ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 98 เชิญชวน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 98 เชิญชวน

ตอนที่ 98 เชิญชวน

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้นจึงยกยิ้มพยักหน้าแล้วพูดว่า “อื้ม…มีมู่หลานอยู่ทั้งคน ผมคงไม่ต้องกังวลกับอาการเจ็บป่วยอะไรแล้ว”

แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นเขาก็เป็นห่วงสภาพร่างกายของฉินมู่หลานมากกว่า “มู่หลาน คุณฝังเข็มให้ผมทุกวันจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ตอนนี้คุณท้องอยู่ ต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีนะ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มพลางเอ่ย “อย่าห่วงเลยค่ะ ฝังเข็มใช้เวลาแค่เท่าไหร่เอง ฉันไม่เหนื่อยสักนิด”

หลังจากฉินมู่หลานจัดการทุกอย่างเรียบร้อย หมอเลี่ยวก็เข้ามา ครั้นเห็นฉินมู่หลานตื่นแล้วก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “หมอฉิน ผมขอถามอะไรคุณสักหน่อยได้ไหม?”

ฉินมู่หลานได้ยินแล้วก็พยักหน้ากล่าวต่อ “ได้แน่นอนค่ะ”

หมอเลี่ยวมีคำถามมากมายเกี่ยวกับการผ่าตัดเมื่อวานนี้ เขาอยากทราบนักว่าเหตุใดฉินมู่หลานจึงมั่นใจได้ขนาดนี้ว่าขาของเซี่ยเจ๋อหลี่จะไม่ทิ้งผลข้างเคียงอะไร เนื่องจากทราบมาว่าอาชีพของคนอย่างเซี่ยเจ๋อหลี่หากได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายก็เท่ากับตายทั้งเป็น

หลังฉินมู่หลานได้ฟังคำถามของหมอเลี่ยวแล้ว เธอก็บอกกล่าวตามตรง “ที่จริงแล้ว การผ่าตัดเมื่อวานนี้ไม่ใช่หลักประกันว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของอาหลี่จะหายเป็นปกติ หลังจากนี้ฉันยังต้องฝังเข็มให้เขาทุกวัน เพื่อให้แน่ใจว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะไม่ทิ้งผลข้างเคียงใด ๆ ค่ะ”

“อย่างที่บอกมา แสดงว่าคุณต้องฝังเข็มให้กับสหายเซี่ยทุกวันเลยเหรอครับ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่ค่ะ มีเพียงเรื่องนี้ถึงจะทำให้ขาของเขากลับมาปกติได้”

ตอนนี้หมอเลี่ยวเข้าใจแล้วว่าต่อให้มาถึงที่นี่เพื่อสอบถามไปก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากเขาไม่รู้ศาสตร์การฝังเข็มเลย แต่ถ้าเซี่ยเจ๋อหลี่ฟื้นตัวได้ตามที่บอกได้จริง เช่นนั้นฝีมือการรักษาของฉินมู่หลานก็ต้องเยี่ยมยอดมากเป็นแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น หมอหลี่จึงจ้องมองพลางเอ่ยถาม “หมอฉินครับ ในเมื่อคุณไม่เคยทำงานมาก่อน ผมเลยอยากจะถามว่าคุณสนใจเข้าทำงานที่โรงพยาบาลของเราไหมครับ?”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง ไม่คิดว่าหมอเลี่ยวจะเอ่ยถามเช่นนี้

“แต่ว่า…ฉันไม่มีใบรับรองวุฒินะคะ ทักษะการแพทย์ฉันร่ำเรียนมาจากคุณปู่ของฉันหมดเลย”

หมอเลี่ยวได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้น “ขอแค่คุณมีฝีมือการรักษาที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็สามารถเข้าทำงานที่โรงพยาบาลของเราได้ครับ ใบรับรองวุฒิก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”

ฉินมู่หลานเองก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน ในช่วงยุคสมัยเช่นนี้ของพวกนี้ยังไม่ค่อยสมบูรณ์นัก พวกหมอเท้าเปล่าและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในจังหวัดชนบทก็เยอะมากและต่างก็ไม่ได้เรียนแพทย์มาเลย เพียงไปที่โรงพยาบาลเพื่อฝึกหัดเพียงสักพักก็เริ่มทำงานได้แล้ว ดังนั้นก็ไม่แปลกเลยที่คนอย่างเธอจะเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดคิดถึงแนวโน้มที่จะเข้าทำงานในโรงพยาบาลเสียไม่ได้

แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยขึ้น “มู่หลาน รอจนกว่าคุณจะคลอดลูกก่อนดีไหม ตอนนี้คุณกำลังท้อง คงรู้สึกเหนื่อยง่ายมาก”

เมื่อวานนี้เขาได้เห็นทั้งหมดว่าฉินมู่หลานเหนื่อยล้า เขาจึงทนมองเธอทำงานหนักไม่ได้จริง ๆ

ฉินมู่หลานพลันนึกไปถึงความเหนื่อยล้าเมื่อไม่นานมานี้ จึงปฎิเสธข้อเสนอของหมอเลี่ยว “ใช่ค่ะหมอเลี่ยว รอฉันคลอดลูกก่อนดีกว่าค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมอเลี่ยวก็ไม่เอ่ยอะไรอีก หลังจากพูดเพิ่มเติมสองสามประโยคเขาก็ออกไป

หลังจากหมอเลี่ยวออกไปแล้ว ฟู่ซวี่ตงก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อย เห็นหน้าเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วก็เอ่ยถามทันที “อาหลี่วันนี้นายเป็นอย่างไรบ้าง?”

”ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว”

ฟู่ซวี่ตงได้ยินแล้วสีหน้าก็ฉายความดีใจ “จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ช่วงนี้นายควรดูแลตัวเองให้ดี ส่วนอย่างอื่นที่เหลือให้ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง”

แม้ว่าภารกิจทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของพวกเขาจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ต้องจัดการต่อ เซี่ยเจ๋อหลี่ได้รับบาดเจ็บ เขาจึงต้องรับช่วงต่อเป็นธรรมดา

“ได้ ต่อไปนายคงงานยุ่งแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเยี่ยมฉันทุกวันก็ได้นะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟู่ซวี่ตงก็อดไม่ได้ที่จะพูดติดตลก “เพราะนายเห็นว่าน้องสะใภ้มาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันเลยไม่จำเป็นแล้วใช่ไหมล่ะ ก็ได้ๆ ฉันจะไม่รบกวนเวลาของพวกนาย”

เป็นเพราะทราบว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของเซี่ยเจ๋อหลี่จะหายขาด ฟู่ซวี่ตงจึงรู้สึกโล่งใจหมดแล้ว จึงอยากพูดจามีอารมณ์ขันบ้าง

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแล้วจึงหันมองฟู่ซวี่ตง เอ่ยขึ้น “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้นายก็กลับไปได้แล้ว”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับแล้วนะ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังรอให้ฟู่ซวี่ตงไปจัดการ ดังนั้น หลังจากเขาเอ่ยพูดกับเซี่ยเจ๋อหลี่อีกไม่กี่คำ และกล่าวทักทายและบอกลาฉินมู่หลาน หลังจากนั้นก็กลับไป

หลายวันต่อมา ฉินมู่หลานฝังเข็มให้กับเซี่ยเจ๋อหลี่ทุกวัน ขณะเดียวกันก็ให้เขากินยาตามที่เธอสั่งจ่ายด้วย ทำให้อาการโดยรวมของเซี่ยเจ๋อหลี่ดีขึ้นมาก

เมื่อคุณหมอเลี่ยวเข้ามาตรวจดูอาการ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมองฉินมู่หลานแล้วพูดขึ้น “หมอฉิน ด้วยความที่คุณดูแลดี ตอนนี้ผิวพรรณของสหายเซี่ยเจ๋อหลี่ดีขึ้นมาก อีกสักสองวันเขาน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะหมอเลี่ยว”

ฉินมู่หลานรู้สึกขอบคุณหมอเลี่ยวจากใจจริง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคอยดูแลเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่เสมอ

หมอเลี่ยวได้ยินเช่นนั้น จึงโบกมือแล้วพูดขึ้นว่า “หมอฉินสุภาพไปแล้วครับ คุณฝีมือรักษาดี ดูแลก็ดี จึงเป็นผลให้สหายเซี่ยเจ๋อหลี่ฟื้นตัวได้มากขึ้นขนาดนี้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ให้ดูแลให้ดีอย่างต่อเนื่อง หากมีคำถามตรงไหนก็สามารถแวะเข้ามาถามได้ตลอดครับ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะหมอเลี่ยว”

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณ

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ออกจากโรงพยาบาล ฟู่ซวี่ตงก็เข้ามาช่วย แล้วพาพวกเขาไปทางฝั่งห้องพักครอบครัว

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินมู่หลานมาที่นี่ จึงมองสำรวจโดยรอบด้วยความสงสัย เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ข้างกันก็เอ่ยขึ้น “นี่เป็นห้องสำหรับครอบครัวที่ก่อนหน้านี้ผมได้ลงทะเบียนเอาไว้ ตอนนี้ย้ายเข้ามาอยู่ได้แล้ว” หลังจากเอ่ยจบ เขาก็อดที่จะพูดเสียไม่ได้ “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้น…คุณก็อยู่ที่นี่เลยเถอะ เดิมทีคุณเองก็จะเข้ามาอยู่ที่ฐานทัพอยู่แล้ว”

“ฉันขอดูก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็จะอยู่เลย”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน แววตาของเซี่ยเจ๋อหลี่ก็เป็นประกาย เขาไม่คิดว่าฉินมู่หลานจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้

ฟู่ซวี่ตงที่อยู๋ข้าง ๆ เห็นเพื่อนของตนมีอาการเช่นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว เมื่อก่อนเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นคนเย็นชาห่างเหิน แต่หลังจากแต่งงานก็แตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง

อาคารครอบครัวใกล้เต็มแล้ว นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นหน้าค่าตาฉินมู่หลาน พวกเขาไม่รู้จักเธอ แต่รู้จักเซี่ยเจ๋อหลี่และฟู๋ซูตง เมื่อเห็นหน้าพวกเขาก็ยิ้มทักทายให้กัน หลายคนสอบถามอาการของเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยความเป็นกังวล และสุดท้ายจึงหันมองฉินมู่หลานก่อนจะเอ่ยถาม “หัวหน้าเซี่ย นี่ภรรยาของนายเหรอ สวยมากเลยนะ”

ฉินมู่หลานไม่รู้จักคนพวกนี้เลย แต่ทุกคนก็ต่างทักทายกัน เธอจึงยิ้มตอบกลับไป โชคยังดีที่ไม่มีใครมารบกวนเซี่ยเจ๋อหลี่ตอนเขากลับถึงห้องพัก จึงไม่ต้องพูดอะไรมากมาย

เมื่อมาถึงแล้ว ฟู่ซวี่ตงก็สำรวจมองรอบ ๆ อย่างละเอียด แล้วอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “อาหลี่ ที่นี่ค่อนข้างดูดีเลยนะ”

“นายเองก็สมัครได้นะ”

ตอนแรกฟู่ซวี่ตงไม่ได้คิดให้ความสำคัญมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อคิดว่าต่อไปข้างหน้าเซี่ยเจ๋อหลี่จะพักอยู๋ที่นี่ เขาเองก็คิดอยากจะลงทะเบียนขอห้องที่นี่เช่นกัน “ได้ เอาไว้ฉันจะลองดูนะ”

จากนั้นฟู่ซวี่ตงก็อยู่ช่วยทำความสะอาด แล้วก็ขอตัวกลับออกไปโนเวลพีดีเอฟ

หลังฉินมู่หลานคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้แล้ว จึงเริ่มทำการฝังเข็มให้กับเซี่ยเจ๋อหลี่ ครั้นทำการรักษาเสร็จ เธอก็คิดจะออกไปซื้ออะไรทานสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมา

“เอ่อ…คุณคือภรรยาของอาหลี่ใช่ไหมคะ สวยมากเลย ฉันได้ยินว่าพวกคุณออกจากโรงพยาบาลวันนี้ ก็เลยมาเยี่ยม ว่าจะมาชวนไปกินข้าวที่บ้านของฉันพรุ่งนี้ค่ะ”

ผู้ที่มาเยี่ยมคือลู่เพ่ยจวิน ภรรยาของเวินโหย่วเหลียง หล่อนได้ยินว่าวันนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว จึงรีบมาเยี่ยมเยียน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ว้าว สังคมใหม่ดูอบอุ่นอยู่นะ รอดูต่อๆ ไปเลยค่ะว่ามู่หลานจะใช้ชีวิตที่นี่ยังไง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท