บทที่ 676 ตราประทับระเบิดพลัง ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของคุณชาย!
สิ่งมีชีวิตอันทรงพลังในซากปริภูมิเวลามากันหมด จำนวนไม่น้อยราว ๆ สามสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวเข้าด้วยกัน ความรู้สึกของจักรวาลโกลาหลที่แตกต่างยิ่งชัดเจน
วิถี วิชาอาคม แก่นกำเนิดพลัง ล้วนแตกต่างกันชัดเจน ไม่คล้ายคลึงกันสักนิด จักรพรรดินีตกตะลึง นี่เท่ากับมีจักรวาลโกลาหลกว่าสามสิบแห่งแล้ว ตกลงว่ามีจักรวาลโกลาหลกี่แห่งกันแน่
พวกนางในอดีตช่างด้อยความรู้นัก แย่เสียยิ่งกว่ากบก้นบ่อ ชมผืนฟ้าจากก้นบ่อ ทึกทักไปว่ามีจักรวาลโกลาหลอยู่เพียงจักรวาลเดียว บัดนี้คิดแล้วน่าขำยิ่งนัก
“มาเถิดทุกท่าน ไม่ต้องกักเก็บพลัง ลงมือด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ทลายเกราะป้องกันของเส้นทางโบราณนี้!”
หนานฉงคำรามเสียงทุ้ม ฝีมือการแสดงมิมีผู้ใดทัดเทียม หากมิใช่ว่าจ้าวกิเลนดำล่วงรู้ความจริง มันคงเชื่อไปแล้ว
“ได้”
สิ่งมีชีวิตกว่าสามสิบตนตอบ ความดุดันแผ่ออกไปจนมืดฟ้ามัวดิน พลังในกายรีดเร้นอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาตกลงกันก่อนหน้านี้แล้วว่า ผู้ไม่ลงมือด้วยกำลังทั้งหมดที่มีจะถูกสิ่งมีชีวิตตนอื่นรุมโจมตี พวกเขาไม่อยากเป็นเช่นนั้น ต่างเตรียมลงมือเต็มกำลัง
“ลุย!”
หนานฉงบุกอยู่ด้านหน้าสุด สองมือประสานอิน คล้ายกำลังสำแดงวิชาลับน่าพรั่นพรึงบางอย่าง
จ้าวกิเลนดำแหงนหน้าคำราม ร่างมหึมาปราดออกไป
บรรดาสิ่งมีชีวิตตนอื่นมิได้เคลือบแคลง สำแดงฤทธิ์เดชรุนแรงที่สุดของตนกันทั้งสิ้น คลื่นพลังอันน่ากลัวโถมทับฟ้าดิน วิชาลับต่าง ๆ พร้อมทั้งยอดศาสตราเปล่งอานุภาพเกินหยั่ง!
หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำเด็ดขาดยิ่งนัก ขณะที่บุกไปได้ครึ่งทาง พวกเขาหักหัวกะทันหัน แหวกมิติหนีออกไปไกล
พวกเขารู้ดีว่าการโจมตีอันน่ากลัวเช่นนี้ต้องพบกับแรงสะท้อนระดับใด ขืนยังอยู่ที่เดิม มีแต่ต้องตายเท่านั้น
สิ่งมีชีวิตบางตนได้เห็นหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำหนีก็รู้ตัวอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่าพวกเขาอาจถูกลวงเสียแล้ว เบื้องหน้าคงมีภยันตรายบางอย่างรอพวกเขาอยู่!
ทว่าวิชาที่พวกเขาใช้ต่างเป็นระดับพลังสูงสุดของตน ไฉนเลยจะดึงกลับมาได้ง่าย ๆ ไม่มีทางทำได้เลย
พวกเขาได้แต่มองดูการโจมตีของตัวเองกระแทกกับเส้นทางโบราณโดยไร้หนทางแก้ไข
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ลมหายใจต่อมา การโจมตีกระแทกเส้นทางโบราณ คล้ายอสนีบาตจากธรณี คล้ายการระเบิดครั้งใหญ่จนอุบัติเป็นปฐพีผืนนี้ ประกายเจิดจ้าท่วมท้นทุกสรรพสิ่ง
ภายในเส้นทางโบราณ พวกจักรพรรดินีมิได้พะวงแม้แต่น้อย พวกนางมีสีหน้าราบเรียบ เพราะคิดตกอยู่นานแล้วว่าไม่มีทางมีอันเป็นไป
อย่างที่คิด เมื่อการโจมตีสยดสยองท่วมฟ้านั้นกระหน่ำลงมา พลังอันน่าสะพรึงระเบิดออก เส้นทางโบราณไร้ซึ่งรอยขีดข่วน ไม่แม้แต่จะสั่นไหว ยับยั้งการโจมตีทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พรวด! พรวด! พรวด!
กลับเป็นเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ลงมือต้องถูกแรงสะท้อนอย่างไม่มีข้อยกเว้น เลือดเนื้อสาดกระจาย สภาพน่าสังเวชไม่แพ้กัน!
พวกเขาถูกแรงกระเทือนจนนอนหมดสภาพกับพื้นกันทั้งหมด พลังมิได้อยู่ในระดับเดียวกัน พลังของเส้นทางโบราณเหนือชั้นว่าพวกเขามากนัก!
พวกเขาไม่อาจเชื่อเรื่องนี้ได้ลง สะท้านเหลือแสน คนระดับไหนกันถึงเขียนอักษรเช่นนั้นออกมาได้ เกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง!
พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่าพลังของเส้นทางโบราณมาจากอักษรภาพนั้น
“เจ้าหนานฉงเดนตาย ชั่วช้านัก อย่าให้ข้าได้พบเจ้าอีก มิฉะนั้นข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่!”
สิ่งมีชีวิตบางตนคำรามกราดเกรี้ยว ดวงตาคล้ายจะมีไฟพุ่งออกมาเพราะได้สติจากความตกตะลึง รู้ได้อย่างแจ่มชัดว่าหนานฉงปิดบังข้อมูลสำคัญจากพวกเขา จงใจล่อพวกเขาให้ตกหลุมพราง
มิฉะนั้น เหตุใดหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำถึงหนีไปโดยไม่ลังเล
เพราะพวกเขารู้แต่แรกแล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้!
“พวกเราถูกหลอกกันหมด พวกเขาสองคนก็คงมิได้ดีไปกว่ากันนัก!”
“พวกเขาลงมือนำไปแล้ว ย่อมประสบกับแรงสะท้อนแล้วเช่นกัน คงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่ภายนอกดูไม่เป็นอันใดเพราะพวกเขาอำพรางไว้และกัดฟันฝืนทน!”
สิ่งมีชีวิตตนอื่นรู้ตัวตาม ๆ กัน โทสะลุกโชน หากพวกเขามองทุกอย่างได้ขาดเร็วกว่านี้ ไฉนเลยจะกลายเป็นแบบนี้
หนานฉงกับจ้าวกิเลนดำจะต้องตาย!
อนิจจา การแสดงละครก่อนหน้านี้ของหนานฉงไร้พิรุธ ไม่มีพวกเขาคนใดตงิดใจ ไม่แม้แต่จะกังขาสักนิด
“หนานฉง จ้าวกิเลนดำ พวกเจ้าตายแน่!”
“ไม่ว่าผู้ใดก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้!”
พวกเขาคำรามเสียงเหี้ยม ถูกหลอกจนอยู่ในสภาพอนาถา แต่ละตนล้วนบาดเจ็บไปถึงแก่น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก พายุปริภูมิเวลาอุบัติได้ทุกเมื่อ บาดแผลถึงแก่นเช่นนี้ยากจะรักษาให้หาย ไม่แน่พวกเขาอาจต้านพายุปริภูมิครั้งต่อไปมิไหว
พวกเขาเคียดแค้นในตัวหนานฉงกับจ้าวกิเลนดำอย่างยิ่งยวด สาบานตนว่าจะแก้แค้น และไม่มีทางรามือง่าย ๆ!
“พวกเจ้าคิดถึงข้าขนาดนี้เชียวหรือ ได้ ๆ ข้ามาแล้ว!”
ทันใดนั้น หนานฉงก็บุกเข้าไป กล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก ที่เขาลวงหลอกสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นก่อนหน้านี้ไม่เพียงเพื่อเอาตัวรอด หากแต่เพื่อการฉวยโอกาสชิงพลังในพริบตานี้ด้วย!
เขาลงมืออย่างเด็ดเดี่ยว มิได้ยืดเยื้อแม้แต่น้อย กระบี่ยาวสัมฤทธิ์เปล่งประกายเย็นยะเยือก ผ่าสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา ปล้นทุกอย่างในตัวสิ่งมีชีวิตตนนี้ไป อีกทั้งยังดูดกลืนปราณเลือดแก่นพลังของสิ่งมีชีวิตตนนี้ไปทั้งหมด
เทียบกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ เขาได้รักษาบาดแผลฟื้นฟูพลังตัวเองไปแล้วก่อนหน้านี้ แม้นยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ กระนั้นก็ทรงพลังกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
มิหนำซ้ำสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยังผนึกกำลังโจมตี พลังที่สะท้อนกลับมาจึงน่ากลัวกว่าครั้งที่เขากับจ้าวกิเลนดำทำตั้งไม่รู้เท่าไร สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บหนักเสียจนเรียกได้ว่าสูญเสียพลังที่จะต่อสู้ได้อีก
มิฉะนั้น เขาไม่มีทางผ่าสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับเขาเป็นสองท่อนได้ในกระบี่เดียว
จ้าวกิเลนดำนั้นเห็นได้ชัดว่าใจกล้ามิเท่าเขา ครั้งนี้มิได้ตามหนานฉงกลับมาด้วย
หนานฉงลงมือได้โหดเหี้ยมว่องไว ไม่มัวชักช้าลีลา เขาสังหารสิ่งมีชีวิตไปอีกหลายตน ดูดกลืนปราณเลือดแก่นพลัง ชิงทุกสิ่งในตัวพวกมัน แล้วไปจากที่นี่โดยไม่หันกลับมามอง
ต้องยอมรับว่า เขาเป็นบุคคลที่น่าจดจำผู้หนึ่งจริง ๆ ลงมือกับสิ่งมีชีวิตที่เหลือในสถานที่แห่งนี้ได้ ทว่าเขามิได้ทำ จากไปอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด ไม่อาลัยอาวรณ์ ไม่ถูกความละโมบครอบงำสติปัญญา
หนานฉงกลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิด กลัวว่าสิ่งมีชีวิตที่เหลือจะร่วมมือเข้าห้ำหั่นกับเขาสุดชีวิต และที่กลัวยิ่งกว่านั้นคือ พวกจักรพรรดินีจะบุกออกจากเส้นทางโบราณ เขาเข้าใจหลักการสละเพื่อให้ได้มาดี
อันที่จริง การตัดสินใจของเขาถูกต้องเป็นที่สุด
เขาได้ลงมืออย่างฉับพลันก่อนหน้านี้ สิ่งมีชีวิตตนอื่นไม่ทันตั้งตัว เขาจึงสังหารไปได้หลายตน ดูดกลืนปราณเลือดแก่นพลังและปล้นสมบัติติดตัวไปได้
ทว่าหากเขาไม่ไป เลือกอยู่ที่นี่ต่อ ย่อมต้องพบกับหายนะ
สิ่งมีชีวิตตนอื่นตั้งตัวได้แล้ว และกำลังรวมตัวเข้าด้วยกัน เตรียมเผาผลาญแก่นกำเนิดชีวิตเพื่อต่อสู้กับหนานฉง
หากเป็นเช่นนั้นจริง หนานฉงย่อมมิใช่ฝ่ายได้เปรียบ เป็นไปได้ว่าจะไปไหนไม่ได้อีก
หลังไปจากที่นั่นแล้ว หนานฉงหาสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง รีดเร้นพลังหลอมละลายปราณเลือดแก่นพลังที่ตนดูดกลืนมาได้
ปราณเลือดแก่นพลังเหล่านี้ล้วนเป็นแก่นกำเนิดพลังของสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับเขา มีประโยชน์ต่อเขามหาศาล ช่วยให้เขาฟื้นตัวถึงสภาพสมบูรณ์ที่สุดได้โดยไว
หากเขาละลายปราณเลือดแก่นพลังเหล่านี้ได้หมดเมื่อใด เขาจะก้าวสู่ขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้นไป!
“หนานฉงเป็นคนบ้าดีเดือดจริง ๆ!”
อีกด้าน จ้าวกิเลนดำหดหัว ตกใจกับความใจกล้าของหนานฉง
มันไม่คิดเลยว่าหนานฉงจะกล้ากลับไปอีก ที่นั่นอันตรายเพียงใด สถานการณ์ไม่แน่ชัด คลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยมีหวังได้จบชีวิตแน่
ถึงอย่างไรมันก็มิกล้ากลับไป
“อย่างข้าสิดี ปลอดภัยไร้อันตราย!”
มันคลี่ยิ้มกว้าง รู้สึกว่าสถานการณ์ของมันต่างหากที่ดีที่สุด
จากนั้นมันก็ทำเวลารักษาบาดแผล
ขณะเดียวกัน บนเส้นทางโบราณ พวกจักรพรรดินีต่างตะลึงกับความอำมหิตและความใจกล้าของหนานฉง
นิสัยเช่นหนานฉง หากเป็นศัตรูย่อมต้องถอนรากถอนโคน ไม่อาจเหลือโอกาสให้สักเสี้ยว มิฉะนั้น ย่อมกลายเป็นภัยมหันต์ในภายหลัง!
ยังดี หนานฉงติดอยู่ในซากปริภูมิเวลาออกไปมิได้ พวกนางจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของอีกฝ่ายมากนัก
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เวลานั้น จู่ ๆ เส้นทางโบราณก็สั่นไหวรุนแรง ประกายเจิดจ้ามหาศาลพวยพุ่ง เส้นทางโบราณที่เคยถูกตัดขาดบัดนี้เริ่มยืดยาวออกไป คล้ายว่าจะทะลวงออกจากซากปริภูมิเวลา
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเราต้องไม่เป็นอันใด เส้นทางโบราณเพียงถูกระงับไว้ชั่วคราวเท่านั้น บัดนี้กำลังจะทลายแรงกดทับของซากปริภูมิเวลาแล้ว!”
หยวนอีเอ่ยพลางยิ้ม ดูยินดีปรีดาอย่างมาก ทุกอย่างเป็นตามที่พวกนางคิดจริง ๆ พวกนางจะไม่ถูกกักขังอยู่ในซากปริภูมิเวลา ออกจากซากปริภูมิเวลาไปได้!
“ตราประทับ!”
หยวนอีเห็นพลังบางอย่างโลดแล่นอยู่ที่ตราประทับ เป็นพลังในตราประทับที่กำลังปะทุอยู่ นางครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “คุณชายประทับตราเพิ่มในตอนท้ายสุด เป็นการเตรียมการสำหรับเรื่องนี้หรือ?”
ก่อนหน้านี้ พลังตราประทับยังมิได้ปะทุ พลังที่ปรากฏออกมานั้นล้วนมาจากภาพอักษรของคุณชาย บัดนี้ พลังตราประทับแผ่ขยาย พลังของซากปริภูมิเวลาค่อย ๆ ถูกทลาย เส้นทางโบราณขยายกลับสู่ยุคปัจจุบัน
นางรู้สึกว่าที่คุณชายประทับตราเพิ่มก็เพื่อใช้ในสถานการณ์ที่พวกนางเผชิญในตอนนี้!
“เห็นทีคงใช่!”
จักรพรรดินีพยักหน้า คิดเหมือนกันว่าเป็นการจัดแจงของคุณชาย นางเอ่ยออกมาด้วยความสะท้อนใจอย่างอดมิได้ “คุณชายเก่งกาจอย่างแท้จริง ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุม และทุกประโยค ทุกการกระทำของคุณชายล้วนแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง!”
อักษรเป็นทาง สมบัติทั้งสี่แห่งห้องอักษรเพื่อคืนชีพท่านอาจารย์ ตราประทับเพื่อทลายซากปริภูมิเวลา คุณชายแข็งแกร่งมากจริง ๆ เตรียมการทุกอย่างไว้แต่แรกแล้ว
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เส้นทางโบราณสว่างเจิดจ้า คลื่นพลังที่เปล่งออกมานั้นยิ่งทวีความสยดสยองขึ้น จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งพวยพุ่งออกจากตราประทับ มหัศจรรย์ถึงขีดสุด!
พลังของปริภูมิเวลาถูกกระเทือนออก ข่มเส้นทางโบราณไว้ไม่ได้อีกต่อไป เส้นทางโบราณยาวเหยียดออกไปเรื่อย ๆ จนใกล้ทะลวงออกจากซากปริภูมิเวลาเต็มที
“บังอาจนัก!”
เวลานั้น เสียงตวาดเย็นเยียบดังขึ้น วังวนมโหฬารปรากฏเหนือซากปริภูมิเวลา คลื่นพลังยิ่งใหญ่น่ากลัวดุจมหาสมุทรซัดสาด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในซากปริภูมิเวลาต่างตื่นตกใจกับพลังนี้ ล้วนหมอบราบกับพื้น ดวงวิญญาณสั่นสะท้าน!
ขณะเดียวกัน หนานฉงเบิกตาขึ้นในบัดดล บำเพ็ญเสร็จสิ้น ความอึ้งงันพาดผ่านแววตา
“ผู้คุมนักโทษปรากฏตัวแล้วหรือ?!”
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้คุมนักโทษที่คอยเฝ้ายามซากปริภูมิเวลาแห่งนี้ยังโผล่มาด้วย
พลังของผู้คุมนักโทษลึกล้ำเกินหยั่ง บงการพวกเขาได้ตามใจชอบ เคยมีสิ่งมีชีวิตหลายตนร่วมมือหมายจะทลายผนึกของซากปริภูมิเวลา เป็นผลให้ผู้คุมนักโทษปรากฏตัว สุดท้าย ผู้คุมนักโทษคร่าชีวิตสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้ง่ายเพียงพลิกมือ
ขอบเขตพลังของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นสูงกว่าเขาตั้งไม่รู้กี่ระดับ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คุมนักโทษ กลับไม่มีค่าอันใด ไร้น้ำยาสิ้นดี ถูกฆ่าได้ง่าย ๆ!
เขานั้นยังดี มีของวิเศษติดตัวมาก กอปรกับคลื่นลมปราณที่ผู้คุมนักโทษแผ่ออกมานั้นมิได้พุ่งเป้ามาที่เขา ด้วยของวิเศษพวกนี้ เขามิได้ย่ำแย่เท่าใด จึงฝืนทนไว้ได้
สมองเขาแล่นอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าหลังจากนี้ควรทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ต่อเขากว่า
อีกด้าน ผู้คุมนักโทษเดินออกจากวังวนปริภูมิเวลา
“มิมีผู้ใดไปจากที่นี่ได้!”
เขาตวาดเสียงเย็น ประกายไฟฟ้าแลบแปลบอยู่ในตา ชวนให้หวาดผวา!