ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 93 เซี่ยเจ๋อหลี่บาดเจ็บ (1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 93 เซี่ยเจ๋อหลี่บาดเจ็บ (1)

ตอนที่ 93 เซี่ยเจ๋อหลี่บาดเจ็บ (1)

เมื่อเห็นสีหน้าของฉินมู่หลานดูไม่ค่อยดีนัก เหยาจิ้งจือจึงเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ “มู่หลาน อาหลี่ว่าอย่างไรหรือ?”

ฉินมู่หลานหันมองหลังจากได้ยินดังนี้ ก่อนจะรีบยกยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่บอกว่าหลังจากนี้จะยุ่งนิดหน่อย จะไม่ได้เขียนจดหมายถึงที่บ้านสักพักน่ะค่ะ” ขณะเอ่ยเธอก็ยื่นจดหมายไปให้

เหยาจิ้งจืออ่านเนื้อความในจดหมายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่ามันเป็นจดหมายธรรมดาทั่วไปที่เขียนถึงบ้าน จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลานด้วยแววตาประหลาดใจ แล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน จดหมายที่อาหลี่เขียนมาก็เหมือนที่เขียนถึงที่บ้านปกติ แต่ทำไมสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย”

ฉินมู่หลานรู้สึกไม่ค่อยสบายใจจริง ๆ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สบายใจ รู้สึกได้ว่าจิตใจไม่ค่อยสงบ แต่ก็ไม่สามารถอธิบายอารมณ์นี้ได้ เพราะท้ายที่สุดข้อความบนจดหมายก็ไม่มีอะไรชวนให้รู้สึกหดหู่ใจเลยสักนิด “แม่คะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ บางทีวันนี้คงเหนื่อยไปหน่อย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาจิ้งจือก็รีบเอ่ย “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นเธอรีบไปพักสักหน่อยเถอะ หลังจากตั้งท้องก็จะเหนื่อยง่ายแบบนี้แหละ”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”

ไม่กี่วันต่อมา อารมณ์ของฉินมู่หลานก็ยังไม่ค่อยดีขึ้น แม้ว่าตอนนี้เธอจะกินมากก็ตาม แต่ก็ผอมลงเรื่อย ๆ ใบหน้าที่แต่เดิมค่อนข้างซูบผอมอยู่แล้วกลับกลายเป็นเริ่มเห็นโครงหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น และด้วยความที่ผอมลง จึงทำให้เธอดูตัวสูงขึ้นมาก

เมื่อไม่นานมานี้ ซ่งโหย่วเต๋อกับซวนจื่อก็ได้มาอีกสองครั้ง และในที่สุดซ่งโหย่วเต๋อก็ได้เรียนรู้วิธีการฝังเข็มให้ซวนจื่อได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมาทำการรักษาที่นี่อีก

ซ่งโหย่วเต๋อโค้งคำนับฉินมู่หลานอย่างนอบน้อม

ฉินมู่หลานรีบหลบหลีกทันที “หมอซ่ง คุณทำอะไรคะ”

ซ่งโหย่วเต๋อยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “หมอฉิน ผมอยากจะขอบคุณคุณมากจริง ๆ ที่สอนผมเต็มที่โดยไม่ปิดบังอะไรเลย”

“หมอซ่งคะ ฉันเคยบอกแล้วว่าหากพวกเราเรียนรู้กันได้ ก็จะสามารถช่วยคนได้มากมาย มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยค่ะ”

ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ซ่งโหย่วเต๋อก็ยังจะจดจำความรู้สึกนี้เอาไว้ เพราะคนบางจำพวกมักหวงวิชาไม่ยอมถ่ายทอดทักษะของตัวเองให้

ซวนจื่อเองก็ขอบคุณฉินมู่หลานเช่นกัน แต่ด้วยความที่ครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวย จึงสามารถแสดงความขอบคุณด้วยการมอบไก่ฟ้าให้ได้เพียงสองตัวเท่านั้น “หมอฉินครับ ขอบคุณคุณมากจริง ๆ ครับ”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วส่ายหัว

หลังจากทั้งสองคนกลับไปแล้ว ฉินมู่หลานก็รู้สึกโล่งใจขึ้น หลังจากนี้ซ่งโหย่วเต๋อจะเป็นคนฝังเข็มให้ซวนจื่อต่อ เธอก็จะรู้สึกสบายขึ้น งานที่เหลืออยู่ก็มีเพียงการสอนฉินเคอวั่งปรุงยาสมุนไพรเท่านั้น

แต่สิ่งที่ฉินมู่หลานไม่ทันคาดคิดก็คือ เช้าวันรุ่งขึ้น ซูหว่านอี๋ได้มาที่บ้านตระกูลฉินพร้อมกับฉินเคอวั่ง

ซูหว่านอี๋ไม่ได้เจอลูกสาวมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากได้เห็นหน้าค่าตาลูกสาวว่าตอนนี้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง ก็อดตกตะลึงเสียไม่ได้

“มู่หลาน ลูก…ทำไมลูกถึงลดน้ำหนักเยอะขนาดนี้อีกแล้ว”

เดิมทีฉินมู่หลานเป็นคนผิวขาว ตอนนี้หลังจากน้ำหนักลดลงไปอีก โครงหน้าจึงมีความปราณีตและสดใสมากยิ่งขึ้น ทั้งรูปร่างยังดูสูงเพรียวขึ้น จนซูหว่านอี๋รู้สึกตกใจพร้อมกับดวงตาฉายแววคะนึงหา หน้าตาแบบนี้…ช่างดูคล้ายกันมาก

แต่ไม่นานนัก ซูหว่านอี๋ก็กลับมาทุกข์ใจอีกครั้งโนเวลพีดีเอฟ

“มู่หลาน ลูกกำลังท้อง แล้วทำไมถึงได้ผอมลงเรื่อย ๆ เลย”

ในขณะนั้นเอง เหยาจิ้งจือก็บังเอิญกลับมาจากร้านขายของ ได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกทุกข์ใจด้วยเช่นกัน “แม่ยาย คุณมาแล้วหรือ ฉันเองก็กังวลใจเหมือนกัน มู่หลานไม่ได้กินน้อยลงเลย แต่กลับผอมลงเรื่อย ๆ ตอนนี้ฉันเองก็อยากให้หล่อนกินมากกว่าเดิมสักหน่อย”

ฉินมู่หลานเห็นทั้งสองคนดูกังวล จึงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม “แม่คะ พวกแม่ไม่ต้องกังวลกันหรอกค่ะ ฉันกินอิ่มทุกวัน แล้วยังกินมากกว่าเดิมด้วยนะ”

ซูหว่านอี๋รู้สึกไม่เชื่อนิดหน่อย “จริงหรือ แล้วทำไมลูกถึงได้ผอมลงเรื่อย ๆ เลยล่ะ”

ฉินเคอวั่งเป็นพยานให้ “แม่ครับ พี่กินเก่งกว่าเดิมจริง ๆนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ผอมลงเรื่อย ๆ”

ช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขามาเรียนปรุงยากับพี่สาว จึงได้อยู่กินข้าวที่บ้านตระกูลเซี่ยบ่อยครั้ง เขาจึงทราบว่าพี่สาวของเขากินมากขนาดไหน

เมื่อเห็นลูกชายพูดแบบนั้น ซูหว่านอี๋ก็ยอมเชื่อ แต่ยังรู้สึกกังวลใจอยู่นิดหน่อย

“มู่หลาน ตอนนี้ลูกตั้งท้อง แต่ยังผอมอยู่เลย แบบนี้ไม่เป้นไรจริงเหรอ?”

เหยาจิ้งจือหันมองฉินมู่หลาน พูดตามตรงแล้วนางก็เป็นห่วงเหมือนกัน

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “พวกแม่วางใจเถอะ ฉันรู้จักสภาพร่างกายของตัวเองดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวของนางไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ซูหว่านอี๋จึงไม่พูดอะไรอีก

ฉินมู่หลานเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่คะ ทำไมวันนี้แม่ถึงมาที่นี่เหมือนกันล่ะ”

“แม่ทำชุดเด็กเล็กให้สองตัว ก็เลยเอามาให้ลูก” ซูหว่านอี๋พูดพร้อมจับมือลูกสาว แล้วเอ่ยขึ้น “พวกเราลองดูกันเถอะ”

“ได้ค่ะ”

เหยาจิ้งจือเห็นหลายคนเข้ามาในบ้าน จึงเอ่ยทักทายพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็เชิญซูหว่านอี๋เข้ามารับประทานอาหารเย็นด้วยความกระตือรือร้น

หลังจากซูหว่านอี๋ครุ่นคิดสักพัก จึงพยักหน้าแล้วตอบตกลง “เอาสิคะ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนบ้านลูกเขยแล้วค่ะ”

นางเองก็อยากเห็นกับตาตัวเองด้วยว่าลูกสาวของตนกินอาหารได้ดีหรือไม่

เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ซูหว่านอี๋ก็เห็นกับตาว่าลูกสาวของเธอกินข้าวชามใหญ่ถึงสามชามด้วยกัน จึงได้ทราบว่าน้ำหนักที่ลดลงไปของลูกสาวไม่ได้เกิดจากการกินน้อยลงแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเธอตั้งครรภ์ ถึงแม้จะกินอาหารเข้าไปมาก แต่น้ำหนักก็ยังลด นางจึงรู้สึกโล่งใจ

หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ซูหว่านอี๋ก็พาฉินเคอวั่งกลับไปดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ฉินมู่หลานกำลังจะไปนอน แต่นึกไม่ถึงว่าเธอยังไม่ทันจะเข้าห้อง ก็ได้พบกับเซี่ยเจ๋อน่าที่บาดเจ็บไปทั้งตัว

เซี่ยเจ๋อน่าเดินเข้าประตูมา เมื่อหันไปเห็นฉินมู่หลาน สีหน้าโศกเศร้าพลันเปลี่ยนไปทันที จ้องมองพี่สะใภ้รองของตนตาเขม็ง แต่เมื่อได้พบเหยาจิ้งจือก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง

“แม่ พวกแม่ต้องเข้าข้างหนูนะ…”

เหยาจิ้งจือเห็นลูกสาวบาดเจ็บไปทั้งตัว การแสดงออกจึงเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยถามด้วยท่าทางตกประหม่าทันที “น่าน่า แกเป็นอะไรอีก?”

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่พวกสามีพากันไปทวงความยุติธรรมให้ลูกสาว นางก็ไม่ได้เจอลูกสาวอีกเลย ตอนแรกก็อยากจะไปเยี่ยมหาในเมือง แต่สามีกลับไม่อนุญาต

หลังจากนั้นลูกชายก็กลับมาที่บ้านอีกครั้ง ส่วนมู่หลานก็ตั้งท้อง นางจึงปล่อยวางเรื่องนั้นผ่านไป นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อได้พบลูกสาวอีกครั้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวหล่อนจะเต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนี้

เซี่ยเจ๋อน่าเห็นเหยาจิ้งจือแล้วก็รู้สึกระทมใจขึ้นมา

“แม่ เกาหยวนเป็นคนทำหมดเลย หลังจากที่พวกแม่ช่วยหนูไปครั้งก่อน เขาก็ทำตัวดีขึ้น ทำดีกับหนูมากขึ้น แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าทำร้ายหนูอีกครั้ง”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

แสดงว่าเด็กคนนี้ต้องเกิดมาอ้วนท้วนสมบูรณ์แน่ๆ เลย กินเก่งขนาดนี้

ยัยเจ๋อลากสังขารกลับมาบ้านอีกแล้ว เดือดร้อนบ้านตัวเองให้ไปสู้เพื่อตัวเองอีกแล้ว ทำอะไรไว้ก็แก้เองค่าาา ให้หย่าตั้งนานก็ไม่หย่าเอง โทษใครได้อะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท