ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 123 เรื่องบาดหมางที่ยากจะแก้ไข

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 123 เรื่องบาดหมางที่ยากจะแก้ไข

ตอนที่ 123 เรื่องบาดหมางที่ยากจะแก้ไข

ตั๋วรถขากลับของฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ยังคงเป็นตั๋วนอนเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงยังคงรู้สึกผ่อนคลาย

เจี่ยงสือเหิงยืนอยู่ที่ชานชาลาเฝ้ามองดูรถไฟเคลื่อนตัวออกไป จากนั้นหันกลับมามองฟู่ซวี่ตงและเสิ่นหรูฮวนพลางเอ่ย “เสี่ยวฟู่ หรูฮวน พวกเรากลับกันเถอะ”

ทันทีที่ทั้งสามคนเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ก็เผอิญพบกับลุงเหยา

เมื่อลุงเหยาเห็นเจี่ยงสือเหิง เขาพลันยิ้มแย้มและก้าวเข้ามาทักทาย “เจ้าบ้านเจี่ยง บังเอิญจริง พวกเราพบกันที่สถานีรถไฟอีกแล้ว”

ขณะกล่าวเขาจ้องมองฟู่ซวี่ตงและเสิ่นหรูฮวนด้วยความสงสัย แต่กลับไม่เห็นคู่สามีภรรยาเซี่ยเจ๋อหลี่และฉินมู่หลาน ภายในใจเกิดการคาดเดาอย่างอดไม่ได้

“เจ้าบ้านเจี่ยง คุณมาส่งลูกสาวและลูกเขยขึ้นรถไฟเหรอ?”

เมื่อเจี่ยงสือเหิงได้ยินคำพูดนี้ เขาก็จ้องมองด้วยสายตาเฉียบแหลม “พ่อบ้านเหยาช่างสนใจเรื่องของตระกูลเจี่ยงของผมเสียจริง”

เมื่อเห็นสีหน้าของเจี่ยงสือเหิง ลุงเหยาก็ยิ้มและเอ่ยปฏิเสธทันใด “เจ้าบ้านเจี่ยงเข้าใจผิดแล้ว เป็นเพราะลูกเขยของคุณคล้ายกับญาติคนหนึ่งของผม ผมเลยถามมากไปหน่อย ถ้าเจ้าบ้านเจี่ยงไม่พอใจ หลังจากนี้ผมจะไม่เอ่ยถามอีกแล้ว”

หลังจากกล่าวคำพูดนี้ ลุงเหยาก็เอ่ยทันที “มีแขกสองสามท่านต้องการให้ผมไปรับ ผมไม่รบกวนเจ้าบ้านเจี่ยงแล้ว”

หลังจากลุงเหยาจากไป สีหน้าของเจี่ยงสือเหิงยังคงดูไม่ดีเท่าไรนัก

แม้แต่ฟู่ซวี่ตงก็ยังรู้สึกว่าลุงเหยาคนนั้นมีปัญหาบางอย่าง

“อาเจี่ยงครับ ผมรู้สึกว่าลุงเหยาคนนั้นให้ความสนใจอาหลี่มากเกินไป”

เจี่ยงสือเหิงเองก็สงสัยเช่นกัน “ใช่ ฉันรู้สึกเหมือนกันว่าพ่อบ้านเหยาคนนี้ใส่ใจอาหลี่เป็นอย่างมาก”

ขณะกล่าว เขาจ้องมองฟู่ซวี่ตงอย่างเอาใจและเอ่ย “เสี่ยวฟู่ เรื่องนี้ฉันจะลองตรวจสอบดู เธอไม่ต้องกังวล”

เห็นเจี่ยงสือเหิงกล่าวเช่นนี้ ฟู่ซวี่ตงเองก็ไม่เอ่ยอะไรอีก เขาเคยได้ยินพ่อของตนเอ่ยถึงเรื่องของเจี่ยงสือเหิงอยู่ จึงค่อนข้างเข้าใจต่ออาเจี่ยงคนนี้ ในเมื่อเขาจะตรวจสอบเอง เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวล

เช่นเดียวกับตอนมา ฟู่ซวี่ตงทำหน้าที่คนขับ เขาขับกลับมาส่งเจี่ยงสือเหิงก่อน จากนั้นมองเสิ่นหรูฮวนและกล่าว “หรูฮวน ผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน”

“ค่ะ”

ขณะกล่าว ทั้งสองคนก็ลงจากรถและเตรียมตัวจากไป

เจี่ยงสือเหิงเอ่ยเรียกฟู่ซวี่ตงอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวฟู่ เธอขับรถไปเถอะ รถคันนี้เธอมีเวลาว่างแล้วค่อยขับกลับมาคืน”

โดยไม่รอให้ฟู่ซวี่ตงกล่าวอะไร เสิ่นหรูฮวนยิ้มและเอ่ย “อาเจี่ยงคะ บ้านพวกเราอยู่ใกล้แค่นี้เอง ไม่จำเป็นจะต้องขับรถเลย”

ฟู่ซวี่ตงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าและเอ่ย “ใช่ครับอาเจี่ยง พวกเราเดินไปเดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ขณะกล่าวก็เดินนำเสิ่นหรูฮวนและจากไป

เมื่อมองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินจากไป เจี่ยงสือเหิงพลันยิ้มอย่างอดไม่ได้

ฟู่ซวี่ตงมาส่งเสิ่นหรูฮวนยังประตูหน้าบ้าน เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะเข้าบ้านก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเรียก “หรูฮวน พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่า พวกเราไปกินข้าวด้านนอกกันไหม”

ครั้งก่อนเขาไม่ยอมรับแผนการหาคู่ของที่บ้านและหนีออกจากบ้าน ดังนั้นช่วงนี้สถานการณ์ภายในบ้านของเขานั้นค่อนข้างลำบาก สู้ไม่อยู่บ้านยังดีเสียกว่า

เสิ่นหรูฮวนได้ยินคำพูดนี้ของฟู่ซวี่ตงก็ถึงกับชะงัก เมื่อนึกถึงการสนทนาสองครั้งที่ผ่านมาและนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคู่สามีภรรยาฉินมู่หลาน สุดท้ายหล่อนก็พยักหน้าตกลงพร้อมกับเอ่ย “ได้สิ งั้นพรุ่งนี้พวกเราจะออกไปกินมื้อเที่ยงหรือว่ามื้อเย็นล่ะคะ?”

“มื้อเที่ยงแล้วกัน พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าผมจะมารับคุณ”

เสิ่นหรูฮวนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าและเอ่ย “ตกลงค่ะ”

ขณะทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน เจิ้งเต๋อข่ายก็เข้ามา

เขาได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่ของเสิ่นหรูฮวนกับฟู่ซวี่ตงทั้งหมด สีหน้าเขาจึงพลันมืดมนจนน่ากลัว เมื่อวานนี้เสิ่นเจิ้นอวี่สอนบทเรียนให้กับเขาไปครั้งหนึ่ง กล่าวว่าเขาทำให้เสิ่นหรูฮวนรู้สึกคับข้องใจ เมื่อกลับบ้านไปแล้วก็เล่าให้พ่อแม่รับฟัง ดังนั้นวันนี้เขาจึงรีบมาที่นี่ด้วยความกระวนกระวายและตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงความประทับใจของคนภายในตระกูลเสิ่นที่มีต่อตนเอง

แต่ผลลัพธ์ที่ได้…….

เขาเห็นเสิ่นหรูฮวนและฟู่ซวี่ตงกลับบ้านด้วยกันเพียงสองคน อีกทั้งพรุ่งนี้ยังนัดกันออกไปกินข้าวอีกด้วย ทั้งที่เมื่อวานนี้เสิ่นเจิ้นอวี่เพิ่งสั่งสอนเขาไปหมาดๆ ตระกูลเสิ่นของพวกเขาไร้ซึ่งคุณธรรมเกินไปแล้ว ให้ลูกสาวออกเดทกับผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกัน คิดว่าคนไหนเหมาะสมก็ให้เลือกคนนั้นงั้นสินะ

“เสิ่นหรูฮวน ตระกูลเสิ่นของพวกคุณหน้าไม่อายจริงๆ ด้านหนึ่งจ้องจับผมและกล่าวว่าจะให้คุณหมั้นหมายกับผม สุดท้ายแล้วอีกด้านหนึ่งกลับหาผู้ชายอีกคนหนึ่งให้กับคุณและให้คุณลองคบกับผู้ชายคนอื่น ทำไม คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร ผู้ชายทุกคนยินยอมพร้อมเป็นตัวเลือกให้คุณงั้นเหรอ ไม่คิดบ้างเหรอว่าดอกไม้เฉากิ่งหลิวหัก*อย่างคุณมีสิทธิ์อะไรจะทำแบบนี้”

*残花败柳 ดอกไม้เฉากิ่งหลิวหัก เป็นสำนวน หมายถึงผู้หญิงที่โดนย่ำยีศักดิ์ศรีจนมีราคี

เมื่อเอ่ยประโยคสุดท้าย เจิ้งเต๋อข่ายจ้องมองฟู่ซวี่ตงด้วยสีหน้าร้ายกาจและเอ่ย “นายยังไม่รู้สินะ เสิ่นหรูฮวนมองเพียงผิวเผินก็ดูเหมือนน้ำบริสุทธิ์แหละ แต่หล่อนถูกคนอื่นย่ำยีมาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นหล่อนหายตัวไปนานมากเพราะว่าถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไป ผู้หญิงสวยขนาดนี้ตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านั้น นายคิดว่าหล่อนจะยังบริสุทธิ์อยู่ไหม เหอะ……เกรงว่าไม่ใช่โดน……..”

“ผัวะ……”

เจิ้งเต๋อข่ายยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกฟู่ซวี่ตงต่อยจนล้มลงกับพื้น

แต่แม้จะลงมือไปแล้วก็ยังไม่หายโกรธ ฟู่ซวี่ตงจึงนั่งคร่อมร่างของเจิ้งเต๋อข่ายและปล่อยหมัดกระแทกอีกฝ่ายหมัดแล้วหมัดเล่า กำปั้นที่กระทบผิวเนื้อแต่ละระลอกทำให้เจิ้งเต๋อข่ายร้องโอดครวญ “โอ๊ย……โอ๊ย……”

เมื่อเจิ้งเต๋อข่ายเอ่ยคำพูดเหล่านั้น สีหน้าของเสิ่นหรูฮวนพลันซีดเผือด ด้วยรู้ว่าตัวเองหายตัวไปเนิ่นนานขนาดนั้นจะต้องมีคนคาดเดาด้วยความคิดเลวร้ายอย่างแน่นอน แต่ตอนนั้นตระกูลของหล่อนก็ปิดข่าวได้ทันเวลา ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครรู้เท่าไรนัก แต่คาดไม่ถึงว่าเจิ้งเต๋อข่ายที่ผู้คนภายในตระกูลเคยเห็นว่าดีนั้นจะรู้เรื่องนี้เช่นกัน

ขณะนี้ เสิ่นหรูฮวนรู้สึกราวกับตกลงไปภายในถ้ำน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าผู้คนจำนวนมากภายในเมืองหลวงต่างก็รู้เรื่องนี้แล้วใช่หรือไม่

ครั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องโอดโอยราวกับสุกรถูกเชือดของเจิ้งเต๋อข่าย เสิ่นหรูฮวนก็ฟื้นคืนสติ หล่อนจ้องมองสีหน้าท่าทางอาฆาตของฟู่ซวี่ตงแล้วก็พลันรู้สึกดีขึ้นมาก

เสิ่นหรูฮวนย่อมอยากเห็นเจิ้งเต๋อข่ายได้รับบทเรียนสั่งสอน อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นท่าทางอ่อนแอมากยิ่งขึ้นของเจิ้งเต๋อข่าย เสิ่นหรูฮวนก็รีบเข้าไปห้ามฟู่ซวี่ตง “คุณ…..คุณหยุดต่อยได้แล้วค่ะ ถ้าต่อยจนเขาตายเดี๋ยวจะแย่เอานะ”

ฟู่ซวี่ตงได้ยินเช่นนี้ก็หยุดือ ขณะเดียวกันก็เห็นสภาพน่าสังเวชของเจิ้งเต๋อข่ายที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนจนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ตนเองลงมืออย่างหนักหน่วงเช่นนี้

แต่เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเจิ้งเต๋อข่าย ฟู่ซวี่ตงก็รู้สึกว่าเขาสมควรตาย

คนประเภทที่นำความบริสุทธิ์ของผู้หญิงมาล้อเล่นนั้นสมควรถูกทุบตีจนตาย

เมื่อฟู่ซวี่ตงหยุดลงมือ เจิ้งเต๋อข่ายรู้สึกว่าตนเองนั้นรอดพ้นจากความตายแล้ว แต่เมื่อนึกถึงสภาพน่าสังเวชจากการถูกต่อยเมื่อสักครู่นี้ เจิ้งเต๋อข่ายพลันจ้องมองฟู่ซวี่ตงด้วยใบหน้าดุร้ายและเอ่ย “นายรอดูเถอะ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”

เขาคิดว่าตนเองเตือนด้วยหวังดี แต่สุดท้ายฟู่ซวี่ตงกลับต่อยเขา เช่นนั้นเรื่องบาดหมางนี้ก็ยากจะแก้ไขแล้ว

ฟู่ซวี่ตงได้ยินคำพูดนี้ของเจิ้งเต๋อข่าย เขาหัวเราะเย้ยหยันและเอ่ย “ได้ ฉันจะรอ”

ขณะที่สถานการณ์ระหว่างทั้งสองคนกำลังตึงเครียด เสิ่นเจิ้นอวี่และเสิ่นหรูฮุ่ยก็กลับมา พวกเขาต่างตกตะลึงเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงประตูบ้าน “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

แม้ว่าพวกเขาจะมีอคติกับเจิ้งเต๋อข่าย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทุบตีเขาจนตาย

น้ำตาของเสิ่นหรูฮวนพลันรินไหลเมื่อเห็นว่าพ่อและพี่ชายกลับมาแล้ว “พ่อ พี่ใหญ่……”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ปากเสียนักก็กินหมัดไปรัวๆ แบบนี้แหละค่ะ พวกชายแท้ขี้แพ้มันก็ทำได้แค่นี้แหละ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท