ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 111 เร่งเร้า

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 111 เร่งเร้า

ตอนที่ 111 เร่งเร้า

ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่เตรียมอาหารค่ำไว้เยอะแยะมากมาย ซึ่งทุกคนกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ หลังจากกินกันเสร็จแล้ว ผู้มาเยือนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป

เซี่ยเจ๋อหลี่หันหน้ามองฉินมู่หลานพร้อมกับเอ่ย “มู่หลาน วันนี้คุณคงเหนื่อยมาก รีบไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมเก็บกวาดตรงนี้เอง”

ฉินมู่หลานรู้สึกเกียจคร้าน ดังนั้นจึงไม่ปฏิเสธ เธอพยักหน้าและกล่าว “ตกลงค่ะ งั้นฉันจะไปนอนพักสักหน่อย”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่ทำงานเสร็จ เขาก็กลับไปยังห้องนอนและพบว่าฉินมู่หลานหลับไปแล้ว เขาคลี่ยิ้มพลางมองภรรยาตัวน้อยของตนเอง อดไม่ได้ที่จะประทับรอยจูบลงบนแก้มของเธอ จากนั้นก็เอนกายนอนหลับเช่นกัน

กระทั่งรุ่งเช้าวันถัดมา เมื่อฉินมู่หลานตื่นขึ้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ออกจากบ้านไปแล้ว กระนั้นเขายังคงเตรียมอาหารไว้ด้วยความใส่ใจ ซึ่งก็คือเกี๊ยวสดที่เหลือจากเมื่อวาน

หลังจากฉินมู่หลานอาบน้ำเสร็จแล้วก็ลงมือกินเกี๊ยวก่อนออกจากบ้าน ด้วยวันนี้จะต้องไปฝังเข็มให้กับเจียงเฉิง

เมื่อฉินมู่หลานมาถึงโรงพยาบาลทหาร เธอได้เดินตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยของเจียงเฉิงทันที แต่ขณะนี้ภายในห้องพักไม่ได้มีแค่เจียงเฉิงคนเดียว ยังมีหญิงวัยกลางคนท่าทางสง่างามอีกคนหนึ่งด้วย ดูจากรูปร่างหน้าตาของหล่อนแล้วก็คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเจียงเฉิง

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าให้กับหล่อน จากนั้นมองเจียงเฉิงและกล่าว “เอาล่ะ พวกเรามาเริ่มกันเถอะค่ะ”

เจียงเฉิงพยักหน้าตอบ แต่ยังคงมองแม่ของตนเองและเอ่ย “แม่ครับ นี่คือหมอฉินที่ผมบอกแม่ไงครับ ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ขาของผมก็คงยังหลงเหลืออาการแทรกซ้อนภายหลังและไม่อาจทำงานที่ผมรักได้อีกแล้ว”

เจียงเฉิงกล่าว พลางแนะนำฉินมู่หลานให้แม่ของตนเองรู้จัก

“หมอฉิน นี่คือหยวนปิงซินแม่ของผมครับ ”

“สวัสดีค่ะคุณป้า”

หยวนปิงซินจับมือกับฉินมู่หลานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นจึงกล่าว “ที่แท้คุณก็คือหมอฉินนี่เอง หน้าตาสะสวยจริงๆ ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณแล้ว ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กคนนี้ของฉันคงต้องออกจากตำแหน่งเขาแน่ๆ”

ได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันเองก็ได้รับค่ารักษาด้วย”

หยวนปิงซินได้ยินคำพูดแสดงน้ำใจของฉินมู่หลานแล้วก็พลันรู้สึกประทับใจในตัวเธอมากขึ้น ก่อนหน้านี้งานหล่อนค่อนข้างยุ่ง แต่ครั้นได้ยินสามีกล่าวว่าลูกชายไม่เป็นอะไรแล้วหล่อนก็โล่งใจ จนกระทั่งวันนี้เพิ่งจะได้มาเยี่ยมลูกชาย คาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญได้พบกับฉินมู่หลาน

“หมอฉิน ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฉันก็ยังต้องขอบคุณคุณอยู่ดีค่ะ”

ขณะกล่าวก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ “งั้นคุณก็รีบฝังเข็มให้กับอาเฉิงเถอะ หากฝังเข็มเสร็จเร็วคุณก็จะได้กลับบ้านเร็วมากขึ้น”

