ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ – ตอนที่ 88 สนทนา ณ ห้องหนังสือยามวิกาล

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 88 สนทนา ณ ห้องหนังสือยามวิกาล

ท่ามกลางตรอกที่เงียบสงบถูกทำลายด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ

อวี้จิ่นก้าวไปข้างหน้าแล้วเคาะประตูเป็นจังหวะ

ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก นายประตูก็หลีกให้เขาด้วยความเคารพ

อวี้จิ่นยังไม่ได้เข้าไปในทันที เขายื่นมือไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อทำท่าทางแสดงว่าเชิญ

เจียงซื่อหยุดลงชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปโดยไม่สนใจนายประตู

จนกระทั่งประตูถูกปิดอย่างรวดเร็ว นายประตูยังคงทำท่าทางเหมือนละเมอ

ภายในห้อง หลงต้านกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง

เหลิงอิ่งนอนหงาย หายใจเบาๆ

“อย่าแกล้งหลับ มาดูเร็วเข้า เจ้านายพาสตรีกลับมา!” หลงต้านรีบกล่าวทักทายสหายอย่างตื่นเต้น

เหลิงอิ่งขยับเปลือกตาของเขา

หลงต้านพึมพำด้วยความตื่นเต้น “ข้าว่าแล้วเชียว เหตุใดวันนี้เจ้านายจึงไม่พาข้าออกไป ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ประเดี๋ยวนะ สตรีที่เจ้านายพากลับมาคือสตรีที่เดินทางมาเมื่อกลางวัน!”

เหลิงอิ่งลืมตาขึ้น ก่อนจะหลับตาลงแล้วพลิกตัวไป

เขานอนห้องเดียวกับเจ้าหมอนี่ที่ชอบสอดรู้สอดเห็น ช่างน่ารำคาญเสียจริง

ว่าแต่ เจ้านายมีคนรักแล้วงั้นหรือ

“น่าแปลกจริง เหตุใดเอ้อร์หนิวจึงไม่ขยับเลย” หลงต้านเริ่มสงสัย

ตามปกติแล้วสถานการณ์เช่นนี้เอ้อร์หนิวจะกระตือรือร้นกว่าเขาเสียอีก

เอ้อร์หนิวเพียงนอนอยู่ในเงามืดแล้วส่ายหางช้าๆ ปากของมันชี้ขึ้นบนฟ้า

เจ้ามนุษย์โง่ นี่มันเป็นเวลาที่ควรออกไปก่อกวนหรือไง

อวี้จิ่นเดินนำเจียงซื่อเข้าไปในเรือน เขายืนลังเลอยู่ที่ห้องโถง

แม้เขาจะอยากพานางเข้าไปในห้องนอนมากก็ตาม…แค่กๆ แต่อนาคตยังอีกยาวไกล หากทำให้นางกลัวก็คงจะไม่ดีแน่

“ไปห้องหนังสือข้าเถิด”

เจียงซื่อพยักหน้า

อาหมานรีบตามไปทันที

นางจะปกป้องความบริสุทธิ์ของคุณหนูอย่างเต็มที่!

“อาหมาน เจ้ารออยู่ข้างนอก” เจียงซื่อกล่าวเบา ๆ

อาหมาน “…”

อวี้จิ่นหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าว่าความรังเกียจที่นางแสดงออกทุกครั้งที่เห็นเขามาจากที่ใด แต่แม่สาวน้อยผู้นี้คงไม่เข้าใจว่าการที่นางเต็มใจจะอยู่ห้องเดียวกันกับชายหนุ่มกลางดึกเช่นนี้ เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่านางยอมรับนิสัยของเขา

คิดไม่ถึงว่าในใจนางจะให้คะแนนเขาสูงเช่นนี้

อวี้จิ่นมั่นใจเรื่องในอนาคตขึ้นมาทันใด

ในชาติที่แล้วเจียงซื่อไม่เคยรู้ว่าอวี้จิ่นยังมีที่พักเช่นนี้อีก นางจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ ห้องหนังสือ

ในห้องหนังสือนั้นตกแต่งอย่างเรียบง่าย ด้านขวาเป็นชั้นวางหนังสือทรงสูง มีโต๊ะยาวตัวหนึ่งวางข้างหน้าต่าง บนโต๊ะมีหินฝนหมึก พู่กัน ที่ทับกระดาษ ฯลฯ และมีเก้าอี้ตัวเตี้ยวางไว้อีกด้านหนึ่งติดกับผนัง

ไม่มีกระถางธูป แจกันหรืออื่นๆ ที่ชั้นหนังสือมีหนังสือไม่มากนัก ตรงกันข้าม เทียนในเชิงเทียนลุกเป็นไฟส่องสว่างไปทั้งห้อง ช่างเป็นเอกลักษณ์ของอวี้จิ่นเสียจริง…

เมื่อนางเห็นสิ่งเหล่านี้ เจียงซื่อก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดนี้ขึ้นมาในใจ

“นั่งก่อนเถิด ข้าจะไปรินน้ำมาให้”

“ไม่จำเป็น…”

ทว่าอวี้จิ่นเดินออกไปก่อนแล้ว

เจียงซื่อเม้มริมฝีปากของตน จากนั้นเอื้อมไปหยิบเก้าอี้มานั่งลง

ไม่นานหลังจากนั้น อวี้จิ่นก็กลับมาพร้อมกับวางกาน้ำชาและถ้วยลงบนโต๊ะ แต่สิ่งที่ไหลออกมานั้นเป็นเพียงน้ำเปล่า

“ไม่ควรให้ดื่มชาในเวลานี้ ดื่มน้ำอุ่นจะเหมาะสมกว่า”

เจียงซื่อรับถ้วยน้ำชาไปแล้วเอ่ยขอบคุณเขา

“แม่นางเจียงชอบดื่มอะไร คราวหน้าข้าจะได้เตรียมให้พร้อม”

คำว่า ‘น้ำผึ้ง’ เกือบจะโพล่งออกมาจากปากนาง แต่กลับถูกเจียงซื่อหยุดไว้เสียก่อน

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อจากนี้ข้าคงไม่มารบกวนคุณชายอวี๋แล้ว มาเข้าเรื่องของวันนี้กันดีกว่า”

“แม่นางอยากจะเจรจาเรื่องใด” อวี้จิ่นโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แสดงออกถึงความร่วมมืออย่างมาก

เขามีดวงตาดุจหงส์ รูม่านตาสีดำดุจอัญมณี ดวงตาคู่นั้นเมื่อสั่นไหวช่างเป็นประกายชวนให้ผู้คนหลงใหลเหลือเกิน

เจียงซื่อถอยห่างออกไปเล็กน้อยแล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

การที่เขาทำท่าทางเช่นนี้ต่อสตรีผู้ที่พบเจอกันไม่กี่ครา คงไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ

“คุณชายอวี๋สะกดรอยตามข้าตั้งแต่เมื่อไร”

อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบนาง

“คุณชายอวี๋ไม่อยากตอบรึ”

อวี้จิ่นยิ้มขึ้นทันที “แม่นางเจียง ท่าทางเช่นนี้ไม่ใช่ท่าทางที่ดีนัก อย่าลืมสิว่าบัดนี้ข้ากำลังข่มขู่เจ้าอยู่ ไม่ใช่เจ้าข่มขู่ข้า”

สตรีผู้นี้คิดจะกดขี่ข่มเหงเขาตั้งแต่ตอนนี้เลยหรือ ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เขาคงต้องรอให้นางแต่งเข้ามาเสียก่อนจึงจะยอมจำนน

นางหลับตาหายใจเข้าลึก และระงับอารมณ์ที่อยากจะฆ่าเขาลงไป

“คุณชายอวี๋ว่าควรจะเจรจาอย่างไร”

อวี้จิ่นยิ้มขึ้น ดูเหมือนเขามั่นใจว่าสตรีตรงหน้าจะไม่คัดค้าน “แม่นางเอ่ยถามคำถามก่อน แล้วข้าจะตอบ จากนั้นข้าจะถามแม่นางแล้วแม่นางตอบข้า ทำเช่นนี้ซ้ำๆ ไป แม่นางว่ายุติธรรมดีหรือไม่”

เจียงซื่อกัดริมฝีปากของนางเบาๆ

เจ้าหมอนี่ยังคงมีนิสัยชอบเอาเปรียบคนอื่นเสียจริงๆ

ในชาติก่อนเขาเกลี้ยกล่อมนางให้กลายเป็นคนที่เข้ามาแทนที่คนรักเขา แต่เมื่อนางรู้ตัวก็จมลึกลงไปเสียแล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องราวของเจ้าหมอนี่ นางก็ไม่รีรอที่จะหันไปใช้วิธีฆ่าคนแล้วออกบวช ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงสนทนากับเขาพลางรู้สึกขมขื่น มันเป็นรสชาติที่ยากจะอธิบาย

“เอาเถอะ เอาตามนี้”

“เชิญแม่นางเอ่ยถามก่อน” อวี้จิ่นนำมือลูบไปที่ถ้วยน้ำชา ดวงตาของเขากวาดผ่านใบหน้าอันสวยงามของหญิงสาวเล็กน้อย

ดูเหมือนนางจะโกรธ

แม้จะโกรธก็ช่างน่ามองเสียจริง ทำอย่างไรดีเล่า เขาอยากจะจูบนางเสียจริง

ทันใดนั้น ดวงตาของชายหนุ่มก็มืดมนคลุมเครือ มองตกลงมาที่ริมฝีปากอันบอบบางของหญิงสาว

แม่นางผู้นี้บอกได้ว่าช่างน่ามองเหลือเกิน ริมฝีปากนางเป็นสีชมพูเย้ายวนชุ่มชื้นโดยไม่ได้เติมแต่งแต่อย่างใด

สายตาของอวี้จิ่นมืดมนลงไปอีกเล็กน้อย

เจียงซื่อรู้สึกว่าภายในห้องร้อนอบอ้าวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

เงาของทั้งสองทอดยาวไปที่หน้าต่าง ราวกับว่าเวลาได้หยุดลงชั่วขณะหนึ่ง

หลงต้านซึ่งนั่งยองๆ อยู่ในสนาม จับจ้องไปยังหน้าต่างอย่างตั้งใจและประหม่า

เจ้านายพาหญิงสาวกลับมาดึกดื่นเช่นนี้ จะเป็นเพียงการสนทนาธรรมดาเท่านั้นหรือ

เกลียดเสียจริงที่ไม่อาจตีเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ นี่คืออารมณ์ความคิดขององครักษ์น้อยผู้นี้

“เอาล่ะ ข้ายังยืนยันคำถามเดิม คุณชายอวี๋สะกดรอยตามข้าไปตั้งแต่เมื่อไร”

“ข้าไม่ได้สะกดรอย แต่เป็นการคุ้มกัน” อวี้จิ่นเน้นย้ำ เมื่อเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหันหน้ามาเหมือนจะโกรธเขา จึงได้กล่าวออกมาช้าๆ ว่า “นับแต่ที่แม่นางเดินทางออกไปจากเรือนข้า”

“ด้วยเหตุใด”

อวี้จิ่นหัวเราะ “นี่เป็นคำถามที่สอง”

เจียงซื่อแอบถอนหายใจและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เอาละ เจ้าถามได้”

“แม่นางรู้ได้อย่างไรว่าฉังซิงโหวซื่อจื่อเป็นผู้ทำร้ายหญิงสาวเหล่านั้น”

ประโยคที่เจียงซื่อกล่าวออกมาครั้นแกล้งเป็นบุตรสาวของซิ่วเหนียงจื่อ อวี้จิ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้ยินอย่างชัดเจน

ในตอนนั้น เมื่อเขาคิดได้ว่าเจียงซื่อเคยเดินทางไปจวนฉังซิงโหวคืนหนึ่ง จากนั้นก็ค้นพบความลับที่น่าสะพรึงกลัวของฉังซิงโหวซื่อจื่อ เขาก็อยากจะสับฉังซิงโหวซื่อจื่อให้เละเป็นพันๆ ชิ้น

ไอ้สัตว์นรกตัวนั้นมันทำอะไรกับเจียงซื่อหรือไม่ ไม่เช่นนั้นนางเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาจะไปรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร

เจียงซื่อถอนหายใจออกมาเงียบๆ

นางรู้ว่าเขาจะถามเรื่องนี้

วิธีจัดการทำลายฉังซิงโหวซื่อจื่อนั้นนางได้วางแผนไว้อย่างดีแล้ว และไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

แต่นางรู้จักอวี้ชีดี หากนางตอบเขาไปอย่างคลุมเครือ วันพรุ่งนี้เขาอาจจะฆ่าฉังซิงโหวซื่อจื่อแล้วโยนให้หมากิน การกระทำอย่างฉับไวเรียบง่ายเช่นนี้ เขาสามารถทำมันออกมาได้

แต่นางไม่ต้องการให้ฉังซิงโหวซื่อจื่อตายง่ายๆ เช่นนี้!

“มีอยู่คืนหนึ่งข้าไปยังสวนดอกไม้ของจวนโหว และบังเอิญไปเจอศพของหญิงสาวที่ปรนนิบัติฉังซิงโหวซื่อจื่อที่ถูกฝังไว้ จากนั้นข้าก็ได้ยินสิ่งที่พวกบ่าวรับใช้สนทนากัน”

อวี้จิ่นลุกพรวดขึ้นมาทันที

เจียงซื่อเป็นกังวลและอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นเข้าไปรั้งเขาไว้ “ท่านจะไปไหน”

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติกยุคโบราณ-แนวแต่งงาน ดราม่าในอดีตจะหายไป รักใหม่สุดหวานซึ้งจะเริ่มต้น…กับคนเดิม?!ชาติที่แล้วเพราะนาง ‘เจียงซื่อ’ คุณหนูสี่แห่งตระกูลตงผิงปั๋วดวงตามืดบอดทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรจนถึงแก่ความตายเมื่อได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตที่สองนางจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำอีกต่อไปคนที่หวังดีกับนางจากใจจริงนางล้วนเข้าใจและพร้อมตอบแทนด้วยสิ่งเดียวกันคนที่คิดร้ายวางแผนทำลายนาง นางก็พร้อมจะเอาคืนเป็นทบเท่าพันทวีชีวิตการแต่งงานที่ไม่สมหวังในชาติก่อนทำให้นางเข็ดขยาดไม่คิดจะมีความรักอีกแต่เหตุใดกัน ‘อวี้จิ่น’ สามีคนที่สองของนางในชาติก่อนกลับมาคอยตามตอแยนางไม่หยุดเช่นนี้!แม้ชาติก่อนข้าจะเคยชอบเจ้า แต่ชาตินี้อย่าหวังจะทำให้ข้าเสียน้ำตาได้อีกเป็นหนที่สองนางต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าคนเลวนั่นไว้ ยิ่งไกลยิ่ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท