ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 92 ไม่สบายใจ

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 92 ไม่สบายใจ

ตอนที่ 92 ไม่สบายใจ

ใบหน้าของเวินโหย่วเหลียงก็ฉายความโกรธเคืองเช่นกัน เอ่ยด้วยความรู้สึกขื่นขมนิดหน่อย “เพราะพวกนายได้เลื่อนตำแหน่ง คนขี้อิจฉาพวกนั้นจึงคอยหาทางให้การปฏิบัติภารกิจของพวกนายมีปัญหา งานในภาคตะวันตกเฉียงเหนือไม่ใช่เรื่องง่าย หากพาคนไปน้อย ภารกิจต้องสำเร็จยากแน่”

ได้ยินเช่นนั้น ฟู่ซวี่ตงก็อดที่จะเอ่ยเสียไม่ได้ “ท่านผบ.ครับ ในเมื่อทราบว่าอาจจะไม่สำเร็จ ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องหากองกำลังมาสมทบเพิ่ม ไม่อย่างนั้นหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแล้วจะทำยังไง”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่เอ่ยสิ่งใด สีหน้าของเขายับย่นไม่แพ้กัน เนื่องจากรู้ดีว่าโอกาสขอกำลังเสริมนั้นเป็นไปไม่ได้เลย สุดท้ายเอกสารพวกนี้ก็ถูกขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อยและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวต่อ “ซวี่ตง พวกเรากลับไปหารือกันอย่างรอบคอบดีกว่า ว่าจะมีวิธีไหนทำให้ภารกิจสำเร็จได้บ้าง”

หลังจากเอ่ยจบ เขาก็เดินออกไปทั้งอย่างนั้น

“เฮ้…อาหลี่ มันต้องเป็นแบบนี้เหรอ?”

ฟู่ซวี่ตงเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่เดินออกไป จึงรีบตามไปติด ๆ

เวินโหย่วเหลียงเห็นทั้งคนสองคนเดินจากไปก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ทว่าในใจกลับนึกถึงคนผู้หนึ่งเข้า ในเมื่อครั้งนี้ฝ่ายนั้นกล้าสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเขา ครั้งต่อไปพวกเขาจะโต้กลับอย่างแน่นอน

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา เขาก็พาฟู่ซวี่ตงไปปรึกษาหารือเกี่ยวกับภารกิจทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความที่เป็นภารกิจเร่งด่วน พวกเขาจึงต้องออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น

ตอนแรกฟู่ซวี่ตงคิดว่าภารกิจในครั้งนี้อาจจะไม่สำเร็จ แต่หลังจากได้ฟังแผนการณ์ของเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว เขาก็อดที่จะตาสว่างวาบขึ้นเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยชื่นชมจากใจจริง “อาหลี่ แผนของนายเยี่ยมมาก หากเป็นแบบที่ว่ามา พวกเราคงทำภารกิจทั้งที่ใช้กำลังพลน้อยได้อย่างแน่นอน”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยกยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น พลางกล่าวต่อ “คนพวกนั้นคงอยากเห็นว่าพวกเรามีความสามารถอะไรถึงได้เลื่อนขั้นไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาทำให้พวกเขาเห็นว่าพวกเราได้เลื่อนขั้นเพราะความแข็งแกร่งของตัวเองสิ”

“ใช่”

ฟู่ซวี่ตงรู้สึกกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม เขาตบบ่าเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างแรงก่อนจะพูดขึ้น “อาหลี่ พวกเรารีบไปพักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า”

“ตกลง”

เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มพลางพยักหน้า แต่ก่อนเข้านอน ใบหน้าของฉินมู่หลานก็ปรากฎขึ้นในใจ จึงทนไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นนั่งอีกครั้งแล้วเขียนจดหมายหาเธอ บอกเล่าว่าพรุ่งนี้ตนจะต้องไปทำภารกิจ คงอีกนานกว่าจะได้เขียนจดหมายไปถึงเธอ และทิ้งท้ายว่าอย่าได้กังวลใจไป

หลังจากเขียนจดหมายแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ผล็อยหลับไป