ฉินมู่หลานเองก็อยากกลับบ้านเร็วๆเช่นกัน เธอจึงรีบก้าวเท้าไปด้านหน้าและจับชีพจรของเจียงเฉิงก่อน จากนั้นเริ่มทำการฝังเข็ม จนกระทั่งฝังเข็มเสร็จสิ้นถึงได้มองไปทางเจียงเฉิงและกล่าว “ขาของคุณฟื้นตัวได้ดีมาก ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปคุณทำกายภาพบำบัดได้แล้วนะคะ”

หลังจากนั้นเธอเอ่ยข้อควรระวังอีกครั้งหนึ่ง ท้ายที่สุดก็กล่าว “ตอนนี้คุณพักผ่อนให้เพียงพอ กินยาให้ตรงเวลาด้วย ฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”

“ครับ ลำบากหมอฉินแล้ว”

หลังจากฉินมู่หลานจากไป หยวนปิงซินพลันถอนสายตาริษยาและเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “หมอฉินไม่เพียงแต่จะสวยเท่านั้น ทักษะทางการแพทย์ก็ยังดีอีกด้วย ทำไมถึงได้รีบร้อนแต่งงานขนาดนี้”

ขณะกล่าวก็มองลูกชายของตนเองด้วยความผิดหวัง จากนั้นจึงเอ่ย “แกดูตัวเองเถอะ ความสามารถก็ด้อยกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่เล็กน้อย กระทั่งเรื่องแต่งงานก็ยังเร็วเทียบเขาไม่ได้ ขณะที่เซี่ยเจ๋อหลี่แต่งงานแล้วก็มีลูกเลย แกกลับยังเป็นโสดอยู่ตัวคนเดียว ไร้ประโยชน์จริงๆ”

เจียงเฉิงได้ยินคำพูดนี้ พลันเอ่ยอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ความสามารถของผมจะด้อยกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยังไง เห็นๆ กันอยู่ว่าความสามารถของพวกเราใกล้เคียงกัน”

หยวนปิงซินขายสามีของตนเองในทันใด

“คำพูดนี้พ่อของแกเป็นคนพูด เขาบอกว่าเมื่อเทียบกันแล้วแกยังด้อยกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามนะ แกน่ะโดดเด่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นอย่าเศร้าไปเลย”

เจียงเฉิงเบือนศีรษะหันไปมองด้านข้างอย่างอดไม่ได้ “ผมไม่ได้เศร้า เมื่อผมหายจากอาการบาดเจ็บนี้ ผมจะพยายามให้มากขึ้น จะต้องเก่งกว่าเซี่ยเจ๋อหลี่อย่างแน่นอน”

หยวนปิงซินไม่ได้สนใจต่อความปรารถนาในการเอาชนะของลูกชายเลย หล่อนสนใจเพียงแค่ว่าเมื่อใดลูกชายจะหาลูกสะใภ้มาให้ตน “หลังแกหายจากอาการบาดเจ็บ ฉันจะแนะนำผู้หญิงดีๆ สักคนสองคนให้กับแก เมื่อถึงเวลานั้นแล้วแกค่อยไปนัดบอด”

“แม่……ผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย”

“วัยรุ่นอะไรกันล่ะ เซี่ยเจ๋อหลี่กับแกก็อายุเท่ากัน อีกเดี๋ยวเขาก็จะเป็นพ่อคนแล้ว ส่วนแกกลับยังเป็นชายโสด ดังนั้นครั้งนี้แกอย่าปฏิเสธฉัน”ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

เจียงเฉิงเห็นว่าพูดกับแม่อย่างไรหล่อนก็คงไม่เข้าใจ หากมีเวลาเขาก็วางแผนจะไปคุยกับพ่อของเขาว่าไม่ต้องวางแผนหาคู่ให้กับเขา เพราะเขาไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย

ฉินมู่หลานย่อมไม่รู้ในเรื่องพิพาทระหว่างแม่และลูกชาย ขณะนี้เธอกำลังนั่งรถกลับบ้าน แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเธอได้รับจดหมายจากบ้านเกิดทันทีที่กลับถึงบ้าน

เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้เป็นคนส่งมา ฉินมู่หลานก็คิดว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้าน แต่แล้วก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสำนักหนังสือพิมพ์ประจำจังหวัดที่ส่งจดหมายไปยังบ้านของเธอ ทว่าหลี่เสวี่ยเยี่ยนกลัวว่าสำนักหนังสือพิมพ์จะมีเรื่องด่วน หล่อนเลยรีบส่งจดหมายนี้มาให้เธอ

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมา ก็เห็นว่าฉินมู่หลานกำลังอ่านจดหมายอยู่ เขาจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “จดหมายจากที่บ้านเหรอ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วก็ส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าว “สำนักหนังสือพิมพ์ส่งจดหมายไปที่บ้าน พี่สะใภ้ก็เลยส่งมาให้ จากนั้นพี่สะใภ้ก็พูดเรื่องที่บ้าน หล่อนกล่าวว่าที่บ้านทุกอย่างปกติดีค่ะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินว่าสำนักหนังสือพิมพ์เป็นผู้ส่งมา ก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “สำนักหนังสือพิมพ์มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ หรือว่าพวกเขาไม่รับต้นฉบับแล้ว?”

“ไม่ใช่ พวกเขาเร่งให้ฉันส่งต้นฉบับไปให้ต่างหาก”

ช่วงนี้เธอค่อนข้างยุ่งมาก ทำให้พักงานเขียนไป คาดไม่ถึงเลยว่าทางด้านสำนักหนังสือพิมพ์นั้นจะมาเร่งเร้าเธอ เห็นได้ว่าต้นฉบับที่เธอส่งไปช่วงก่อนหน้านี้นั้นอาจจะได้รับความนิยมพอสมควร

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็จ้องมองมาและยิ้มอย่างอดไม่ได้

“มู่หลานของพวกเราเก่งจริงๆ ดูเหมือนว่าต่อไปนี้ผมคงต้องหาโอกาสอ่านบทความที่คุณเขียนสักหน่อยแล้ว”

ฉินมู่หลานกลับส่ายศีรษะและเอ่ย “ไม่ต้องเลย ทุกวันคุณยุ่งมากขนาดนั้น ทำงานให้ดีเถอะค่ะ”

เธอพบว่ากิจวัตรของเซี่ยเจ๋อหลี่ในแต่ละวันช่างยุ่งมาก หากยังต้องทำอย่างอื่นอีก เกรงว่าเวลานอนของเขาอาจจะไม่พอ艾琳小說

เซี่ยเจ่อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เอ่ยอะไรอีก แต่ยังคงวางแผนว่าหากมีเวลาว่างเขาก็จะลองอ่านดู และตอนนี้มู่หลานตั้งครรภ์แล้ว ทำให้เขาเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “มู่หลาน ช่วงนี้คุณต้องฝังเข็มให้กับเจียงเฉิงนะ จะมีเวลาเขียนต้นฉบับเหรอ?”

“วางใจเถอะ เวลาเขียนต้นฉบับยังมีอยู่ค่ะ”

วันถัดมา ฉินมู่หลานทั้งฝังเข็มให้เจียงเฉิงและเริ่มเขียนต้นฉบับ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้เขียนต้นฉบับครั้งนี้ เธอพบว่าความเร็วของตนช้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอเองก็ไม่ได้รีบร้อน หลังจากเขียนเสร็จแล้วจึงค่อยส่งไป

ทางด้านเจียงเฉิงที่ฉินมู่หลานก็ฝังเข็มให้กับเขาก็ค่อยๆ ฟื้นตัว และในที่สุดอาการบาดเจ็บที่ขาของเขาก็หายเป็นปกติ

“เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปคุณยังต้องดื่มยาจีนไปอีกสักระยะหนึ่งและดูแลตัวเองให้ดี จากนั้นคุณก็จะหายเป็นปกติแล้ว”

เจียงเฉิงได้ยินคำพูดนี้ เขารู้สึกประทับใจมากและเอ่ยขอบคุณฉินมู่หลาน

ฉินมู่หลานยิ้มพลางโบกมือ จากนั้นก็จากไป

เมื่ออาการบาดเจ็บของเจียงเฉิงหายดีแล้ว เขาก็มาขอบคุณฉินมู่หลานด้วยตนเอง สุดท้ายยังเอ่ยปากเชิญชวนสองสามีภรรยาไปกินข้าวที่บ้าน “หมอฉิน แม่ของผมบอกว่าพวกคุณจะต้องไป ไม่อย่างนั้นหล่อนจะมาเชิญพวกคุณด้วยตนเอง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ต่างก็แสดงท่าทางว่าพวกเขาจะไปที่นั่น

“ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ตอนค่ำไปกินข้าวที่บ้านผม ผมขอตัวกลับก่อน”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

วาสนาพี่หลี่อะค่ะถึงได้มู่หลานเป็นภรรยา

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท