ตอนที่ 76 ขอตัวลา
การพับแขนเสื้อขึ้นต่อหน้าธารกำนัลแม้ว่าทุกคนในที่นั้นจะเป็นสตรี แต่การกระทำเช่นนี้ก็ดูไม่งามเอาเสียเลย
แต่เจียงเชี่ยวไม่คิดเช่นนั้น นางจงใจยื่นแขนออกมาจากชายเสื้ออย่างเปิดเผย
ข้อมือของหญิงสาวขาวผุดผ่องดุจหิมะ แต่บนผิวงามนั้นกลับมีจุดแดงขึ้นอยู่หลายสิบจุด
รอยยิ้มของฉังซิงโหวฮูหยินเจื่อนไป
“เรียนฮูหยิน ผิวพรรณของผู้น้อยแพ้ง่ายโดยกำเนิด การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทำให้เกิดผดผื่นขึ้นได้ง่ายเจ้าค่ะ เมื่อคืนข้านอนกังวลเรื่องนี้อยู่ ไม่นึกว่าตื่นมาจะเป็นสภาพนี้เจ้าค่ะ” เจียงเชี่ยวเอ่ยหน้านิ่วคิ้วขมวด “แม้ว่าจวนโหวจะดีเลิศ แต่เกรงว่าข้าน้อยไม่อาจพักอยู่ที่นี่ต่อได้เจ้าค่ะ มิฉะนั้นแล้วอีกไม่นานข้าคงแสบคันจนไม่อาจนอนหลับได้ลงเจ้าค่ะ”
ฉังซิงโหวฮูหยินที่เพิ่งได้สติเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ในกรณีเช่นนี้ก็เป็นการสร้างความลำบากให้เจ้าเกินไปจริงๆ”
นางเหลือบมองเจียงเชี่ยนแวบหนึ่ง
เจียงเชี่ยนรู้ทันจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า “เหตุใดน้องสามถึงไม่รีบบอกล่ะ อีกเดี๋ยวข้าจะให้คนจัดรถม้าไปส่งเจ้าที่จวน”
“ขอบคุณพี่รองเจ้าค่ะ” เจียงเชี่ยวเผยรอยยิ้มพลางยื่นมือไปแตะแขนเจียงซื่อ “อีกเดี๋ยวน้องสี่ก็กลับไปพร้อมข้าแล้วกัน”
เจียงเชี่ยนพลันแข็งทื่อ กล่าวเอ่ยออกมาอย่างแช่มช้าว่า “พวกเจ้าเพิ่งจะมาเมื่อวานนี้ แต่เพราะน้องสามไม่ค่อยสบายตัวจึงต้องกลับไปก่อน แต่น้องสี่เพิ่งจะมาอยู่ได้เพียงวันเดียว ข้าอยากให้นางอยู่เป็นเพื่อนข้าต่ออีกสักหน่อย”
“ก็ยังมีน้องห้าและน้องหกอยู่เป็นเพื่อนพี่รองอย่างไรเจ้าคะ” เจียงเชี่ยวยิ้มแป้นพลางจับแขนของเจียงซื่อให้กระชับขึ้นราวกับว่าจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ “มาได้เพียงวันเดียวข้าก็ต้องกลับจวนเพราะมีผดผื่นขึ้นตามผิว แต่คนอื่นอาจคิดว่าที่ข้าต้องกลับก่อนเป็นเพราะข้าทำให้พี่รองไม่ถูกใจ ฉะนั้นให้น้องสี่กลับไปพร้อมข้าเนี่ยแหละเจ้าค่ะจะได้ไม่ถูกครหานินทา”
ทั้งหมดที่เจียงเชี่ยวรีบเอ่ยออกไปล้วนแล้วแต่สมเหตุสมผล
เจียงเชี่ยนที่มิอาจงัดง้างต่อได้ส่งสายตาไปที่เจียงเพ่ย
เจียงเพ่ยเข้าใจสิ่งที่เจียงเชี่ยนจะสื่อในทันที
พี่รองจะให้นางกลับไปเป็นเพื่อนพี่สาม
ทำไมต้องเป็นนางด้วย เพราะนางเป็นลูกอนุงั้นเหรอ เจียงซื่อก็ไม่ได้ทำดีกับพี่รองเสียหน่อย เหตุใดพี่รองต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้นางอยู่ต่อ ทั้งหมดนี้มันเพราะอะไรกัน
เจียงเพ่ยใคร่ครวญอยู่จึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป
เจียงเชี่ยนข่มกลั้นความไม่พอใจเอาไว้และกล่าวออกมาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ให้น้องหกกลับไปเป็นเพื่อนจะดีกว่า”
เจียงเชี่ยวหัวเราะพลางโบกมือ “เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องรบกวนน้องหก ข้าตกลงกับน้องสี่ไว้แล้ว อีกอย่างน้องหกชื่นชอบจวนโหวปานนั้น แล้วจะให้นางกลับไปพร้อมข้าได้อย่างไรกัน”
“นานๆ ทีน้องสี่จะยอมมาได้ แต่น้องหกนั้นจะมาเมื่อใดก็ย่อมได้…” เจียงเชี่ยนอยากเอาผ้าขี้ริ้วยัดปากเจียงเชี่ยวให้รู้แล้วรู้รอด
ท่านอาสามเป็นลูกอนุ แม้ว่าเจียงเชี่ยวจะปากร้าย แต่นางก็ไม่เคยใส่ใจมาก่อน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาทำให้นางเสียเรื่องเอาตอนนี้!
เจียงเชี่ยนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหากเจียงซื่อกลับไป เฉาซิงอวี้จะบันดาลโทสะเพียงใด
เจียงเชี่ยวพูดแทรกขึ้นอย่างไม่เกรงใจเจียงเชี่ยน “คำพูดของพี่รองนั้นข้าไม่อยากฟัง พี่รองคงเห็นว่าพวกเราเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้อง ส่วนน้องหกกับพี่รองเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ถึงได้เห็นข้ากับน้องสี่เป็นอื่นไกล”
ผู้คนมักกล่าวให้ตนเองดูแย่ แต่ยังพยายามรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเอาไว้ ครั้นเจียงเชี่ยวเอ่ยเช่นนั้น เจียงเชี่ยนก็จนด้วยคำพูด
เจียงเชี่ยวจึงถือโอกาสตีเหล็กขณะที่ยังร้อน หันไปเอ่ยกับฉังซิงโหวฮูหยินอย่างร่าเริง “ฮูหยิน ผู้น้อยและน้องสี่ขอตัวลาเจ้าค่ะ หากครั้งหน้าคราใดมีโอกาสจะมาเยี่ยมใหม่นะเจ้าคะ”
“ก็ดี พวกเจ้าเดินทางก็ระมัดระวังด้วย สะใภ้เจียง เจ้ารีบไปจัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน” หลังจากฉังซิงโหวฮูหยินเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนก็หันไปสั่งการกับสาวรับใช้
ไม่นานสาวรับใช้ที่ออกไปตามสั่งก็กลับมาพร้อมกับของขวัญในมือสองกล่อง
ฉังซิงโหวฮูหยินยิ้มแย้มพลางเอ่ย “ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรหรอก พวกเจ้าสองพี่น้องรับไปคนละกล่อง เอากลับใช้เล่นที่จวนนะ”
ทั้งเจียงซื่อและเจียงเชี่ยวรีบยอบกายอย่างสำรวม “ขอบคุณฮูหยินที่มอบให้เจ้าค่ะ”
เจียงเชี่ยนฝืนยิ้มและเดินนำหญิงสาวทั้งหมดออกไป ฉังซิงโหวฮูหยินจ้องมองม่านลูกปัดที่ยังแกว่งไปมาพลางถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา
ครั้นออกมาจากเรือนของฉังซิงโหวฮูหยิน ใบหน้าของเจียงเชี่ยนพลันคล้ำลง “น้องสาม ต่อหน้าโหวฮูหยินเจ้าไม่ควรเอ่ยอะไรให้มากความ”
เจียงเชี่ยวกะพริบตาปริบๆ ปั้นหน้าไร้เดียงสา “ข้าก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากความ ก็แค่จะบอกโหวฮูหยินว่าจะกลับจวนก็เท่านั้น เอ๊ะ หรือพี่รองจะโทษที่ข้าลากน้องสี่กลับไปด้วย”
เจียงเชี่ยนเม้มปากมองไปที่เจียงเชี่ยว
เจียงเชี่ยวหัวเราะคิกคัก “พี่รอง พี่นี่ก็แปลก การจะให้น้องสี่หรือน้องหกกลับไปกับข้าต่างกันงั้นหรือ ทั้งคู่ก็เป็นน้องของพี่เหมือนๆ กัน หรือว่าเพราะน้องสี่เกิดมาหน้าตาสะสวย พี่ถึงได้ชื่นชอบเป็นพิเศษ”
เจียงเชี่ยนรู้สึกเหมือนถูกบีบคอให้สำลักตาย เจียงเพ่ยที่ยืนอยู่เฉยๆ แต่เหมือนถูกลากเข้าไปตีกลางวงจึงฮึดฮัดขึ้นมา
ทั้งที่นางไม่ได้ทำอะไร จู่ๆ ก็มาบอกว่านางอัปลักษณ์!
เมื่อเห็นท่าทียิ้มแย้มปรากฏชัดในแววตาของเจียงเชี่ยว เจียงเชี่ยนก็นึกพรั่นใจ
หรือว่าเมื่อคืนเจียงเชี่ยวจะไปรู้อะไรมา
เรื่องที่ผู้ชายของตนเองปรารถนาในตัวน้องสาวของนางไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลยแม้แต่น้อย เพราะหากตาไม่เห็นแล้ว ไฉนเลยจะว้าวุ่นใจ เมื่อคืนนางก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวใดๆ ในเรือนตะวันออก ถึงขนาดที่กำชับให้บ่าวรับใช้รีบไปพักตั้งแต่รุ่งสาง
และแม้จะไม่เข้าใจแต่นางก็รู้จักเฉาซิงอวี้เป็นอย่างดี คนจิตวิปริตอย่างเขาไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะได้ย่องเข้าห้องหญิงสาวหลุดมือไปอย่างแน่นอน
เจียงเชี่ยนจ้องไปที่เจียงเชี่ยวพลางขบคิดในใจอย่างหนัก
“พี่รอง?”
เจียงเชี่ยนได้สติจึงรีบยิ้มมุมปาก “น้องสามก็พูดเป็นเล่น พวกเจ้าก็เป็นน้องสาวข้าทั้งนั้น ข้าก็เอ็นดูพวกเจ้าเท่าๆ กันนั่นแหละ”
นางจะแสดงความรู้สึกที่อยากให้เจียงซื่อมาที่จวนออกไปมากไม่ได้ พวกนางโตเกินไปอาจจับสังเกตได้
“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ดูเหมือนข้าจะคิดมากไปเอง ต้องขออภัยพี่รองด้วย เออว่าแต่รถม้าจะเตรียมเสร็จเมื่อใดกัน”
เจียงเชี่ยนส่งเจียงซื่อและเจียงเชี่ยวขึ้นรถม้าด้วยหัวใจหนักอึ้ง พลางหันไปจ้องมองเจียงเพ่ยและเจียงลี่ที่ก้มหน้าก้มตาอย่างโกรธจัด
คนที่ควรจะไปกลับไม่ไป คนที่ควรจะอยู่กลับไม่อยู่ น่าหงุดหงิดจริงๆ!
“นี่กำลังจะไปไหนกันรึ” ฉังซิงโหวซื่อจื่อเฉาซิงอวี้ที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นรถม้าจอดอยู่ที่หน้าประตู
ยังไม่ทันรอให้เจียงเชี่ยนเอ่ยตอบ ม่านบนรถม้าก็ถูกเลิกขึ้น เจียงเชี่ยวยื่นใบหน้ายิ้มแย้มออกมาพลางเอ่ย “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงต้องขอตัวกลับจวนก่อนนะเจ้าคะ”
เมื่อเห็นว่าเป็นเจียงเชี่ยว เฉาซิงอวี้จึงลอบยิ้มมุมปาก “น้องสามกลับไปแล้วก็รีบให้หมอมาดู แล้วอย่าลืมส่งข่าวมาให้พี่รองของเจ้าด้วยล่ะ ทั้งข้าและพี่สาวของเจ้าจะได้เบาใจ”
“ท่านพี่เขยวางใจได้ค่ะ ข้ากลับไปจวนก็คงจะดีขึ้น” เจียงเชี่ยวหัวเราะพลางสาปส่งอมนุษย์ตรงหน้าในใจ
เฉาซิงอวี้ยิ้มบางๆ
เหตุใดคำพูดนี้ถึงฟังดูทะแม่งๆ ชอบกล
“ท่านพี่เขยรีบพาพี่รองกลับเข้าด้านในเถอะเจ้าค่ะ ไว้พบกันใหม่นะเจ้าคะ” เจียงเชี่ยนปิดม่านนั้นลง
คนขับยกแส้ขึ้นมาแล้วรถม้าก็เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ
เฉาซิงอวี้ถอนสายตากลับมา ชายหนุ่มท่าทางสุภาพอ่อนโยนประดุจหยกล้ำค่าเอื้อมมือไปจับมือเจียงเชี่ยนพลางเอ่ย “น้องสามเป็นอะไรหรือ”
“ไม่ได้ร้ายแรงหรอก” เจียงเชี่ยนตอบคลุมเครือ
“อื้ม” เฉาซิงอวี้เหลือบมองไปที่เจียงลี่และเจียงเพ่ยที่ยืนอยู่ข้างเจียงเชี่ยน แววตาฉายแววขุ่นมัว “เหตุใดข้าจึงไม่เห็นน้องสี่ล่ะ”
ชายหนุ่มจ้องมองอยู่อย่างนั้น เจียงเชี่ยนฝืนยิ้มพลางเอ่ย “น้องสี่กลับไปเป็นเพื่อนน้องสามแล้วเจ้าค่ะ”
เฉาซิงอวี้หันขวับไปมองรถม้าที่วิ่งไกลออกไป
รถม้าที่ห้อยตราประทับจวนฉังซิงโหวกำลังเลี้ยวไปอีกด้านของกำแพง และเคลื่อนไปจนไม่เห็นเงา
เจียงเชี่ยนตัวสั่นเทิ้มพลางพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
บนรถม้า เจียงเชี่ยวถอนหายใจยาวออกมา “ในที่สุดก็ออกมาจากที่โสมมเช่นนั้นได้เสียที”
เจียงซื่อพลันลูบหน้าผากตัวเอง
แย่แล้ว ข้าลืมเอ้อร์หนิวไปเสียสนิท