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ฝากสหายของตนให้ส่งจดหมายออกไปแล้ว เขากับกองกำลังกลุ่มน้อยก็ออกเดินทาง

ฉินมู่หลานที่อยู่อีกด้านไม่ทราบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังจะออกไปทำภารกิจอีกครั้ง ตอนนี้เธอกำลังสอนฉินเคอวั่งปรุงยาสมุนไพร โชคดีที่ฉินเคอวั่งหัวค่อนข้างไว หลังจากสอนได้เพียงไม่กี่วันก็เริ่มปรุงยาจากส่วนผสมง่าย ๆ ได้แล้ว

“เอาล่ะ เคอวั่ง นายไปพักก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ฉินเคอวั่งก็หันมาพูดพร้อมรอยยิ้ม “พี่ครับ ผมไม่เหนื่อย ผมต่อได้”

เมื่อเห็นสีหน้ากระตือรือร้นของฉินเคอวั่ง ฉินมู่หลานจึงยกยิ้มแล้วส่ายหัว

ในขณะนั้นเอง เหยาจิ้งจือก็เดินมาหลังบ้าน แล้วมองฉินมู่หลานพลางเอ่ยขึ้น “มู่หลาน หมอซ่งมาที่นี่กับใครก็ไม่รู้ เขาบอกว่ามาหาเธอเพื่อให้เธอช่วยรักษาให้”

หลังจากพูดจบ นางก็อดที่จะมองฉินมู่หลานไม่ได้ ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ล่าสุดคนในหมู่บ้านต่างพากันมารักษาตัวกับลูกสะใภ้คนเล็ก ซึ่งนั่นเข้าใจได้ว่าทุกคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนจากในอำเภอมาหา ทักษะการแพทย์ของลูกสะใภ้คนเล็กดีขนาดนั้นเลยหรือ กระทั่งคนจากที่อื่นยังมาหาถึงที่นี่

ฉินมู่หลานได้ยินแล้วก็ทราบว่าซ่งโหย่วเต๋อได้พาซวนจื่อมาหา เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า”ค่ะ เดี๋ยวฉันไปดูก่อนนะคะ”

ฉินเคอวั่งเองก็หยุดมือในสิ่งตัวเองทำ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “พี่ครับ ผมจะไปกับพี่ด้วย”

หลังจากสองพี่น้องและเหยาจิ้งจือมาถึงลานหน้าบ้านแล้ว ก็ได้เห็นซ่งโหย่วเต๋อกับซวนจื่อกำลังรออยู่ตรงนั้น

ทันทีที่ซวนจื่อเห็นฉินมู่หลาน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“หมอฉินครับ หลังจากที่ผมกินยาที่คุณสั่งจ่ายให้ก็รู้สึกดีมากขึ้นเลย คุณหมอช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ”

ซ่งโหย่วเต๋อที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ใช่แล้วครับหมอฉิน วันนี้ผมลองตรวจชีพจรให้ซวนจื่อ ก็พบว่าอาการดีขึ้นมาเล็กน้อย คุณนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยพูดพร้อมยกยิ้ม “เพิ่งทราบเลยนะคะว่าได้ผล หมอซ่ง เรามาเริ่มกันเลยดีไหมคะ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ครับ”

ได้ยินเช่นนั้น ซ่งโหย่วเต๋อก็พยักหน้าอย่างจริงจัง หลังจากได้เรียนในวันนั้นเขาก็สามารถจดจำจุดฝังเข็มในช่วงครึ่งแรกได้แล้ว แต่ยังจำครึ่งหลังไม่ได้ วันนี้จึงต้องพยายามตั้งใจมากขึ้น

ซวนจื่อทราบว่าฉินมู่หลานกำลังจะฝังเข็มให้เขา จึงรีบหันมองโดยรอบ ก่อนจะพบว่าไม่มีที่ให้นอนเลย

โชคดีที่ฉินมู่หลานได้เตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว เธอบอกให้เคอวั่งขนไม้กระดานออกมา แล้วต่อแต่งเป็นเตียงไม้ชั่วคราว

เหยาจิ้งจือเห็นว่าเธอกำลังจะเริ่มรักษา นางจึงรีบออกไปทำอย่างอื่นแทนในทันที

ฉินมู่หลานทำการฝังเข็มให้กับซวนจื่อ ขณะเดียวกันก็พูดอธิบายถึงความสำคัญของวิธีการนี้ให้ซ่งโหย่วเต๋อฟัง

ซ่งโหย่วเต๋อตั้งใจฟัง ครั้งนี้เขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและจดบันทึกลงไปในกระดาษ หลังจากฝังเข็มเสร็จแล้ว ซ่งโหย่วเต๋อก็ตั้งใจทบทวน จนท้ายที่สุดก็สามารถจดจำจุดและลำดับการฝังเข็มทั้งหมดได้

“หมอซ่งคะ ครั้งหน้ามาดูอีกครั้ง แล้วต่อไปจะให้คุณลองทำนะคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งโหย่วเต๋อก็พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ครับ”

และซวนจื่อก็ลุกขึ้นมาแล้ว เขารู้สึกว่าร่างกายของตนผ่อนคลายขึ้นมากและมั่นใจว่าอาการป่วยจะทุเลาลง ตอนแรกเขายังรู้สึกสงสัยว่าโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้จริงหรือ แต่หลังจากได้ฝังเข็มไปสองครั้งเขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามันรู้สึกดีขึ้นค่อนข้างมาก

หลังจากฉินมู่หลานฝังเข็มเสร็จ ก็ตรวจชีพจรให้ซวนจื่ออีกครั้ง

“กินยาเหมือนกับก่อนหน้าที่ได้ไป แล้วอีกสามวันค่อยมาใหม่นะคะ”

ซวนจื่อได้ยินเช่นนั้น จึงรีบพยักหน้าแล้วกล่าว “ครับ เดี๋ยวพวกเราจะกลับมาครับ”

หลังจากตรวจรักษาเสร็จ ซวนจื่อก็รีบจ่ายเงินทันที “หมอฉิน ครั้งก่อนผมรีบไปหน่อย ไม่ทันจ่ายค่ารักษาให้คุณเลย ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ตอนนี้ผมจะจ่ายรวบให้ทั้งหมดเลย”

เมื่อมองเหรียญสิบหยวนตรงหน้า ฉินมู่หลานคิดที่จะปฏิเสธ แต่ซ่งโหย่วเต๋อกลับเปิดปากกล่าวว่า “หมอฉินครับ รีบรับเถอะ คุณสมควรไดรับมัน หากไม่ใช่เพราะคุณ ซวนจื่ออาจไม่หายจากโรคนี้”

“ใช่ครับ”

ซวนจื่อรีบพยักหน้าตามทันที

เมื่อมองดูเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะของซวนจื่อ สุดท้ายฉินมู่หลานก็เก็บเพียงห้าหยวน “แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ”

ซวนจื่อยังต้องการจะให้ แต่ก็โดนฉินมู่หลานยื้อไว้ สุดท้ายซ่งโหย่วเต๋อก็พาซวนจื่อกลับไป

หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว ทุกคนในหมู่บ้านก็ทราบเรื่องว่ามีคนจากข้างนอกเดินทางมารักษากับฉินมู่หลาน แล้วยังมาจากในอำเภอด้วย แสดงให้เห็นว่าทักษะการแพทย์ของฉินมู่หลานดีเพียงใด ตอนนี้ทุกบ้านจึงพูดคุยเรื่องฉินมู่หลาน แล้วก็คิดว่ามันช่างเหลือเชื่อ

ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เธอยังทำการสอนฉินเคอวั่งปรุงยาต่อไป หลังจากสอนเขาจำแนกชนิดสมุนไพรบนเขาต้าชิงซาน เธอก็ได้รับจดหมายจากเซี่ยเจ๋อหลี่

เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมายว่าเขากำลังจะไปทำภารกิจทางฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไม เธอจึงรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ชื่อเสียงมู่หลานไม่ธรรมดาแล้ว คนในอำเภอเดินทางมาให้รักษาถึงที่เลย

ดูแลตัวเองด้วยนะคะพี่หลี่ ภารกิจดูเสี่ยงเหลือเกิน แถมเบื้องบนก็คุมกำเนิดความก้าวหน้าไม่ยอมให้กำลังเสริมมาด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท