ตอนที่ 97 อีกไม่นานก็ดีขึ้นแล้ว
ตอนที่ 97 อีกไม่นานก็ดีขึ้นแล้ว
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน จึงยกยิ้มพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “มู่หลาน ขอบคุณนะ”
แต่ถึงอย่างไร หมอเลี่ยวที่อยู่ด้านข้างก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ยังไม่รู้เลยว่าขาของคุณจะหายดีหรือเปล่า ดีใจตอนนี้เร็วไปหน่อยไหมครับ ว่าแต่…” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็อดที่จะหันไปเอ่ยถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “ผมเห็นว่าคุณค่อนข้างเชี่ยวชาญ ไม่ทราบว่าเคยทำงานที่ไหนมาก่อนหรือครับ?”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงส่ายหัวแล้วตอบกลับ “ฉันไม่เคยทำงานที่ไหนค่ะ อยู่แต่ที่บ้าน”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของหมอเลี่ยวก็ฉายความแปลกใจ เมื่อกำลังจะเอ่ยถามต่อ ฉินมู่หลานก็ชิงเปิดปากขึ้นก่อน “หมอเลี่ยวคะ พวกเราพาอาหลี่กับไปที่วอร์ดกันเถอะค่ะ”
หมอเลี่ยวได้ยินเช่นนั้น จึงกลืนคำพูดของตนลงไป แล้วพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น “จริงสิ ได้ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วก็ควรจะกลับวอร์ด”
หลังจากที่ทั้งสองพาเซี่ยเจ๋อหลี่ออกไป ฟู่ซวี่ตงก็รีบเดินเข้ามาตรงหน้าแล้วเอ่ยถาม “อาหลี่ นายเป็นยังไงบ้าง?”
เซี่ยเจ๋อหลี่ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ได้อยู่ในการดูแลของมู่หลานก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฟู่ซวี่ตงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เป็นไงบ้าง ขาของนายไม่มีผลข้างเคียงอะไรจริง ๆ ใช่ไหม?” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็รีบหันมองฉินมู่หลานทันที
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร”
แต่ถึงอย่างนั้นฟู่ซวี่ตงก็ยังไม่วางใจนัก เขาจึงหันมองหมอเลี่ยวอีกครั้ง
หมอเลี่ยวโบกมือพลางเอ่ยขึ้น “ผมรับประกันเรื่องนี้ไม่ได้ครับ เพราะไม่ใช่ฝีมือผ่าตัดของผมเอง แต่ผมคิดว่าฝีมือของหมอฉินดีมาก เทคนิคค่อนข้างดีด้วย หากหล่อนบอกแบบนั้น บางทีอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ครับ”
“เป็นไปได้ยังไง!”
ถานเล่อเวยที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น ท่าทางเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ฉินมู่หลานเป็นแค่หญิงสาวชนบท เธอมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร ขนาดตัวหมอเลี่ยวเองก็ยังหาทางรักษาอาการบาดเจ็บของเซี่ยเจ๋อหลี่ให้ดีไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่หญิงสาวชนบทอย่างเธอจะทำได้
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนจึงได้สังเกตเห็นว่าถานเล่อเวยยังอยู่ที่นี่
ฉินมู่หลานปรายตามองถานเล่อเวยครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็หันไปมองเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยถามโดยนัย “เซี่ยเจ๋อหลี่ ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นดูใส่ใจคุณมากเลยนะคะ หล่อนเป็นใครเหรอ ฉันไม่เห็นรู้จักเลย”
ไม่ทันที่เซี่ยเจ๋อหลี่จะเอ่ยตอบ ฟู่ซวี่ตงก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน “น้องสะใภ้ ถานเล่อเวยมาจากคณะสันทนาการ พวกเราก็ไม่ได้รู้จักหล่อนดีเท่าไหร่ แค่รู้จักกันแบบผิวเผินเท่านั้นแหละครับ”
“ฟู่ซวี่ตง นาย…”
ก่อนที่ถานเล่อเว่ยจะทันเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็แทรกขึ้นทันที “สหายถาน ฉันไม่ได้สนิทกับเธอ เธอไม่ต้องมาเยี่ยมทุกวันก็ได้ ถ้าไม่มีธุระอะไร ก็เชิญกลับไปได้แล้วล่ะ”
ถานเล่อเวยคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะเอ่ยอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ และไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของหล่อน “เซี่ยเจ๋อหลี่ นายทำเกินไปแล้ว”
เซี่ยเจ๋อหลี่เหนื่อยหน่ายกับถานเล่อเวยมานานแล้ว ทั้งที่เขาชัดเจนมานาน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้สังเกตเห็นและปรากฎตัวต่อหน้าเขาอยู่เสมอ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงในตอนที่มู่หลานอยู่ที่นี่เลย เขาจึงกลัวมู่หลานเข้าใจผิด “สหายถานเล่อเวย เธออย่าล้ำเส้นให้มาก ฉันต้องกลับไปพักผ่อนที่วอร์ดแล้ว เธออยู่ที่นี่ทำไมอีก”
“นาย…”
ถานเล่อเวยไม่พอใจมาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เฉินเฉี่ยวเซียงที่อยู่ด้านข้างกำลังจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พบว่าเวินโหย่วเหลียงและผู้นำหลายคนเข้ามา หล่อนจึงหุบปากลงอย่างรวดเร็ว
เวินโหย่วเหลียงเห็นคนหลายคนยืนอยู่ที่นี่ จึงรีบเอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้าง ทำไมถึงยังอยู่ตรงนี้ล่ะ” หลังจากเอ่ยเช่นนั้น เขาก็รีบมองไปที่เซี่ยเจ๋อหลี่แล้วเอ่ยถาม “อาหลี่ ได้ข่าวว่านายผ่าตัดอีกรอบ เป็นอย่างไรบ้าง การผ่าตัดสำเร็จดีไหม? ขาของนายฟื้นตัวได้หรือเปล่า แล้วจะทิ้งผลข้างเคียงอะไรไว้ไหม?”
“ผ่าตัดสำเร็จดีครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินโหย่วเหลียงก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาก่อนจะเอ่ย “จริงเหรอ ดีจังเลย”
ขณะที่กำลังพูด เขาก็หันมองฉินมู่หลาน “สหายฉิน ไม่คิดเลยว่าคุณจะมีฝีมือการรักษาดีเยี่ยมเช่นนี้ มันคงดีมากถ้าขาของอาหลี่ฟื้นตัวได้เต็มที่ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการสูญเสียของกองทัพเราเลยก็ได้”
เซี่ยเจ๋อหลี่มีความสามารถโดดเด่นและมีฝีมือดี หากเขาต้องลาออกจากกองทัพแล้วเปลี่ยนสายอาชีพเพราะอาการบาดเจ็บที่ขา คงน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย
“เป็นหน้าที่ที่ฉันต้องทำค่ะ แต่ตอนนี้เขาต้องพักผ่อนให้เพียงพอ”
เวินโหย่วเหลียงได้ยินสิ่งนี้ จึงรีบพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นทันที “ใช่แล้ว รีบไปพักผ่อนเสียนะ”
หลังจากที่เซี่ยเจ๋อหลี่ถูกส่งตัวกลับไปที่วอร์ด ฉินมู่หลานก็แทบประคองตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้วทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทันที
เมื่อเห็นฉินมู่หลานเป็นเช่นนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เอ่ยถามด้วยความกังวลใจ “มู่หลาน คุณเป็นอะไร?”
ฟู่ซวี่ตงที่อยู่ด้านข้างก็ดูกังวลใจเช่นกัน
ฉินมู่หลานโบกมือ แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่เหนื่อยเกินไปหน่อย”
หลังจากนั่งรถมาเป็นเวลานาน ทั้งยังเข้าผ่าตัดให้เซี่ยเจ๋อหลี่อยู่อีกหลายชั่วโมง ต่อให้เธอไม่ตั้งครรภ์ก็คงเหนื่อยเหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงตอนกำลังตั้งครรภ์อยู่เลย
ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะพูดแบบนั้น แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดวางใจไม่ได้ จึงหันมองฟู่ซวี่ตงแล้วบอกกับเขา “ซวี่ตง ไปตามหมอมาดูมู่หลานหน่อยไหม ฉันว่าหล่อนดูอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
ไม่รีรอให้ฟู่ซวี่ตงออกจากประตูไป ฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยร้งเขาเอาไว้ “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวนอนพักสักหน่อยก็ดีขึ้น”
“มู่หลาน อยากกินอะไรสักหน่อยไหม หลังจากนั้นค่อยนอนเถอะ”
เมื่อเห็นเซี่ยเจ๋อหลี่พูดแบบนั้น ฉินมู่หลานจึงพยักหน้า ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่อยากอาหารแล้วก็ตาม แต่เธอก็ควรกินอะไรบ้าง ไม่เอย่างนั้นคงไม่ใช่แค่ตัวเองที่อด แต่ลูกในท้องก็หิวไปด้วย
ฟู่ซวี่ตงเอ่ยขึ้นอย่างนึกเสียใจ “ฉันผิดเอง ไม่ได้เตรียมไว้ให้พร้อม” ขณะที่พูดเขาก็รีบไปเตรียมหาอาหารโนเวลพีดีเอฟ
หลังจากนำอาหารมาส่งแล้ว ฉินมู่หลานก็กินไปนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ผล็อยหลับไปบนเตียงข้าง ๆ
เมื่อเห็นใบหน้าของฉินมู่หลานเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ใบหน้าของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ
ฟู่ซวี่ตงเห็นว่าทั้งสองกินเสร็จแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงกระซิบ “อาหลี่ พรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมนะ”
“ได้”
ฟู่ซวี่ตงเก็บกล่องอาหารแล้วรีบออกไปทันที เซี่ยเจ๋อหลี่หันนอนพลิกตะแคงข้าง จ้องมองตรงไปที่ฉินมู่หลาน แววตาเต็มไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง เขาไม่คิดเลยว่าฉินมู่หลานจะมาจริง ๆ แล้วไม่คิดด้วยว่าขาของเขาจะปลอดภัยดี ตั้งแต่ที่ฉินมู่หลานบอกว่าเธอช่วยรักษาเขาได้ เขาก็ปักใจเชื่อเช่นนั้นตลอด
เซี่ยเจ๋อหลี่ทำเพียงแค่จ้องมองไปที่ฉินมู่หลาน ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ฉินมู่หลานรู้สึกเหนื่อยมาก ดังนั้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเป็นเวลาเก้าโมงเช้าของวันถัดไปแล้ว
เซี่ยเจ๋อหลี่ที่ตื่นก่อนหน้านั้นเห็นฉินมู่หลานลืมตาขึ้น ก็รีบเอ่ยถาม “มู่หลาน คุณเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหนไหม?”
เขาเห็นฉินมู่หลานนอนหลับอยู่นานมาก จึงรู้สึกเป็นกังวลนิดหน่อย แต่เมือหมอเลี่ยวมาหาตอนเช้า เขาก็บอกว่าเธอต้องพักผ่อนเยอะ ๆ เขาจึงไม่ปลุกเธอ
ฉินมู่หลานได้ยินเซี่ยเจ๋อหลี่พูดเช่นนั้น จึงค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นไรค่ะ รู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
หลังได้หลับมาทั้งคืนก็รู้สึกเหมือนได้ฟื้นคืนพลังกลับมาแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาก
เมื่อเห็นสีผิวของฉินมู่หลานเป็นสีแดงระเรื่อ เซี่ยเจ๋อหลี่จึงรู้สึกวางใจ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นคุณลุกขึ้นไปอาบน้ำสักหน่อย ผมขอให้ซวี่ตงซื้อแปรงสีฟันกับสบู่มาแล้ว วางอยู่ตรงนั้นนะ”
“ค่ะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ช่างใส่ใจเหลือเกิน หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จ ก็เริ่มมากินข้าวเช้าที่จัดเตรียมเอาไว้ให้นานแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ฉินมู่หลานก็หยิบเข็มทองออกมาอีกครั้งแล้วพูดว่า “อาหลี่ ช่วงนี้ฉันจะฝังเข็มให้คุณทุกวัน แล้วอาการของคุณจะดีขึ้นในไม่ช้า ถ้าคุณยอมให้ความร่วมมือแล้วกินยาตามที่ฉันสั่ง”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขอให้ขาของพี่หลี่หายขาดแบบไม่มีปัญหานะคะ
กลับไปได้แล้วสหายถาน เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย
ไหหม่า(海馬)