ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ – ตอนที่ 32 บุพเพแต่เก่าก่อน

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 32 บุพเพแต่เก่าก่อน

แม่นางน้อยที่สวมเสื้อสีขาวกระโปรงสีแดงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อันเจริญงอกงาม แม้ว่าแสงตะวันเจิดจ้าสว่างไสวจะถูกใบไม้ทอนแสงไปแล้ว จึงเพียงส่องเล็ดลอดเข้ามาแค่เล็กน้อย แต่กลับยังคงทำให้รอบตัวแม่นางน้อยนางนั้นแผ่คลุมไปด้วยแสงสว่างเจือจาง

หญิงงามดั่งภาพฝัน เพริศแพร้วเกินคำบรรยาย

ชายหนุ่มฝั่งตรงหน้าแทบลืมกะพริบตา ราวกับคนที่อยู่ใกล้ตัวแต่ถ้าผ่านไปเพียงชั่วครู่ก็จะไม่เจอกันอีกแล้ว

เจียงจั้นกระแอมหนักๆ คราหนึ่ง

เขายังมีชีวิตอยู่นะ สองคนนี้กำลังทำอะไรกัน

อวี๋ชีมองเจียงจั้นแวบหนึ่ง เปลวไฟในดวงตาที่ลุกโชนอยู่ถูกสีหมึกอันเข้มข้นปกคลุมไป ทำให้ดวงตาของเขาคล้ายมีหยกสีหมึกประดับอยู่ ดำขลับเป็นประกายแวววาว

เจียงจั้นถอนหายใจออกมาอย่างอดมิได้

คนผู้นี้เกิดมาดูดีเพียงนี้ ล่อลวงแม่นางน้อยผู้อ่อนต่อโลกได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน!

อวี๋ชีพยักหน้าทักทายเจียงซื่อ “คุณหนูเจียง”

เจียงซื่อหลุบตาปิดบังอารมณ์ไว้ โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ เอ่ยกับเจียงจั้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ในเมื่อเพื่อนของพี่รองมาแล้ว น้องก็ไม่รบกวนพวกพี่แล้วเจ้าค่ะ ข้าขอตัวกลับก่อน”

“ได้ น้องสี่กลับไปก่อนเถิด” เห็นท่าทีเมินเฉยของเจียงซื่อ เจียงจั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย สายตามองไปยังเจียงซื่อที่เดินไปทางจวนตงผิงปั๋ว แล้วหันกลับมาพูดกับอวี๋ชีว่า “พี่อวี๋ชีอย่าได้ถือสาเลย น้องสี่ข้าค่อนข้างเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น…”

“เป็นสาวเป็นนางก็ควรจะเป็นเช่นนั้น…“

อวี๋ชียังเอ่ยไม่ทันจบ สุนัขตัวใหญ่ก็วิ่งเพ่นพ่านออกไป เหมือนกับลมหอบหนึ่งพัดไปยังข้างกายเจียงซื่อในชั่วพริบตา มันงับที่ชายกระโปรงของนางไว้ไม่ยอมปล่อย

เจียงซื่อดึงชายกระโปรงไว้อย่างจนปัญญา ตำหนิไปว่า “ปล่อย!”

สุนัขตัวใหญ่ยอมปล่อยอย่างน้อยอกน้อยใจ แล้วหันไปเห่าใส่อวี๋ชี

“เอ้อร์หนิว กลับมานี่!” อวี๋ชีคิดไม่ถึงว่าสุนัขตัวใหญ่จะทำพฤติกรรมเช่นนี้ จึงขมวดคิ้วตะโกนเรียก

เจียงซื่อเหลือบมองอวี๋ชีคราหนึ่ง จู่ๆ สีหน้าก็พลันเย็นชาขึ้นมา

“คุณหนูเจียง ขออภัยด้วย เป็นข้าที่สั่งสอนไม่ดีเอง” อวี๋ชีมีน้ำเสียงจริงใจ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเข้มขึ้นว่า “เอ้อร์หนิว รีบกลับมานี่!”

โฮ่ง… สุนัขตัวใหญ่ลากเสียงยาวเห่าใส่อวี๋ชี นึกไม่ถึงว่าจะมีแววตาไม่สบอารมณ์ต่อผู้ที่มันตั้งความหวังไว้

เจียงจั้นแทบอยากจะทุบหมาตัวนี้ให้ตาย เขากัดฟันเอ่ยว่า “เลิกเห่าได้แล้ว หากยังไม่เชื่อฟังอีกจะให้พี่อวี๋ชีจับเจ้าตุ๋นกินเสีย!”

สุนัขตัวโตกรอกตาใส่เจียงจั้นคราหนึ่ง ความหมายว่าเจ้าจะทำอะไรข้าได้

เจียงจั้นรีบฟ้องอวี๋ชีทันที “พี่อวี๋ชี พี่รีบสั่งสอนเอ้อร์หนิวของพี่เลย อย่าให้มันทำน้องสาวข้าตกใจ”

“เอ้อร์หนิว!” ใบหน้าอวี๋ชีปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง

สุนัขตัวโตพลันสัมผัสได้ถึงความโกรธจากผู้เป็นนาย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็กระโดดงับกระเป๋าที่เจียงซื่อผูกเอวไว้ตกลงมาแล้ววิ่งหนีไป

ในชั่วขณะนั้นทุกคนต่างนิ่งอึ้งกันหมด

ครู่ต่อมา ลมหอบหนึ่งโชยผ่าน พัดเอาดอกอวี้หลันที่ปลิดปลิวลงมาโชยไปหาใบหน้าของเจียงจั้น

เจียงจั้นคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน รีบสาวเท้าไปข้างกายเจียงซื่อ ถามด้วยเสียงร้อนใจว่า “เจ้าไม่ถูกกัดใช่หรือไม่”

เจียงซื่อส่ายหน้า กวาดตามองไปยังอวี๋ชีอย่างเย็นชา “หมาที่เลี้ยงไร้กฎไร้ระเบียบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของก็มิได้เข้มงวดสักเท่าใด พี่รองหลังจากนี้จะคบหาใครก็คิดให้รอบคอบหน่อยนะเจ้าคะ”

นางกล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป แอบทอดถอนใจอยู่เงียบๆ

นางชื่นชอบเอ้อร์หนิวมาก แต่ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับอวี๋ชีอีก

ชาติที่แล้วนางหนีจากเงื้อมมือปีศาจของเจียงเชี่ยน แต่ก็ไม่อาจกลับไปยังจวนอันกั๋วกงได้ นั่นเพราะเกิดเหตุสุดวิสัยจึงต้องเร่ร่อนไปถึงหนานเจียง กลายเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสเผ่าอูเหมียว ใช้ชีวิตในฐานะของอาซางธิดาแห่งเผ่าอูเหมียวที่เสียชีวิตไป

นางแอบดีใจที่ได้มีชีวิตใหม่ ในสถานที่แปลกใหม่ที่มีประเพณีแตกต่างจากเมืองหลวงอย่างสิ้นเชิงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดทราบถึงอดีตของนาง กระทั่งคิดจะเลือกบุรุษสักคนที่ชอบมาแต่งงานก็เพียงพอแล้ว

อวี๋ชีได้ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลานั้น

เขารู้จักกับผู้อาวุโสเผ่าอูเหมียวมานานแล้ว และมาปรากฏตัวต่อหน้านางครั้งแล้วครั้งเล่า

นางไม่รู้ว่าแอบชอบเขาตั้งแต่เมื่อใด

ผ่านช่วงการแต่งงานกับคุณชายสามแห่งจวนอันกั๋วกงมา นางจึงเข้าใจถึงอำนาจ ตำแหน่ง เกียรติอันจอมปลอมกับความสุขเป็นสิ่งที่ไม่อาจเทียบเทียมกันได้ หากสตรีเอาตัวเองเข้าแลกเพื่อสิ่งเหล่านี้ก็จะต้องได้รับผลกรรมนั้น

ไม่เกี่ยวข้องกับฐานะ ไม่เกี่ยวกับความร่ำรวย ชายหนุ่มที่ทั้งรูปงามหาใครเปรียบทั้งไร้คู่ครองปฏิบัติตัวกับนางด้วยความอ่อนโยน ผู้ใดบ้างเล่าจะไม่ชอบ

วันนั้นแสงแดดกำลังดี ทุ่งดอกทานตะวันผืนกว้างปกคลุมดินฟ้าไว้ด้วยสีทองอร่าม ชายหนุ่มถามนางว่า “แต่งงานกับข้าดีหรือไม่”

นางพยักหน้า

ใครจะรู้ว่าคนสารเลวนี่จะหลอกให้แต่งงานด้วย!

เขานามว่าอวี๋ชีอะไรนั่นที่ไหนกัน เขาเป็นองค์ชายเจ็ดอวี้ชีองค์ปัจจุบันต่างหาก!

ตอนที่นางรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย เหมือนมีน้ำเย็นสาดราดลงศีรษะ ปฏิกิริยาแรกก็คือยกมือขึ้นตบบ้องหูคนสารเลวนั่น

นางเคยเป็นหญิงหม้ายคนใหม่ของจวนอันกั๋วกง ยามนี้เป็นธิดาของชนเผ่าอูเหมียวที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงไปกว่าพันลี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนใด จะแต่งงานกับองค์ชายเจ็ดในรัชสมัยนี้ได้อย่างไร

ความรู้สึกในตอนนั้นไร้ซึ่งความชื่นชอบ มีเพียงความโกรธหลังจากถูกหลอกเท่านั้น

เป็นเพราะชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ ความเดือดดาลนั้นจึงยิ่งทวีคูณ นางเอาแต่ตีมือตัวเองจนเจ็บจึงได้หยุดลง

คนบางคนที่ถูกตีจนหน้าบวมกลายเป็นหัวหมูบอกกับนางอย่างจริงจังว่า ในเมื่อนางตอบตกลงไปแล้วก็ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจแล้ว เขาจะให้แม่สื่อมาพูดคุยเรื่องงานแต่งกับนางตามจารีตประเพณีอย่างถูกต้องให้นางเป็นชายาของเขา

นางได้แต่ยิ้มเย็นเยียบ ให้เขาเชิญพระราชโองการสมรสพระราชทานมาก่อนค่อยว่ากัน ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาให้นางเห็นหน้าอีก

นางไม่เหลืออะไรอีกแล้ว อย่างน้อยก็ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีสุดท้ายไปเพื่อไปเป็นสนมของจวนเขาได้!

จวบจนตอนนี้เจียงซื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็อดทอดถอนใจในโชคชะตาที่แสนประหลาดนี้มิได้

เนื่องจากชนเผ่าอูเหมียวมีความดีความชอบที่ช่วยเหลือกองทัพตระกูลโจวโจมตีหนานหลาน ฮ่องเต้จึงพระราชทานการสมรสให้ระหว่างองค์ชายเจ็ดกับธิดาแห่งเผ่าอูเหมียว

ตอนที่นางยังคงมึนงงอยู่ก็ถูกสวมชุดแต่งงานกลายเป็นพระชายาขององค์ชายเจ็ดแล้ว

แต่ต่อมานางจึงได้รู้ว่าคนที่อวี้ชีมีใจด้วยคือธิดาของชนเผ่าอูเหมียวอย่างอาซาง มิใช่เจียงซื่อ

เพราะพวกนางหน้าตาคล้ายคลึงกัน จึงได้มีการไปมาหาสู่ที่หวังผลในภายหลังเช่นนั้น

การแต่งงานสองครั้งนี้ ครั้งแรกถูกหมางเมิน มาครั้งนี้ก็ไปเป็นตัวแทนคนอื่น เจียงซื่อคิดดูแล้วก็เสียใจจนแทบกระอักเลือด

ทว่านางรู้ช้าเกินไป ตอนนั้นนางได้เป็นสามีภรรยากับอวี้ชีไปแล้ว จะหนีก็หนีไม่พ้น

ถึงแม้ว่าในวันคืนเหล่านั้นอวี้ชีจะดูแลนางเป็นอย่างดี แต่พอได้กลับมาเป็นเจียงซื่อที่อายุสิบห้าปีอีกครั้ง นางอยากจะพูดแค่ว่า

อยู่ให้ห่างจากจี้ฉงอี้ อยู่ให้ห่างจากคนเลวนั่น!

อยู่ให้ห่างจากอวี้ชี อยู่ให้ห่างจากสารเลวนั่น!

เห็นแม่นางน้อยโมโหโกรธาหันหลังกลับไป ชายหนุ่มในชุดเขียวจึงมองไปยังเจียงจั้นอย่างจนปัญญา

เจียงจั้นหัวเราะให้กับอวี้ชีอย่างลุแก่โทษ “ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วย น้องสาวข้าอาจจะอารมณ์ไม่ดีอยู่ ปกตินางไม่เป็นเช่นนี้ ข้าขอตัวไปดูก่อน พวกเราค่อยนัดกันวันหลังขอรับ”

อวี้ชีพยักหน้าเบาๆ ให้เจียงจั้นที่โบกมือมาให้เขาอย่างรีบร้อน แต่กลับมองตามแผ่นหลังแม่นางน้อยที่เดินไกลออกไปตาไม่กะพริบ

ดูเหมือนนางจะโกรธเสียแล้ว…

เจียงจั้นสาวเท้าตามเจียงซื่อไป ถามด้วยความไม่เข้าใจอย่างมากว่า “น้องสี่ เจ้าเป็นอะไรไปรึ”

“เปล่าเจ้าค่ะ” เจียงซื่อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ปิดบังหยดน้ำบริเวณหางตาไว้

“เจ้าเข้าใจพี่อวี๋ชีผิดแล้ว ถึงแม้พวกเราจะพบกันที่หอชิงโหลว…”

เจียงซื่อพลันหยุดฝีเท้าลง

เจียงจั้นรู้ตัวว่าพลั้งปากไปจึงรีบเอ่ยว่า “พี่อวี๋ชีมิได้ไปเที่ยวเล่นที่หอชิงโหลว…”

“ไม่ต้องอธิบายแล้ว!”

“แต่ว่า…”

“อธิบายก็คือการช่วยปกปิด สรุปก็คือข้าคิดว่าเขามิใช่สหายที่ดี หลังจากนี้พี่รองก็ไปมาหาสู่กับเขาให้น้อยลงหน่อย”

คนสารเลวนั่นอดทนเก่งเป็นที่สุด ใครจะรู้ว่าที่เข้ามาสนิทกับพี่รองนั้นมีจุดประสงค์อะไร นางไม่เชื่อหรอกว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

“แต่ว่าเขาช่วยชีวิตพี่เอาไว้นะ น้องสี่คงไม่อยากให้พี่เป็นคนลืมบุญคุณคนกระมัง” ในที่สุดเจียงจั้นก็ยังคงพูดออกมาภายใต้แรงกดดัน

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติกยุคโบราณ-แนวแต่งงาน ดราม่าในอดีตจะหายไป รักใหม่สุดหวานซึ้งจะเริ่มต้น…กับคนเดิม?!ชาติที่แล้วเพราะนาง ‘เจียงซื่อ’ คุณหนูสี่แห่งตระกูลตงผิงปั๋วดวงตามืดบอดทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรจนถึงแก่ความตายเมื่อได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตที่สองนางจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำอีกต่อไปคนที่หวังดีกับนางจากใจจริงนางล้วนเข้าใจและพร้อมตอบแทนด้วยสิ่งเดียวกันคนที่คิดร้ายวางแผนทำลายนาง นางก็พร้อมจะเอาคืนเป็นทบเท่าพันทวีชีวิตการแต่งงานที่ไม่สมหวังในชาติก่อนทำให้นางเข็ดขยาดไม่คิดจะมีความรักอีกแต่เหตุใดกัน ‘อวี้จิ่น’ สามีคนที่สองของนางในชาติก่อนกลับมาคอยตามตอแยนางไม่หยุดเช่นนี้!แม้ชาติก่อนข้าจะเคยชอบเจ้า แต่ชาตินี้อย่าหวังจะทำให้ข้าเสียน้ำตาได้อีกเป็นหนที่สองนางต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าคนเลวนั่นไว้ ยิ่งไกลยิ่ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท