ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 433 บิดาคนงาม

ตอนที่ 433 บิดาคนงาม

 

วิญญาณทมิฬคิดว่าคงเป็นเพราะมันสูญเสียร่างเนื้อไป พละกำลังยังไม่ฟื้นคืน ถึงได้ทำให้มันหงอยเช่นนี้!

 

 

ต้องใช่แน่นอน….มิเช่นนั้นมันที่เป็นถึงพี่ใหญ่ของภูติผีทั้งหลายจะต้องมาถูกกดขี่เช่นนี้ได้อย่างไร?

 

 

ตู๋กูซิงหลันเบือนหน้าหันไปมอง สิ่งที่เห็นในสายตาคือใบหน้าที่หล่อเหลาจนคนต้องหยุดหายใจ

 

 

ใช่แล้ว หล่อเหลามากๆ

 

 

ต้องเรียกว่าเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์เท่านั้นจึงจะเหมาะสม

 

 

บุรุษทั่วไปหากว่าหน้าตาดี อย่างมากตู๋กูซิงหลันก็จะให้คำนิยามว่า ‘เท่ดี’ แค่นั้น

 

 

แต่ว่าบุรุษตรงหน้าผู้นี้…ดูองอาจกล้าหาญหล่อเหล่าดุจยอดอัศวินโบราณในยุโรป

 

 

เส้นผมสีเงินของเขาพลิ้วไหว สองตาปิดสนิท ใต้ตาไม่มีรอยคล้ำ คิ้วเข้มโดยมิต้องวาด องคาพยพทั้งหน้าชัดเจน ตรงกึ่งกลางหน้าผาก ยังมีตราประทับรูปมังกรสีดำอยู่รูปหนึ่ง

 

 

บนศีรษะของเขามีเขามังกร เป็นสีเงินยวง แต่ว่ามีแต่เขาข้างซ้ายเท่านั้นที่ยังสมบูรณ์ เขาข้างขวานั้นหายไปครึ่งหนึ่ง รอยนั้นเรียบสนิทราวกับว่าถูกตัดไป

 

 

แต่ว่าทั้งหมดนี้มิได้ส่งผลต่อรูปโฉมที่หล่อเหลางดงามของเขา

 

 

เขาสวมใส่ชุดสีเงินที่งดงามตลอดร่าง เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆก็ดูเหมือนภาพน้ำหมึกที่งดงามอย่างยิ่งภาพหนึ่ง

 

 

รูปลักษณ์หล่อเหลาแบบยุคโบราณที่สมบูรณ์แบบและราศีที่องอาจกล้าหาญ

 

 

ทั้งสองสิ่งผสมกันอย่างลงตัว จึงดูโดดเด่นงดงามอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ในโลกใบนี้ ตู๋กูซิงหลันเคยพบเห็นบุรุษที่หล่อเหลามาไม่น้อย ต่างก็ต้องถือว่าอยู่ในระดับที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจีเฉวียน

 

 

แต่ว่าตอนนี้นางกลับถูกรูปลักษณ์และราศีของบุรุษตรงหน้าทำให้ตื่นตะลึงจนนิ่งอึ้งไปแล้ว

 

 

มือของเขาสวยงามมาก นิ้วทั้งเรียวยาวและขาวนวล แต่ว่าแค่มือเช่นนี้ข้างเดียวก็แทบจะทำให้วิญญาณทมิฬหงอจนหัวล้านแล้ว

 

 

“เจ้ามีขนปุกปุย แล้วจะเรียกว่าซิงหลันได้อย่างไร?” เขาลูบคลำร่างท่อนบนของมันจนทั่วแล้ว ก็เริ่มลูบไปยังร่างท่อนล่าง

 

 

พอคลำลงไปถึงเม็ดๆที่เล็กเสียจนน่าละอายใจสองเม็ด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง ฝ่ามือนั้นเขกลงมาบนหัวของวิญญาณทมิฬครั้งหนึ่ง “เจ้ามันเป็นตัวผู้ แล้วจะเรียกว่าซิงหลันได้อย่างไร?!”

 

 

วิญญาณทมิฬถูกฝ่ามือนี้ซัดลงมาก็มึนงงจนแทบจะสลบคาที่ ไม่ใช่นะ…..ประเด็นสำคัญท่านเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านไม่ได้เปิดโอกาสให้ข้าได้อธิบายเลยต่างหาก

 

 

แล้วสองตาที่ไม่ยอมลืมขึ้นมาเลยนั่นคืออะไร? ท่านลองเหลือบดูข้าสักแวบสิ!

 

 

ตู๋กูซิงหลันเองก็พูดอะไรไม่ออก นางกระแอมไออยู่สองครั้ง ค่อยเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโส มันคือถวนจื่อ เป็นเพียงวิญญาณน้อยๆ ข้าต่างหากถึงจะเป็นซิงหลัน”

 

 

ตอนนี้ตู๋กูซิงหลันมั่นใจอย่างหนึ่งแล้วว่า บุรุษขาโหดผู้นี้คงจะสายตาไม่ดีอย่างแน่นอน….

 

 

อืม อาจจะเรียกว่าตาบอดก็ได้!

 

 

น่าเสียดายเหลือเกิน หรือฟ้าดินจะริษยาผู้คน!

 

 

แต่ว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หากว่าเขาตาบอด นางจะได้ช่วยเหลือจีเฉวียนได้อย่างไม่ยากเกินไปนัก

 

 

นางหลุบตาลง มองดูด้ายผูกชะตาที่ส่องแสงสีแดงระเรื่อบนข้อมือ อย่างแทบจะมั่นใจอย่างเต็มที่เลยว่า คนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลผู้นั้นจะต้องเป็นจีเฉวียนอย่างแน่นอน

 

 

เขาบาดเจ็บหนักมาก ….ยังดีที่พื้นฐานร่างกายแข็งแกร่ง จึงยังประคองชีวิตเอาไว้ได้

 

 

ตอนนั้นนางขาพิการ ก็ยังรักษาจนหายได้…..คนที่แข็งแกร่งอย่างจีเฉวียน ต่อให้กระดูกแหลก…..

 

 

ตู๋กูซิงหลันหวังว่า เขาจะกลับมาหายดีได้

 

 

เพราะเรื่องของฉางซุนอิง ในใจของตู๋กูซิงหลันจึงเกิดความเกลียดชังเขา เกลียดชังส่วนเกลียดชัง แต่ไม่ได้คิดจะอยากให้เขาต้องถึงตาย

 

 

เมื่อครู่พอได้ยินว่าเขา ‘กระดูกแตกแหลกหมด’ หัวใจของนางก็วูบลงไป

 

 

ปวดเหลือเกิน

 

 

นางคิดว่า….ต่อให้ไม่ได้เห็นรอยประทับดอกบัวตรงบั้นเอวของเขา นางก็ยังคงจะกระโดลงมาช่วยเขาอยู่ดี

 

 

ตอนนี้พอมั่นใจได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ หัวใจของนางก็โล่งไปเปราะหนึ่ง

 

 

ตอนนี้จึงตัดสินใจจะคลำทางผูกมิตรกับ ‘ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่’ ตรงหน้าให้ดีเสียก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการหาทางช่วยเหลือ

 

 

พอนางเอ่ยออกไป จึงเห็นว่า ‘ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่’หันมาทางนี้ พลางก้าวมาตรงหน้านาง

 

 

เดินมาได้สองก้าว เท้าของเขาก็พลิกออก เหยียบลงไปในอากาศ!

 

 

จากนั้นก็ร่วงลงไปจากบนต้นไม้

 

 

“อัยย่ะ!” เขาร้องออกมา ขณะที่ร่างยังตกลงไปเรื่อยๆ!

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “ ! ! !”

 

 

อะไรเนี่ย….นางกำลังเจอกับคนประหลาดหรือ?

 

 

เมื่อกี้ตอนพูดจายังดูองอาจเก่งกล้าอยู่เลยมิใช่หรือ? นี่กลายเป็นว่าต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังยังเก่งกว่าเขาอีกหรือ!

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันกำลังนินทาอยู่ในใจอย่างดุดันนั้น ก็เห็นกิ่งเถาวัลย์เส้นหนึ่งพุ่งตามลงไป เพียงพริบตาเดียวก็โอบรัดเอวของชายผู้นั้นเอาไว้ ค่อยๆดึงเขากลับขึ้นมาจากด้านล่าง จากนั้นก็วางลงที่ด้านหน้าของตู๋กูซิงหลันอย่างมั่นคง

 

 

พอทั้งสองหันหน้าเขาหากันตู๋กูซิงหลันถึงมองเห็นได้ชัดเจนว่า ใบหน้านั้นงดงามอย่างยิ่งถึงเพียงไหน!

 

 

วิญญาณทมิฬเองก็ตะลึงไป มันอยากจะบอกว่า ใบหน้าของคนผู้นี้มีส่วนคล้ายคลึงกับหลันหลันในโลกก่อนอยู่หลายส่วน!

 

 

นางในโลกโน้นและไทเฮาน้อยในโลกนี้ เดิมทีก็มีรูปโฉมที่คล้ายคลึงกันอยู่ห้าหกส่วน ต่างก็เป็นยอดโฉมงาม แต่ว่าตอนนี้เมื่อเปรียบเที่ยบดู ‘เยี่ยซิงหลัน’ ดูจะคล้ายคลึงกับ ‘ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่’ มากกว่า

 

 

องคาพยพที่คมเข้มเด่นชัด น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนนั้นถามวว่า

 

 

“เจ้าเรียกว่าซิงหลัน?” เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากกิ่งเถาวัลลัย์ ‘ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่’ ก็ค่อยยืนได้ถูกทาง

 

 

ไม่รอให้ตู๋กูซิงหลันตอบรับ เขาก็ยื่นมือออกมา มือที่เย็นๆนั้นลูบลงไปบนใบหน้าของตู๋กูซิงหลัน

 

 

ตั้งแต่หัวคิ้วจนถึงจมูกและริมฝีปาก ลูบไปทั่วใบหน้า

 

 

ทีละน้อยๆ อย่างละเอียดลออ

 

 

เดิมตู๋กูซิงหลันก็ถูกกิ่งเถาวัลย์มัดเอาไว้อยู่แล้ว จึงไม่อาจหลีกหนีได้อยู่ดี ได้แต่ปล่อยให้ ‘ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่’สัมผัสใบหน้าของนาง

 

 

ไม่รู้ว่าทำไม ชั่วขณะที่มือของเขาสัมผัสลงบนใบหน้าของตนเอง ตู๋กูซิงหลันก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยและปลอดภัย….ที่ยากจะอธิบายออกมา

 

 

‘ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่’สัมผัสดูใบหน้าของนางอย่างละเอียดโดยไม่คลาดอะไรไปแม้แต่น้อย ราวกับว่ากำลังหาข้อยืนยันอะไรบางอย่าง มือของเขาลูบผ่านปลายคางของนาง

 

 

ยามที่มือของเขาแตะลงไปบนหน้าผากของตู๋กูซิงหลันอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง ก็สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่อยู่ภายใน ใบหน้าที่สงบนิ่งของเขาก็บังเกิดความประหลาดใจและตื่นเต้นยินดีอย่างไม่น่าเชื่อขึ้นมา

 

 

เขาปล่อยมือลงกางแขนทั้งสองข้างออก คิดจะเข้าไปกอดนาง

 

 

แต่ก็รู้สึกว่าตนเองทำอะไรอย่างผลีผลามมากเกินไป จึงได้แต่พยายามหักห้ามความตื่นเต้นเหล่านั้นเอาไว้ก่อน

 

 

ขนตาที่ยาวและหนาเป็นแพของเขากระพริบถี่ๆ แต่ก็มิได้ลืมตาขึ้นมา ตู๋กูซิงหลันจึงไม่อาจมองเห็นประกายในดวงตาของเขา

 

 

จากนั้นอีกพักใหญ่ ค่อยได้ยินเขาเอ่ยขึ้นมาว่า “สหายตัวน้อย เจ้าไม่รู้สึกว่า เจ้ากับข้าหน้าตาคล้ายกันหรอกหรือ?”

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “หรือว่าท่านเป็นบรรพบุรุษของข้า?”

 

 

ถ้านับกันตามอายุ….ก็น่าจะเป็นรุ่นบรรพชนได้กระมั้ง?

 

 

ประโยคเดียวนั้น แลกมากับความเงียบกริบในอากาศ

 

 

เขาหัวเราะเสียงต่ำๆออกมา “เจ้าช่างมีอารมณ์ขันเหมือนกับมารดาของเจ้าไม่มีผิด”

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “……”

 

 

ไม่ใช่บรรพบุรุษ?

 

 

นางสูดลมหายใจเข้าไปจนลึก เปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า “ท่านพ่อ?”

 

 

คำว่าพ่อเพียงคำเดียว ก็สามารถเรียก ‘น้ำตาของผู้เฒ่าไหลริน’ ได้ในทันที

 

 

คนที่งดงาม แม้แต่ยามหลั่งน้ำตาก็ยังน่าชมอย่างที่สุด!

 

 

“อืม!” เขารับคำอย่างรวบรัด แล้วก็กางอ้อมแขนออกอีกครั้ง เอ่ยว่า “ยัยตัวน้อย มาให้พ่ออุ้มหน่อย”

 

 

พูดส่วนพูด ร่างของเขาโอนเอน พอโน้มลงมาก็กอดกิ่งเถาวัลย์เอาไว้เต็มรัก

 

 

ต้นไม้นั่นอยู่ๆก็ได้รับความรักใคร่ พลันมีสีแดงระเรื่อขึ้นมา บิดตัวจนโค้งงอ

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “……”

 

 

ดูท่าจากสถานการณ์ในตอนนี้…..นางจะบังเอิญได้พบกับบิดาคนงามของไทเฮาน้อยเข้าแล้ว?

 

 

เป็นคนตาบอดที่งดงาม……

 

 

“ไม่ใช่ เขาดูคล้ายคลึงกับตัวเจ้าในโลกโน้นมากกว่า” วิญญาณทมิฬส่ายศีรษะ อย่างบอกไม่ถูกว่าทำไมคิดเช่นนั้น

 

 

ครู่ต่อมา บิดาคนงามค่อยปล่อยกิ่งเถาวัลย์ คลำทางไปคลำทางมาอยู่พักหนึ่งถึงได้มาถึงด้านหน้าของตู๋กูซิงหลัน

 

 

 

 

 

 

………………………….

 

 

ตอนต่อไป “ชีวิตที่เรียบง่ายที่สุดนั่นคือความสุขที่สุดแล้ว”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท