ตอนที่ 120 มาด้วยกันสิ
ตอนที่ 120 มาด้วยกันสิ
ถงทิงผิงได้ยินคำพูดนี้พลันชะงักงัน จากนั้นเอ่ยถาม “เจิ้งเต๋อข่ายมีลูกพี่ลูกน้องผู้หญิงด้วยเหรอ”
“ใช่ค่ะ วันนี้หนูเองก็เพิ่งเจอครั้งแรก เป็นหญิงสาวท่าทางบอบบางคนหนึ่ง หนูเห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนนั้นค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่เป็นเพราะว่าหนูซื้อสร้อยข้อมือให้กับมู่หลานและไม่ได้ซื้อให้น้องสาวของเจิ้งเต๋อข่าย สุดท้ายเจิ้งเต๋อข่ายก็พาลโมโห และพาน้องสาวจากไป”
ขณะกล่าว เสิ่นหรูฮวนก็เล่าเหตุการณ์ของวันนี้อย่างละเอียด
หลังจากถงทิงผิงได้ยินคำพูดของลูกสาว ปอดของหล่อนแทบจะระเบิดด้วยความโกรธ “เจิ้งเต๋อข่ายคนนี้ ก่อนหน้านี้เหมือนว่านิสัยจะใช้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว”
“ใช่ค่ะ วันนี้เจิ้งเต๋อข่ายทำให้หนูรู้สึกไม่ค่อยชอบ”
เดิมทีเสิ่นหรูฮวนค่อนข้างพอใจกับเขาคนนี้ ทว่าตอนนี้ความประทับใจที่มีต่อเจิ้งเต๋อข่ายกลับลดลงมาก “ใช่แล้ว แม่คะ เป็นฉินมู่หลานที่เป็นคนเตือนให้หนูมาเล่าเรื่องนี้กับแม่ฟัง หล่อนยังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเจิ้งเต๋อข่ายกับน้องสาวของเขาดูใกล้ชิดสนิทสนมกันเกินไป”
หล่อนไม่ได้รู้สึกอะไรสำหรับเรื่องนี้ แต่เมื่อฉินมู่หลานรู้สึกเช่นนี้ หล่อนเลยบอกกับแม่ไป
ถงทิงผิงได้ยินเช่นนี้ก็รีบพยักหน้าและกล่าว “ใช่ เรื่องแบบนี้จะต้องพูดกับพวกเราด้วย ใช่แล้วหรูฮวน ในเมื่อมู่หลานและสามีของหล่อนมาเมืองหลวง ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องเลี้ยงอาหารดี ๆ พวกเขาสักมื้อ พรุ่งนี้เช้าลูกไปชวนมู่หลานและสามีมากินข้าวที่บ้านเถอะ พรุ่งนี้แม่จะสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารไว้”
เสิ่นหรูฮวนได้ยินเช่นนี้ก็รีบพยักหน้าด้วยรอยยิ้มพร้อมเอ่ย “ได้ค่ะ พรุ่งนี้หนูจะไปชวนตั้งแต่เช้าตรู่เลยค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่รีบพักผ่อนหลังจากที่กลับมายังบ้านตระกูลเจี่ยงแล้ว เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นจากการงีบหลับ ลุงเจี่ยงก็เข้ามาเรียกพวกเขาทั้งสองคนไปดื่มชายามบ่าย
เมื่อฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่มายังลานบ้านด้านหน้า ก็พบว่าเจี่ยงสือเหิงกำลังนั่งอยู่ด้านข้างและรินน้ำชาให้กับพวกเขาแล้ว “ฉันให้คนเตรียมอาหารว่างและน้ำชาเหล่านี้ไว้ ไม่รู้ว่าพวกเธอจะชอบกินหรือเปล่า”
ฉินมู่หลานชำเลืองมองบนโต๊ะและเห็นอาหารว่างเรียงรายอยู่มากมาย มีทั้งแบบจีนและตะวันตก แม้แต่น้ำชาก็ยังมีหลากหลายชนิด “พ่อบุญธรรม คุณเตรียมไว้เยอะเกินไปแล้ว”
เจี่ยงสือเหิงยิ้มพร้อมกับเอ่ยเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ฉันไม่รู้ว่าเธอกับอาหลี่นั้นชอบอะไรก็เลยเตรียมไว้เยอะหน่อย ถ้าพวกเธอชอบกินอะไรก็บอกกับลุงเจี่ยงไว้นะ อนาคตจะได้เตรียมของที่พวกเธอชอบไว้เยอะ ๆ”
“พ่อบุญธรรมคะ ฉันชอบทั้งหมดเลย”
หลังจากผ่านช่วงเบื่ออาหารมาแล้ว ตอนนี้ฉินมู่หลานเห็นอะไรก็รู้สึกอยากกินไปเสียทุกอย่าง
เจี่ยงสือเหิงได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “งั้นเธอรีบมานั่งกินเถอะ ดูเธอสิ ผอมลงไปตั้งเยอะ”
เซี่ยเจ๋อหลี่เองก็รู้สึกเช่นกันว่าหลังจากที่ฉินมู่หลานแต่งงานกับตนเองแล้วก็ดูผอมลงไปเยอะมาก แม้จะกล่าวว่าการที่อ้วนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่มู่หลานก็ดูผอมเกินไปมากจริง ๆ “ใช่แล้วมู่หลาน คุณรีบกินเถอะ”
“ได้ค่ะ”
ฉินมู่หลานเองก็ไม่เกรงใจ เธอลองชิมอาหารว่างทุกชนิด แต่อย่างไรก็ตามอาหารว่างนั้นมีมากจนเกินไป ทำให้รู้สึกอิ่มหลังจากที่ได้ลองชิมทั้งหมด แม้ว่าตอนนี้เธออยากจะกินทุกสิ่งที่เห็น แต่ปริมาณการกินอาหารกลับน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่มีความรู้สึกหิวหลังจากกินหมั่นโถวไปสี่ถึงห้าลูกอีกแล้ว
“มู่หลาน เธอกินอีกหน่อยสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเจี่ยงสือเหิง ฉินมู่หลานโบกมือพลางเอ่ย “พ่อบุญธรรม อิ่มแล้วจริง ๆ ค่ะ หากยังกินต่อก็คงไม่ต้องกินอาหารค่ำแล้ว”โนเวลพีดีเอฟ
เมื่อเห็นฉินมู่หลานกล่าวเช่นนี้ เจี่ยงสือเหิงเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีกและเอ่ยถึงเรื่องอาหารค่ำ “ใช่แล้ว มู่หลาน คืนนี้เพื่อนของฉันสองคนจะมาที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะแนะนำให้เธอรู้จัก”
“ค่ะ”
เนื่องจากเป็นเพื่อนของเจี่ยงสือเหิง เช่นนั้นก็ต้องเป็นคุณอาผู้อาวุโสของเธอด้วย ดูเหมือนว่าตนเองจะต้องไปค้นหาสิ่งของที่พกติดตัวมาด้วยเพื่อเป็นของขวัญแรกพบเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับคุณอาทั้งสองคนเสียแล้ว
หลังจากฉินมู่หลานกลับมายังลานขนาดเล็กด้านหลัง ก็พบว่าตนโชคดีที่ก่อนหน้านี้ตนเองได้กลั่นยาบำรุงร่างกายมาเล็กน้อย เลยนำไปมอบให้กับคนอื่นได้
จนกระทั่งตอนค่ำ หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่เดินไปยังลานหน้าบ้าน พวกเขาพบว่าเจี่ยงสือเหิงกำลังพูดคุยอยู่กับชายวัยกลางคนสองคน
เมื่อเจี่ยงสือเหิงเห็นฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่เดินเข้ามา เขารีบโบกมือให้กับพวกเขาและกล่าว “มู่หลาน อาหลี่ รีบมาเร็วเข้า” ขณะกล่าวก็เอ่ยแนะนำเพื่อนสนิททั้งสองคนของเขา “นี่คือลูกสาวของผมฉินมู่หลาน นั่นคือเซี่ยเจ๋อหลี่ลูกเขยของผม”
จากนั้นเจี่ยงสือเหิงก็แนะนำฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ “นี่คืออาหวงของพวกเธอ นั่นคืออาจงของพวกเธอ”
ได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ต่างก็เอ่ยด้วยความสุภาพ “สวัสดีค่ะ/ครับอาหวง สวัสดีค่ะ/ครับอาจง”
หลังจากหวงจือสิงและจงอวี้อู๋ได้ยินคำพูดของเจี่ยงสือเหิงต่างก็จ้องมองด้วยความประหลาดใจ พวกเขาเพิ่งได้ยินเพื่อนของตนเองกล่าวว่าเขาเพิ่งรับเลี้ยงลูกบุญธรรมคนหนึ่ง แต่วันนี้ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ทั้งสองคนจึงแสดงท่าทางเป็นมิตรต่อฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่มากยิ่งขึ้น
“สวัสดี”
ทั้งสองคนกล่าวพลางหยิบของขวัญแรกพบที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ไม่เพียงแต่ฉินมู่หลานจะได้รับเท่านั้น กระทั่งเซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้รับของขวัญแรกพบเช่นกัน
หลังจากได้รับของขวัญแรกพบแล้ว ฉินมู่หลานก็มอบยาบำรุงร่างกายให้กับพวกเขาคนละขวดด้วยเช่นกัน “อาหวงคะ อาจงคะ ยานี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินได้วันละเม็ดก่อนเข้านอนนะคะ”
เมื่อเห็นขวดยาขนาดเล็กที่ฉินมู่หลานมอบให้ ทั้งสองคนชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยพบเห็นการมอบยาให้เป็นของขวัญแรกพบ
เจี่ยงสือเหิงที่อยู่ด้านข้างกลับหัวเราะและเอ่ย “จือสิง อวี้อู๋ พวกคุณโชคดีแล้ว ยาที่ฉินมู่หลานของพวกเรากลั่นได้มีประสิทธิภาพที่ดีจริง ๆ พวกคุณรีบรับไปเถอะ หลังจากที่พวกคุณกินยาไปได้สักระยะหนึ่งก็จะพบว่าร่างกายนั้นดีขึ้น”
หวงจือสิงและจงอวี้อู๋ไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก แต่พวกเขาทั้งสองย่อมรับไว้
เจี่ยงสือเหิงเห็นท่าทางนี้ของพวกเขาทั้งสองคนก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้คิดจริงจังนัก แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของตน ดังนั้นเขาจึงวางแผนจะเอ่ยเตือนอีกครั้งในภายหลัง
หลังจากพวกเขานั่งลงและรับประทานอาหาร โดยเซี่ยเจ๋อหลี่คอยดูแลฉินมู่หลานระหว่างมื้ออาหาร
เมื่อหวงจือสิงและจงอวี้อู๋เห็นท่าทางนี้ของเซี่ยเจ๋อหลี่ พวกเขาก็ชำเลืองมองเขาอยู่หลายครั้ง และรู้สึกว่าคนผู้นี้รักภรรยาของตนเองเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามวันนี้พวกเขาเพิ่งพบเจอฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่เป็นครั้งแรก หลังจากพูดคุยได้เพียงสองประโยคก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก จากนั้นหันไปพูดคุยกับเจี่ยงสือเหิง
ที่เจี่ยงสือเหิงสามารถปราบปรามหลานชายของตนเองได้สำเร็จในครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณสองคนนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสจากการรับประทานอาหารมื้อนี้กล่าวคำขอบคุณ
จากคำพูดของทั้งสามคนนั้นทำให้ฉินมู่หลานรู้เรื่องราวหลังจากที่เจี่ยงสือเหิงกลับมายังเมืองหลวง และรู้ถึงความลำบากของเขา “พ่อบุญธรรมคะ ช่วงนี้ลำบากคุณแล้ว”
เจี่ยงสือเหิงได้ยินคำพูดนี้กลับยิ้มพลางมองฉินมู่หลานและกล่าว “ไม่ลำบากหรอก ก่อนหน้านี้ฉันเองใจอ่อนเกินไป แต่ตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว พวกเราไม่สามารถทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ แต่กลับปล่อยให้คนเหล่านี้ที่ทำร้ายเธอลอยนวลได้หรอก”
“พ่อบุญธรรม คุณคิดแบบนี้น่ะถูกแล้ว”
หวงจือสิงหัวเราะและเอ่ย “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยเกลี้ยกล่อมสือเหิง แต่ตอนนั้นเขายังเป็นกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัว แต่ทว่าหลานชายที่แสนดีของคุณกลับไม่เคยเห็นคุณเป็นญาติเลย”
พวกเขาต่างก็พูดคุยและหัวเราะ เป็นการทานอาหารค่ำที่สนุกสนานเป็นอย่างมาก
กระทั่งวันถัดมา เซี่ยเจ๋อหลี่วางแผนจะพาฉินมู่หลานไปยังบ้านตระกูลฟู่ แต่พวกเขายังไม่ทันจะออกจากบ้าน ฟู่ซวี่ตงก็มาหาพวกเขาแล้ว เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปหาเขาที่บ้านตระกูลฟู่ ก็รีบโบกมือและเอ่ย “อาหลี่ น้องสะใภ้ ฉันว่าจะชวนพวกนายไปกินข้าวที่ร้านอาหาร ไม่ต้องไปบ้านฉันแล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เลิกคิ้วพลางจ้องมอง
ฟู่ซวี่ตงเอ่ยด้วยสีหน้าจนปัญญา “ครอบครัวต้องการแนะนำให้ฉันรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งและบอกว่าวันนี้ผู้หญิงคนนั้นจะมาที่บ้าน ฉันก็เลยหนีออกมา”
“หนีอะไรออกมาเหรอ”
เสิ่นหรูฮวนได้ยินคำพูดนี้ทันทีที่มาถึง เมื่อเห็นฟู่ซวี่ตงก็รีบเอ่ยทักทายและยิ้มให้กับเขา “ฟู่ซวี่ตง ทำไมคุณถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ”
ฟู่ซวี่ตงเห็นเสิ่นหรูฮวนก็เอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ผมมาหาอาหลี่กับน้องสะใภ้และจะออกไปกินอาหาร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นหรูฮวนรีบกล่าว “แม่ของฉันต้องการชวนฉินมู่หลานและพี่ใหญ่เซี่ยไปกินข้าวที่บ้านของฉันพอดี พวกคุณไม่ต้องออกไปกินอาหารด้านนอกหรอก” ขณะกล่าวหล่อนก็มองไปทางฟู่ซวี่ตง “คุณฟู่ คุณเองก็มาด้วยกันสิคะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุยกับครอบครัวให้ชัดไปเลยว่าคู่หมั้นนิสัยแบบนี้สมควรจะถอนหมั้นหรือเปล่า จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย
มีแววว่าซวี่ตงจะได้แฟนก็ตอนนี้แหละนะ
ไหหม่า(海馬)