ตอนที่ 110 ไม่สามารถเทียบกันได้เลย
ตอนที่ 110 ไม่สามารถเทียบกันได้เลย
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าเซี่ยเจ๋อหลี่เก็บกวาดทำความสะอาดอยู่เนิ่นนานแล้ว เธอก็รีบเอ่ยโน้มน้าว “พอแล้ว พอแล้ว คุณไม่ต้องทำแล้ว พรุ่งนี้ฉันมาจัดการเองได้ คุณรีบไปพักผ่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าอีก”
เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าตอนนี้ดึกมากแล้วจริงๆ เขาจึงพยักหน้าพร้อมกับกล่าว “ได้ งั้นพวกเราไปพักผ่อนกันเถอะ”
กระทั่งเช้าวันถัดมา เมื่อฉินมู่หลานตื่นขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกจากบ้านไปนานแล้ว ส่วนเธอลุกขึ้นมากินอาหารเช้าและเริ่มเตรียมของ แม้ว่าจะเป็นการเชิญแขกมากินอาหารค่ำ แต่การห่อเกี๊ยวและของทอดเหล่านี้สามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้ หลังจากฉินมู่หลานยุ่งมาตลอดทั้งช่วงเช้า เธอก็กินอาหารเที่ยงอย่างสบายๆเพียงคนเดียวและเตรียมงีบหลับกลางวัน
แต่ฉินมู่หลานยังไม่ทันจะกลับเข้าห้อง พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เมื่อฉินมู่หลานเปิดประตูก็พบเจียงลวี่ชิวและผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง
เมื่อเจียงลวี่ชิวเห็นฉินมู่หลานก็รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ พวกเรามาช่วยคุณแล้ว” จากนั้นกล่าวแนะนำผู้หญิงข้างกาย “พี่สะใภ้ คนนี้เป็นสมาชิกภายในครอบครัวของหวังเจียเหอ ชื่อว่าหม่าตงเหมย คุณเรียกหล่อนว่าชุนเหมยก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหม่าตงเหมยพร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ ที่แท้คุณก็เป็นสมาชิกครอบครัวของหวังเจียเหอนี่เอง ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอเขา”
หม่าตงเหมยมองฉินมู่หลานที่อยู่ตรงหน้า ไม่อาจเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างกับสิ่งที่สามีเคยกล่าวไว้กับหล่อนเลย
ก่อนหน้านี้สามีที่กลับมาบ้านยังรู้สึกแทนหัวหน้าเซี่ยว่าหล่อนไม่คู่ควรกับเขา เขาคิดว่าผู้นำเซี่ยมีความสามารถโดดเด่นขนาดนี้จะแต่งงานกับหญิงสาวชนบทที่ทั้งอ้วนและหน้าตาน่าเกลียดได้อย่างไร แต่ดูตอนนี้สิ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉินมู่หลานนั้นงดงามมากทั้งสูงและผอมเพรียว และระยะนี้พวกหล่อนเองก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพี่สะใภ้คนนี้ด้วย ทักษะการแพทย์ของพี่สะใภ้คนนี้ดีกว่าแพทย์ของโรงพยาบาลทหารเสียอีก ขนาดหมอเลี่ยวยังเอ่ยปากยอมรับว่าพี่สะใภ้นั้นยอดเยี่ยมมากและคู่ควรกับผู้นำเซี่ยทุกประการ
“สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ คุณเหอของพวกเราเคยเอ่ยถึงคุณให้ฉันฟัง แต่สิ่งที่เขากล่าวช่างแตกต่างจากความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง ตัวจริงคุณสวยมากๆเลยค่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้พลันยิ้มและเอ่ย “อันที่จริงก่อนหน้านี้ฉันค่อนข้างอ้วน ดังนั้นเลยดูไม่ค่อยสวยเท่าไร แต่หลังจากผอมแล้วก็ดูดีขึ้นมาก”
ก่อนหน้านี้เจียงลวี่ชิวเองก็เคยได้ยินมาบ้างว่าภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่นั้นน่าเกลียด แต่หล่อนไม่ได้สนใจ อย่างไรเสียต้องได้เห็นกับตาถึงจะพบความเป็นจริง ขณะนี้เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉินมู่หลาน หล่อนก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้พร้อมกับเอ่ย “พี่สะใภ้ ถึงก่อนหน้านี้คุณจะอ้วน แต่ก็คงยังดูดีแน่นอน อย่างไรเสียนี่ก็คือตัวตนของคุณ”
“จริงๆแล้วก็ไม่ได้ดูดีมากนักหรอก ยังไงคิ้วตาจมูกปากและใบหูก็รวมอยู่ด้วยกัน ยากที่จะมองออกว่าดูดีหรือไม่”
หม่าตงเหมยกลับเอ่ยด้วยความอิจฉาเล็กน้อย “พี่สะใภ้ แสดงว่าคนภายในครอบครัวของคุณจะต้องดีกับคุณมากแน่เลย”
อย่างไรเสียภายในยุคนี้ก็คงจะมีคนอ้วนไม่มากนัก เหมือนก่อนหน้านี้ตอนหล่อนยังไม่แต่งงาน หล่อนต้องทำทุกอย่างภายในบ้าน ทั้งยังต้องดูแลน้องชายน้องสาว ทุกวันกินอาหารไม่เคยอิ่ม ไม่ต้องเอ่ยคำว่าอ้วนเลย ตอนนั้นหล่อนผอมแห้งจนเหลือเพียงแค่กระดูก แต่หลังจากแต่งงานและตามสามีมายังค่ายทหาร ชีวิตก็ค่อยๆดีขึ้น
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินคำพูดนั้นพลันยิ้มและเอ่ย “ใช่แล้ว คนภายในครอบครัวดีกับฉันมาก”
ตอนนี้แม้แต่เจียงลวี่ชิวก็ยังรู้สึกอิจฉา อย่างไรเสียพื้นที่ชนบทโดยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บ้านหล่อนก็ไม่ได้มีชีวิตสุขสบายนัก กระนั้นหล่อนก็ยังจำจุดประสงค์ของการมาที่นี่ได้ จึงมองฉินมู่หลานและรีบเอ่ย “พี่สะใภ้ ฉันกับชุนเหมยจะช่วยล้างผักก่อนก็แล้วกันนะคะ”
ช่วงเช้าฉินมู่หลานห่อเกี๊ยวและทอดลูกชิ้นแล้ว สำหรับสิ่งของอย่างอื่นนั้นเธอยังไม่ได้เริ่มตระเตรียมเลย แต่เธอเองก็รู้สึกเกรงใจที่ทำให้พวกหล่อนทั้งสองคนต้องยุ่งวุ่นวาย จึงรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำเองได้ ค่อยๆทำเดี๋ยวก็เสร็จ”
เจียงลวี่ชิวกลับยิ้มและกล่าว “พี่สะใภ้ คุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ ดังนั้นคุณไปพักผ่อนเถอะ มีฉันกับชุนเหมยสองคนก็พอแล้ว” สามีของหล่อนและชุนเหมยทำงานภายใต้การบัญชาการของเซี่ยเจ๋อหลี่ ดังนั้นพวกหล่อนต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินมู่หลาน แค่การล้างผักและทำอาหาร พวกหล่อนก็สามารถทำได้
หม่าตงเหมยยืนอยู่ด้านข้างและเอ่ย “ใช่แล้วพี่สะใภ้ คุณไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันกับหลู่ชิวจัดการเอง”
เมื่อทั้งสองคนมาที่นี่ พวกหล่อนนำเนื้อรมควัน ไข่ไก่ ผักกาดขาวและมันฝรั่งมาด้วย หลังจากวางของลงแล้วก็ตรงไปยังห้องครัว พวกหล่อนก็ต้องตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งของที่ฉินมู่หลานได้ตระเตรียมไว้ ภายในห้องครัวเตรียมวัตถุดิบไว้มากมาย มีทั้งเนื้อและปลา เห็นแล้วก็รู้สึกว่ามีวัตถุดิบหลากหลาย
พวกหล่อนทั้งสองคนต่างก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ คุณกับหัวหน้าเซี่ยใจกว้างเกินไปแล้ว ทำไมถึงเตรียมของไว้เยอะขนาดนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเชิญพวกคุณมากินอาหารเป็นครั้งแรกก็ย่อมต้องเตรียมของไว้ให้มากหน่อย เดี๋ยวเพื่อนร่วมรบสองสามคนของอาหลี่ก็จะมาด้วย เป็นจำนวนคนไม่น้อยเลย”
เจียงลวี่ชิวและหม่าตงเหมยเองก็รู้ว่าค่ำคืนนี้คนจะมากันเยอะ ดังนั้นพวกหล่อนจึงรีบเตรียมของ
“พี่สะใภ้ งั้นคุณไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ พวกเราจัดการเรื่องทางด้านห้องครัวเอง” แม้ว่าผู้หญิงตั้งครรภ์จำนวนมากภายในหมู่บ้านยังคงต้องทำงาน แต่ฉินมู่หลานย่อมแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน ไม่ต้องเอ่ยว่าเธอเป็นภรรยาของเซี่ยเจ๋อหลี่ เพียงแค่เอ่ยถึงทักษะทางการแพทย์ชั้นยอดของเธอ ทั้งสองคนต่างก็รู้ว่าฉินมู่หลานนั้นแตกต่างจากพวกหล่อน
เดิมทีฉินมู่หลานต้องการเข้าไปช่วย แต่ตึกพักครอบครัวที่พวกเขาได้รับมานั้นไม่ได้ใหญ่มากนัก ขนาดห้องครัวก็ยิ่งเล็ก หลังจากทั้งสองคนเข้าไปแล้วก็รู้สึกว่าคนอื่นไม่สามารถเข้าไปเบียดได้อีก
เจียงลวี่ชิวเห็นฉินมู่หลานยืนอยู่ตรงประตูห้องครัว หล่อนยิ้มและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “พี่สะใภ้ คุณไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ เรื่องทางนี้พวกเราจัดการเองค่ะ”
“หลู่ชิว ตงเหมย งั้นพวกคุณล้างเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันจะมาผัดอาหารเองนะ ในเมื่อเชิญพวกคุณมากินอาหาร ฉันคงต้องลงมือทำอาหารสักสองสามอย่าง”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานกล่าวเช่นนี้ เจียงลวี่ชิวและหม่าตงเหมยยิ้มพลางพยักหน้า
หลังจากทั้งสองคนล้างผักและเตรียมเครื่องเคียงเสร็จสิ้น ฉินมู่หลานก็เริ่มทำอาหาร หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นหอมเย้ายวนก็ลอยออกมาจากห้องครัว
หลังจากหม่าตงเหมยได้กลิ่น หล่อนอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าหาใบหูของเจียงลวี่ชิวพร้อมกับเอ่ย “หอมมาก คาดไม่ถึงเลยว่าทักษะการทำอาหารของพี่สะใภ้จะดีขนาดนี้ เดิมทีฉันคิดว่าหล่อนทำอาหารไม่เป็น”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็คิดว่าพี่สะใภ้ทำอาหารไม่เป็นเหมือนกัน”
ในไม่ช้า ทั้งสองคนต่างก็ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะพูดคุยกัน มองไปทางห้องครัวอย่างไม่หยุดหย่อน อันที่จริงพวกหล่อนรู้อยู่แล้วว่าจะมีอาหารอะไรบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าจะหอมขนาดนี้
เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา อาหารทุกอย่างก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว ฟู่ซวี่ตง หวังเจียเหอรวมถึงติงจ้วงเดินตามหลังเขามา และยังมีชายหนุ่มอีกสองคนที่ฉินมู่หลานไม่รู้จัก
หลังจากที่พวกเขาเห็นฉินมู่หลาน ทุกคนต่างก็เอ่ยเรียกหล่อนว่าพี่สะใภ้อย่างกระตือรือร้น
เมื่อฉินมู่หลานเห็นว่าทุกคนมากันครบหมดแล้ว เธอพลันยิ้มและเรียกให้พวกเขามานั่งรับประทานอาหาร
หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่เรียกให้ทุกคนมานั่งแล้วก็รีบบอกให้ฉินมู่หลานนั่งลงเช่นกัน ส่วนเรื่องการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเขาจะทำเอง
ฉินมู่หลานทำอาหารจนเต็มโต๊ะ เธอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ดังนั้นจึงมอบเรื่องเหล่านั้นให้เป็นหน้าที่ของเซี่ยเจ๋อหลี่
ฟู่ซวี่ตงรู้มานานแล้วว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ให้ความสำคัญกับฉินมู่หลานมากขนาดไหน แต่หวังเจียเหอ ติงจ้วงและคนอื่นๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อเห็นท่าทางหัวหน้าของพวกเขาในขณะนี้ ทุกคนต่างก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
ทางด้านเจียงลวี่ชิวและหม่าตงเหมยก็จ้องมองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
แม้ว่าสามีตนจะไม่เลวร้าย แต่พอเปรียบเทียบกับเซี่ยเจ๋อหลี่แล้วกลับไม่สามารถเทียบกันได้เลย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ผูกมิตรเข้าไว้เยอะๆ นะมู่หลาน ภายหน้าจะได้ไม่ลำบาก
ไหหม่า(海馬)