนตำแหน่งกันทั้งคู่เลย อาหลี่จะได้เลื่อนจากรองหัวหน้าไปเป็นหัวหน้า ส่วนนายจะได้เลื่อนเป็นรองหัวหน้าแทน”

แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ

“ผบ.ครับ ทำไมผมกับซวี่ตงถึงได้เลื่อนตำแหน่งกันล่ะครับ?” ถึงแม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะทำภารกิจได้สำเร็จก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนจะได้เลื่อนตำแหน่งพร้อมกันได้เสียหน่อย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ยศใหญ่ขึ้นอีกขั้นแล้วนะพี่หลี่ เป็นเพราะมู่หลานช่วยเสริมส่งด้วยแน่ๆ เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท