ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 101 เวินเนี่ยนอัน

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 101 เวินเนี่ยนอัน

ตอนที่ 101 เวินเนี่ยนอัน

เวินโหย่วเหลียงออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญเซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลานเข้ามานั่ง

หลังจากหลายคนนั่งลงแล้ว เวินโหย่วเหลียงก็เอ่ยถามทันที “อาหลี่ อาการบาดเจ็บของนายเป็นอย่างไรบ้าง?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินดังนั้นจึงยกยิ้มแล้วตอบกลับ “ท่านไม่ต้องเป็นห่วงครับ อาการบาดเจ็บของผมฟื้นตัวดีมาก ขาก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวเหมือนกัน ไม่มีผลข้างเคียงหลงเหลือแน่นอนครับ”

เขารู้สึกได้ว่าหากฝังเข็มกับฉินมู่หลานต่อไป อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาจะต้องหายโดยเร็ววันอย่างแน่นอน

เวินโหย่วเหลียงได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่รู้สึกดีใจ

“ดีมากเลย”

พูดจบ เขาก็อดที่จะหันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลานเสียไม่ได้ “สหายฉิน ยาก่อนหน้านี้ที่อาหลี่พกติดตัวไปด้วยคุณเป็นคนเตรียมหรือ? คุณทำยาพวกนั้นเองเหรอครับ?”

ตอนแรกเขาอยากจะถามเรื่องยาพวกนั้นกับเซี่ยเจ๋อหลี่นานแล้ว แต่หลังจากที่ทราบว่าฉินมู่หลานเป็นคนผ่าตัดให้เซี่ยเจ๋อหลี่ เขาจึงคาดเดาว่ายาพวกนั้นน่าจะเป็นของที่ฉินมู่หลานเตรียมให้

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงชายตามองด้วยความสงสัย

เซี่ยเจ๋อหลี่ที่อยู่ข้างกันจึงรีบอธิบาย “มู่หลาน ครั้งก่อนที่ไปทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ ต้องขอบคุณยาพวกนั้นของคุณ มันเป็นประโยชน์กับพวกเรามาก และเป็นเพราะผมกินยาพวกนั้นของคุณด้วย จึงกลับมาได้อย่างปลอดภัย ผมเอายาห้ามเลือดกับยากระตุ้นการไหลเวียนของเลือดพวกนั้นให้สหายร่วมรบที่ได้รับบาดเจ็บใช้ด้วย มันเห็นผลทันทีเลย โดยเฉพาะยาห้ามเลือดที่ทำให้เลือดหยุดไหลทันที สหายพวกนั้นต่างยกย่องยาพวกนั้น ท่านผบ.ก็ได้ทราบเรื่องเช่นกัน แต่ผมไม่เคยบอกว่าเป็นของที่คุณให้ผม”

เมื่อพูดจบแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อดที่จะหันมองเวินโหย่วเหลียงเสียไม่ได้

เวินโหย่วเหลียงยกยิ้มแล้วพูดขึ้นหลังจากได้ยินเช่นนั้น “ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอก แต่เห็นว่าหมอฉินผ่าตัดให้นาย เลยเดาได้ว่ายาพวกนี้คงเป็นของที่เธอให้นาย”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานจึงพยักหน้ารับ “ค่ะ ยาพวกนั้นฉันทำเองหมดเลย พอนึกว่าอาหลี่จะต้องบาดเจ็บตอนออกไปทำภารกิจ จึงทำให้เขาสักหน่อย เพื่อให้เขาพกติดตัวไปด้วย”

ถึงแม้จะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฉินมู่หลานเป็นคนเตรียมยาพวกนั้น แต่เมื่อเห็นเธอพยักหน้ารับด้วยตนเอง เวินโหย่วเหลียงก็ยังร็สึกมีอาการตื่นเต้นนิดหน่อย หากผลิตยาพวกนั้นได้เยอะ เช่นนั้นแล้วหลังจากนี้สหายทุกคนก็จะปลอดภัยจากการทำภารกิจมากขึ้น

“หมอฉิน ไม่ทราบว่าจะผลิตยาพวกนั้นให้เยอะกว่านี้ได้ไหมครับ?”

ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้ จึงพอจะคาดเดาเจตนารมณ์ของเวินโหย่วเหลียงได้ จึงรีบเอ่ยขึ้น “ผบ.เหวินคะ ฉันมีสูตรยาพวกนี้อยู่ในมือ สามารถจดให้คุณได้เลยค่ะ คุณสามารถหาบริษัทยาเพื่อผลิตยาพวกนี้ได้เลย”

จากการพูดคุย ฉินมู่หลานทราบดีว่าสูตรยาของเธอจะไม่โดนแจกจ่ายไปอย่างไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน และพวกเวินโหย่วเหลียงก็จะไม่ทำให้สูตรยาของเธอไร้ประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นหากสามารถผลิตได้อย่างที่พูดจริง มันจะสามารถช่วยชีวิตสหายพวกนี้ที่เป็นกองกำลังในการปกป้องชาติบ้านเมืองของตัวเองได้อย่างแน่นอน

เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานมีน้ำใจอยากแจกสูตรยาให้กับเขา เวินโหย่วเหลียงจึงเพียงคิดว่าเธอช่างใจกว้างเหลือเกิน “สหายฉิน คุณจะแจกสูตรยาพวกนั้นให้จริงหรือ?”

“ใช่ค่ะ หากว่ามันช่วยพวกคุณได้ ฉันเองก็ดีใจ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินโหย่วเหลียงก็เอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น “สหายฉิน คุณช่างใจกว้างเหลือเกิน แต่คุณไม่ต้องกังวลไปนะ ผมจะไม่เอาสูตรของคุณฟรี ๆ หรอก ผมจะยื่นเรื่องขอมอบรางวัลให้กับคุณ หากเป็นไปได้ ผมจะยื่นสมัครให้คุณเป็นหมอที่โรงพยาบาลทหารด้วย”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็อ้าปาก แต่เขาไม่ได้เอ่ยพูดอะไร กลับหันไปมองฉินมู่หลานแทน เพื่อรอให้เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง

ฉินมู่หลานเคยปฏิเสธหมอเลี่ยวไปแล้ว ดังนั้นในครั้งนี้จึงเอ่ยปฏิเสธเวินโหย่วเหลียงด้วยเช่นกัน “ต้องขอบคุณท่านผบ.เวินมากนะคะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีแผนที่จะทำงานค่ะ”

เวินโหย่วเหลียงได้ยินสิ่งนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที เซี่ยเจ๋อหลี่จึงรีบอธิบาย “ท่านผบ.ครับ มู่หลานตั้งท้องอยู่ เพิ่งจะได้แค่เดือนกว่าเท่านั้น ในช่วงสองเดือนนี้จึงยังจะไม่ทำงาน หากจะให้ทำงาน ก็จะต้องรอให้ผ่านช่วงหลังปีใหม่ไปก่อนครับ”

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังคงจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าตอนที่มู่หลานเป็นลมได้ จึงกังวลว่ามู่หลานจะเหนื่อยง่ายในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ แล้วครั้งนี้เธอยังทำการผ่าตัดกับเขาอีก เขาเองก็ยังไม่มั่นคง และช่วงนี้มู่หลานก็ต้องฝังเข็มและต้มยาให้กับตนด้วย หากต้องไปทำงานอีก คงหาเวลาพักผ่อนไม่ได้แน่

เวินโหย่วเหลียงไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ นอกจากนี้ลู่เพ่ยจวินก็ได้แสดงความยินดีด้วย “จริงเหรอเนี่ย อาหลี่กำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว ยินดีกับพวกเธอด้วยนะ”

เวินโหย่วเหลียงเองก็โต้ตอบเช่นกัน เขายิ้มแล้วตบไหล่เซี่ยเจ๋อหลี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ดี ถ้าอย่างนั้นก็รอจนกว่าภรรยาของนายจะพร้อมทำงาน ฉันจะยื่นเรื่องให้เธอเอง”โนเวลพีดีเอฟ

“ขอบคุณครับท่านผบ.”

หลังจากนั้นลู่เพ่ยจวินก็เชิญชวนให้ทุกคนรับประทานอาหาร “อาหลี่ มู่หลาน พวกเธอกินเยอะ ๆ เลยนะ”

หลังจากพูดจบก็ตักซุปไก่ให้ฉินมู่หลาน “มู่หลาน เธอต้องกินเยอะ ๆ นะ ดูแลร่างกายตัวเองให้ดี”

โชคดีที่วันนี้หล่อนเตรียมตัวมาอย่างดีโดยการฆ่าไก่ไปหนึ่งตัว จึงมีอาหารมาให้ฉินมู่หลานได้กินมากขึ้น

“ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้”

ฉินมู่หลานยิ้มและเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็เริ่มกินช้า ๆ เมื่อไม่นานมานี้ ความอยากอาหารของเธอเพิ่มขึ้นค่อนข้างดี ดังนั้นจึงกินมื้อเย็นมากขึ้น

เมื่อเห็นฉินมู่หลานรับประทานอาหารอย่างเรียบร้อย แววตาของลู่เพ่ยจวินก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง “เมื่อไหร่เสี่ยวอันของเราจะเป็นแบบมู่หลานบ้างนะ สุขุมเรียบร้อย ดีเหลือเกิน ไม่เหมือนยัยเด็กนั่นที่ห้าวเป้งเสียไม่มี หายหน้าหายตาไปเป็นเดือนแล้ว”

เวินโหย่วเหลียงได้ยินสิ่งนี้ จึงพูดอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวอันของเราก็ถือว่าดีมากเหมือนกัน ลูกสาวเราปกป้องประเทศชาตินะ”

“อ๋อจริงสิ คุณสองคนพ่อลูกนี่แข็งแกร่งที่สุดเลย”

ลู่เพ่ยจวินได้ยินสิ่งที่สามีพูด จึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แม้หล่อนจะเข้าใจว่าการเข้าร่วมกองทัพเป็นความฝันของลูกสาว แต่ก็ไม่ได้เจอหน้าลูกสาวมานานแล้ว หล่อนจึงคิดถึงมาก

เวินโหย่วเหลียงก็คิดถึงลูกสาวเช่นกัน เพียงแต่ไม่แสดงออกมา การปกป้องประเทศเป็นหน้าที่ของทหารทุกคน เขาจึงรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาว

ฉินมู่หลานได้ทราบในคราวนี้เองว่าเวินโหย่วเหลียงและลู่เพ่ยจวินมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อเวินเนี่ยนอัน เข้าร่วมกองทัพเหมือนกับพ่อของหล่อน และทำงานนอกบ้านมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่กลับมา

ฉินมู่หลานยังได้ทราบจากลู่เพ่ยจวินด้วย ว่าเวินเนี่ยนอันเป็นคนร่าเริง เป็นหญิงสาวที่เก่งกาจ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับตัวเวินเนี่ยนอัน

ขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น อยู่ ๆ ประตูก็เปิดออก ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง “พ่อแม่ หนูกลับมาแล้ว”

ทันทีที่ลู่เพ่ยจวินได้ยิน หล่อนก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น

“เสี่ยวอัน…”

ขณะที่ฉินมู่หลานยังคงสงสัยเกี่ยวกับเวินเนี่ยนอัน บุคคลนั้นกลับปรากฎตัวขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิดจนอดไม่ได้ที่จะมองอย่างนึกสงสัย และคิดว่าผู้มาเยือนนี้มีผิวคล้ำเล็กน้อยและใบหน้าค่อนข้างคมคาย ประกอบกับผมที่ตัดสั้นเรียบร้อย ทำให้คนผู้นี้ดูมีนิสัยเด็ดเดี่ยว

เวินเนี่ยนอันไม่คิดว่าจะมีแขกอยู่ที่บ้าน แต่หล่อนรู้จักเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว จึงยกยิ้มและเอ่ยทักทาย “ท่านรองเซี่ย สวัสดีคะ”

เวินโหย่วเหลียงเห็นลูกสาวของเขากลับมาก็รู้สึกดีใจมาก ขณะเดียวกันเขาก็พูดแก้ข่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน “อาหลี่ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ตอนนี้ลูกต้องเรียกเขาว่าหัวหน้าเซี่ยนะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินเนี่ยนอันก็มองอย่างประหลาดใจ และทราบว่าเซี่ยเจ๋อหลี่คงทำความดีความชอบอีกแล้ว “ยินดีด้วยค่ะหัวหน้าเซี่ย”

หลังจากเอ่ยเช่นนั้น เธอก็หันมองฉินมู่หลานอย่างนึกสงสัย

ลู่เพ่ยจวินรีบเอ่ยแนะนำทันที “เสี่ยวอัน นี่คือมู่หลาน ภรรยาของอาหลี่ ลูกรีบเรียกว่าพี่สะใภ้สิ”

“อะไรนะ…เซี่ยเจ๋อหลี่ คุณแต่งงานแล้วเหรอ?”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เปิดโรงงานผลิตยาเลยดีไหมนะ จะได้ประโยชน์อย่างทั่วถึง

ลูกสาวหัวหน้าจะมาแนวไหนนี่

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท