ตอนที่ 131 ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
ตอนที่ 131 ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด
เซี่ยเจ๋อหลี่ย่อมเห็นเหยาอี้หนิงอยู่แล้ว เขาเพียงแกล้งทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น ซึ่งคนอื่นต่างรู้ดีว่าพวกเขามีเรื่องไม่ลงรอยกัน
ฉินมู่หลานเห็นสายตาของเหยาอี้หนิงกับเริ่นม่านลี่ที่จ้องมองมา จึงมองตรงไปทางนั้นด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนไปเมืองหลวงเจอคนคู่นี้แล้วพอกลับมาที่นี่ก็เจออีก ช่างบังเอิญเสียจริง เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบทั้งสองคนนี้เลย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซี่ยเจ๋อหลี่และฟู่ซวี่ตงในภารกิจทางตะวันตกเฉียงเหนือคงเป็นฝีมือของเหยาอี้หนิง เป็นเพราะคนพวกนั้น เซี่ยเจ๋อหลี่จึงได้รับบาดเจ็บสาหัส หากเธอไม่มารักษา ขาของเซี่ยเจ๋อหลี่คงใช้การไม่ได้แล้ว
เหยาอี้หนิงเห็นว่าฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ดูเฉยเมย สีหน้าจึงดูน่าเกลียดมากขึ้น หลังจากนั้นเขาก็สูดหายใจอย่างเย็นชา แล้วพาเริ่นม่านลี่กลับไปที่บ้านของพวกเขา
ฟู่ซวี่ตงเห็นดังนั้น จึงพ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วพูดขึ้น “ทำไมพวกมันถึงได้อยู่ทุกที่ล่ะเนี่ย ต้องเจอกันอีกกี่ครั้ง” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็หันมองเซี่ยเจ๋อหลี่กับฉินมู่หลาน “อาหลี่ น้องสะใภ้ พวกเราก็รีบกลับกันเถอะ”
“เอาสิ”
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วพยักหน้า
เธอยังอยากถามฟู่ซวี่ตงเกี่ยวกับเรื่องทางปักกิ่ง จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยชวนคุย “ซวี่ตง เย็นนี้มาทานข้าวที่บ้านเถอะ เดี๋ยวให้อาหลี่ทำของอร่อยให้กิน”
ฟู่ซวี่ตงไม่ต้องคิดนาน ก่อนจะรีบพยักหน้าแล้วเอ่ย “ได้ครับ ขอบคุณครับน้องสะใภ้ ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นเดี๋ยวผมไปหา ตอนนี้ขอกลับไปเก็บของก่อน”
“ค่ะ”
หลังจากฟู่ซวี่ตงไปแล้ว ฉินมู่หลานกับเซี่ยเจ๋อหลี่ก็กลับไปยังบ้านหลังน้อยของพวกเขาเช่นกัน
หลังจากวางของทุกอย่างแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็บอกให้ฉินมู่หลานนั่งพัก “มู่หลาน คุณพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำความสะอาดเอง”
ฉินมู่หลานก็ไม่ปฏิเสธ ยกยิ้มแล้วพยักหน้าให้ จากนั้นเธอก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่กำลังพักผ่อนก็มองดูเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการแกะของขวัญดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“อาหลี่ อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากเลย”
เมื่อไม่นานมานี้ฉินมู่หลานก็พบว่าตัวเองเริ่มขี้เกียจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้เซี่ยเจ๋อหลี่คอยช่วยทำให้ทุกอย่าง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าเขาชอบเธอมากจริง ๆ
เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองแล้วยิ้มให้ฉินมู่หลาน ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน แสดงว่าคุณมีความสุขใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นต่อไปผมจะทำงานให้หนักขึ้น คุณจะได้มีความสุขมากขึ้นอีก”
“ตกลงค่ะ”
ดวงตาของฉินมู่หลานเป็นประกายสดใส หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เซี่ยเจ๋อหลี่มากขึ้น แล้วสวมกอดรอบเอวของเขา ในขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็พูดขึ้นว่า “อาหลี่ คุณก็มาพักด้วยกันเถอะค่ะ ค่อยทำความสะอาดทีหลังก็ได้”
เป็นเรื่องยากที่จะเห็นมุมนี้ของฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อหลี่ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าใจละลาย เขาอุ้มหญิงสาวขึ้นมาเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะวางเธอลงบนโซฟา “ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพักด้วย แล้วค่อยทำความสะอาดทีหลัง ในเมื่อวันนี้จะเลี้ยงข้าวเย็นซวี่ตง เดี๋ยวผมจะออกไปดูสักหน่อยว่ามีอะไรซื้อเข้ามาได้บ้าง”
“ค่ะ ต้องรบกวนคุณแล้ว”
ใบหน้าของฉินมู่หลานเปื้อนยิ้ม แล้วเริ่มเล่าความคิดของตัวเอง “ฉันอยากถามซวี่ตงว่าเสิ่นหรูฮวนอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ ถึงได้ชวนเขามากินข้าวเย็นด้วย เลยทำให้คุณต้องลำบาก”
“ไม่ลำบากเลย”
เซี่ยเจ๋อหลี่ลูบศีรษะของฉินมู่หลาน แล้วเอ่ยขึ้น “คู่หมั้นของเสิ่นหรูฮวนดูไม่น่าไว้ใจจริง ๆ ยังไงก็ต้องถามให้ละเอียด”
หลังจากที่เซี่ยเจ๋อหลี่พูดคุยกับฉินมู่หลานอยู่สักครู่หนึ่ง พวกเขาก็เริ่มเก็บข้าวของที่นำมาอีกครั้ง จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เซี่ยเจ๋อหลี่จึงออกไปซื้อกับข้าว
เมื่อฟู่ซวี่ตงมาถึงในตอนเย็น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ได้เตรียมมื้ออาหารอันหรูหราเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ฟู่ซวี่ตงมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “อาหลี่ พวกนี้นายทำเองหมดแลยเหรอ ฝีมือนายดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะเนี่ยะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ ช่วงนี้อาหลี่เริ่มทำอาหารได้อร่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย”
แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ยกความดีความชอบให้กับฉินมู่หลานโดยกล่าวว่า “ทั้งหมดนี้เพราะมู่หลานสอนดี”
ช่วงนี้มู่หลานสอนขั้นตอนการทำอาหารให้กับเขาอย่างละเอียด จึงได้รับสูตรอาหารที่แตกต่างจากที่อื่น เมื่อทำตามวิธีของฉินมู่หลาน อาหารที่ทำออกมา รสชาติก็ดีขึ้น
“เป็นเพราะว่าคุณฝีมือดีต่างหากค่ะ”
ฉินมู่หลานยังคงพูดเยินยอต่อไป รู้สึกแค่ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่ทำอะไรก็ทำได้ดีมากไปเสียหมด
ฟู่ซวี่ตงที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนิดหน่อย
โชคดีที่ไม่นานทั้งสามคนก็เริ่มรับประทานอาหารกัน เป็นเพราะรู้สึกหิวบ้างแล้ว จึงกินกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานอาหารที่เซี่ยเจ๋อหลี่ทำก็หมดเกลี้ยง
หลังจากกินเสร็จ ในที่สุดฉินมู่หลานก็มีโอกาสได้เอ่ยถามเกี่ยวกับเสิ่นหรูฮวน
ฟู่ซวี่ตงได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยทันที “น้องสะใภ้ไม่ต้องห่วง เสิ่นหรูฮวนตัดขาดจากคู่หมั้นของหล่อนแล้ว”โนเวลพีดีเอฟ
ได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดเลยว่าเสิ่นหรูฮวนกับเจิ้งเต๋อข่ายจะเลิกรากันเร็วเพียงนี้ “ลุงเสิ่นกับคนอื่นเจอเรื่องอะไรใช่ไหมคะ?”
ฟู่ซวี่ตงพยักหน้า แล้วเล่าต่อ “ใช่ครับ ลุงเสิ่นเจออะไรบางอย่างเข้า เจิ้งเต๋อข่ายนั่นมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เล่าทุกอย่างที่ได้ทราบมาให้ฟัง
“สรุปว่าซูอวี้เจี๋ยไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องทางสายเลือดของเจิ้งเต๋อข่าย แต่…ก็ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอยู่”
ฟู่ซวี่ตงเรียบเรียงคำพูด จากนั้นจึงเล่าให้ฟังอย่างไม่ขาดตอน “เจิ้งเต๋อข่ายมีป้าอยู่หนึ่งคน หลังจากหย่าร้างก็มาแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็คือพ่อของซูอวี้เจี๋ย ตั้งแต่นั้นมา ซูอวี้เจี๋ยจึงได้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจิ้งเต๋อข่ายเพียงแค่ในนาม แต่ทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด”
“พวกเขาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ค่อนข้างสนิทกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้แสดงความสัมพันธ์ชัดเจน แต่คนในครอบครัวก็ทราบกันดีว่าทั้งคู่แอบคบกันอยู่ แล้วอยู่ ๆ เจิ้งเต๋อข่ายก็ได้ไปดูตัวกับเสิ่นหรูฮวน ตระกูลเจิ้งอยากใช้โอกาสนี้เกี่ยวดองกับตระกูลที่ร่ำรวยอย่างตระกูลเสิ่น แต่เอาเข้าจริงก็เพราะอยากให้ลูกชายอยู่ห่างจากซูอวี้เจี๋ยด้วย หลังจากนั้นก็จะอาศัยประโยชน์จากเสิ่นหรูฮวน”
“แต่น่าเสียดาย ซูอวี้เจี๋ยรู้เข้าก็ตามมาปักกิ่งด้วย ซึ่งหล่อนก็เข้าใจและตั้งใจจะตีตัวออกห่างเจิ้งเต๋อข่าย แต่เจิ้งเต๋อข่ายยังรักลูกพี่ลูกน้องคนนี้อยู่ตลอด ระหว่างที่อยู่ต่อหน้าซูอวี้เจี๋ย เขาจึงปฏิบัติตัวแย่ๆ กับเสิ่นหรูฮวน พอทำแบบนี้ก็ทำให้ทุกคนล้วนไม่มีความสุข”
หลังจากได้ฟังสิ่งที่ฟู่ซวี่ตงเล่า ฉินมู่หลานก็แค่นหัวเราะ แล้วเอ่ย “เจิ้งเต๋อข่ายนี่ขี้โกงจริง ๆ เลย ห่วงอนาคตตัวเอง ถึงได้ยอมหมั้นหมายกับเสิ่นหรูฮวน แต่พออยู่ต่อหน้าซูอวี้เจี๋ย ก็กลายเป็นว่ายังลืมคนรักเก่าไม่ได้ซะงั้น เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้มาเล่นกับหัวใจของผู้หญิงทั้งสองคนแบบนี้”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานดูโกรธมาก เซี่ยเจ๋อหลี่จึงรีบเอ่ยทันที “มู่หลาน อย่าโมโหเลย อย่างน้อยก็ยังดีที่ลุงเสิ่นกับคนอื่นรู้เรื่องนี้จนหรูฮวนกับเจิ้งเต๋อข่ายถึงต้องถอนหมั้นกัน เพราะฉะนั้นเจิ้งเต๋อข่ายกับตระกูลเจิ้งก็จะไม่ได้อะไรตามที่ตัวเองต้องการ”
ฟู่ซวี่ตงที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นด้วย “ใช่ครับน้องสะใภ้ ตอนนี้ลุงเสิ่นกับคนอื่นรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่มีทางยอมให้ตระกูลเจิ้งได้ในสิ่งที่ต้องการแน่นอน บางทีอาจสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาด้วย”
เมื่อเอ่ยจนจบ ฟู่ซวี่ตงก็รีบพูดขึ้นทันที “จริงสิ น้องสะใภ้ เสิ่นหรูฮวนบอกว่า วันหลังถ้ามีเวลาจะมาหาคุณนะครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็อดที่จะแปลกใจเสียไม่ได้ “หรูฮวนจะมาที่นี่อย่างนั้นหรือคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่างนี้นี่เอง ในเมื่อคิดจับปลาสองมือแบบนี้ก็อย่าได้ปลาสักตัวเลยไอ้คนแซ่เจิ้ง
ไหหม่า(海馬)