ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ – ตอนที่ 99 ตามหาคน

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 99 ตามหาคน

เนื่องจากมีผู้แสวงบุญจากละแวกรอบๆ เมืองชิงหนิวเดินทางมาสักการะถวายธูปที่วัดหลิงอู้อยู่เป็นประจำ ฉะนั้นคนแปลกหน้าจึงเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แต่ทว่ากลุ่มคนจากเมืองต้าหยางที่มากลับดูไร้อารยธรรม แค่พวกเขาเห็นก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่อง ชาวบ้านในเมืองชิงหนิวจึงจับตาดูเป็นพิเศษ

“พวกเจ้าว่าคนพวกนั้นมาจากไหนกัน ดูทรงแล้วน่าจะมาตามหาคนกระมัง”

“ไอ้หยา คนที่เดินนำหน้านั้นคือบุตรชายคนโตของนายท่านหลี่ที่เมืองต้าหยางนี่ นี่มันคนจากตระกูลหลี่แห่งต้าหยางนี่หน่า!”

นายท่านหลี่แห่งต้าหยางเป็นมหาเศรษฐี ทั้งยังมีตำแหน่งเป็นถึงซิ่วไฉ ยามพบเจอผู้ว่าการเขตก็ไม่จำเป็นต้องคุกเข่า ฉะนั้นในสายตาปุถุชนเขาจึงเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง

“คนตระกูลหลี่มาทำอะไรกัน”

“ใครจะไปรู้ล่ะ รอดูต่อไปแล้วกัน” การให้ความสนใจเรื่องชาวบ้านเป็นธรรมชาติของคนต้าโจว ชาวบ้านในเมืองชิงหนิวและคนต่างเมืองที่มาพำนักอยู่ที่นี่ชั่วคราวจึงให้ความสนใจคนกลุ่มนั้นขึ้นมาทันที พวกเขาเดินตามกลุ่มคนเหล่านั้นไปติดๆ

เจียงจั้นมาหาเจียงซื่อด้วยความตื่นเต้นไม่แพ้กัน “น้องสี่ ด้านนอกเกิดเรื่องแล้ว รีบออกไปดูกันเถอะ”

“เกิดเรื่องอะไรกันหรือเจ้าคะ”

“ยังไม่รู้เหมือนกัน มีกลุ่มคนเดินทางมาจากต่างเมือง ข้ามีลางสังหรณ์บางอย่าง จุดประสงค์ที่คนพวกนี้มาจะต้องเกี่ยวข้องกับวัดหลิงอู้แน่นอน!”

เจียงซื่อกลั้นยิ้ม “ที่พี่รองว่าก็อาจจะจริง งั้นเราออกไปดูกันเถอะเจ้าค่ะ”

มีคนจำนวนมากเข้าไปร่วมอยู่กับกลุ่มคนเหล่านั้นและเดินตามไปยังวัดหลิงอู้

วัดหลิงอู้ตั้งอยู่ในเมืองขนาดเล็ก ตลอดทางที่เดินผ่านไปมีคนเดินเข้าไปเสริมทัพมากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นไปถึงประตูวัดจึงกลายเป็นฝูงชนจำนวนมหาศาล

เมื่อพระสงฆ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นเข้าก็ตกใจตะลึงงัน “อมิตาพุทธ วันนี้วัดเรามิได้เปิดต้อนรับผู้แสวงบุญ เชิญพวกโยมกลับไปเถิด”

บุรุษที่เดินนำด้านหน้าอยู่ในวัยยี่สิบกว่า ใบหน้าหล่อเหลาและสวมอาภรณ์ของชนชั้นสูง แต่กลับมีแววตาดุดัน เมื่อเขาได้ยินคำกล่าวนั้นจึงเอ่ยตอบเสียงดังว่า “พวกข้ามาตามหาคน น้องสาวของข้ามาถวายธูปที่วัดหลิงอู้ จนป่านนี้ยังไม่กลับเรือน ท่านพ่อของข้าเป็นกังวลจึงสั่งให้ข้ามาพานางกลับไป”

“อมิตาพุทธ วันนี้ที่วัดมีเรื่องเกิดขึ้น เหล่าผู้แสวงบุญที่มาพักที่วัดช่วงสองวันนี้จึงเดินทางกลับกันไปหมดแล้ว ฉะนั้นน้องสาวของโยมจึงมิได้อยู่ที่นี่เป็นแน่…”

“น้องสาวของข้ามาถวายธูปที่วัดหลิงอู้แห่งนี้ จนถึงตอนนี้นางยังไม่กลับเรือน พวกข้าก็ควรลองมาตามหาที่วัดนี้ไม่ใช่หรือยังไง ปกติข้ามาถวายธูปถวายปัจจัยไม่เคยมีใครมาขวางทาง แต่ยามนี้คนหายไปทั้งคน ข้าจะมาตามหากลับถูกขัดขวางเสียได้ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวข้าในที่ของพวกท่านงั้นหรือ”

พระสงฆ์ที่ยืนเฝ้าประตูถูกถามเช่นนั้นก็ถึงกับนิ่งไป

ผู้นำหนุ่มอาศัยจังหวะนี้เดินเลี่ยงพระสงฆ์รูปนั้นเข้าไป พร้อมกับตะโกนขึ้นว่า “รีบตามมา!”

ในชั่วพริบตาเดียว พระสงฆ์ที่เฝ้าประตูก็ถูกเบียดไปอยู่ด้านข้าง คนกลุ่มนั้นรีบสับเท้าฝ่าเข้าไปด้านในทันที

สุดท้ายเหลือเพียงฝูงชนที่ตามมาดูเหตุการณ์ได้แต่มองหน้ากันตาปริบๆ

สักพักจึงมีคนเอ่ยขึ้นว่า “ข้าว่าคนจากต้าหยางคงเข้ามาก่อเรื่องในเมืองชิงหนิวของพวกเรา ถ้าพวกเราจะยืนดูอยู่เฉยๆ ก็คงจะรู้สึกคับอกคับใจเป็นแน่!”

“ถูกต้อง จะปล่อยให้พวกมันมาก่อเรื่องในที่ของเราไม่ได้ จะปล่อยให้พวกมันทำเรื่องหยาบช้ากับพระอาจารย์ในวัดหลิงอู้ไม่ได้!”

พระสงฆ์ที่ยืนเฝ้าประตูยังไม่ทันยืนได้อย่างมั่นคงก็ถูกฝูงชนเบียดเข้าไปด้านในอีกครั้ง

ครั้นมองดูธรณีประตูวัดที่ถูกเหยียบย่ำ พระสงฆ์ที่เฝ้าประตูรูปนั้นก็ได้แต่ร้องไม่ออก

“อันธพาลอย่างพวกเจ้ามาจากที่ใดกัน ที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธองค์…” พระสงฆ์ที่เข้ามาขวางยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกผลักไปด้านข้าง เป้าหมายของคนกลุ่มนั้นชัดเจนอยู่แล้วคือต้องการมุ่งหน้าไปที่เขาด้านหลังวัด

ด้านหลังวัดหลิงอู้ติดกับเขาชิง ซึ่งส่วนนั้นไม่เปิดให้คนนอกเข้าไป แผนผังวัดค่อนข้างเรียบง่าย กลุ่มคนจากเมืองต้าหยางจึงบุ่มบ่ามเข้าไปยังภูเขาด้านหลังโดยไม่แยแสต่อขนบธรรมเนียม พวกเขามิได้รีรอให้พระสงฆ์รูปนั้นตอบสนอง

กว่าเสียงระฆังเตือนเหตุร้ายจะดังขึ้น และกว่าเหล่าพระสงฆ์จะวิ่งมาถึงก็สายไปเสียแล้ว เพราะกลุ่มฝูงชนตามเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในทันใดนั้นสถานที่อึมครึมอันเงียบสงัดก็คับคั่งไปด้วยผู้คน

“ตรงนี่!” ผู้นำหนุ่มวิ่งไปยังบ่อน้ำข้างแปลงผัก

พื้นดินข้างบ่อน้ำเป็นสีแดงเข้ม เห็นได้ชัดว่าเป็นคราบเลือดของพระสงฆ์ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุซึ่งยังไม่ได้ทำความสะอาดให้เรียบร้อย

“ชักรอกขึ้นมา!” บุรุษผู้นั้นชี้นิ้วไปที่บ่อน้ำ จากนั้นก็มีคนมาโยกคันโยกทันที

พระสงฆ์วัยกลางคนเดินออกมาจากฝูงชน “โยมมาก่อกรรมทำชั่วในดินแดนศักด์สิทธิ์เช่นนี้ ไม่กลัวพระพุทธองค์ลงโทษเลยหรือ”

คนที่กำลังชักรอกชะงักไปครู่หนึ่ง

ผู้นำหนุ่มคนนั้นหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “น้องสาวข้าหายไปทั้งคน เหล่าพระพุทธองค์และพระโพธิสัตว์เป็นผู้มีเมตตากรุณา คงไม่ลงโทษข้าด้วยเหตุที่ข้ามาตามหาน้องสาวหรอกกระมัง อีกทั้งน้องสาวข้าก็เป็นสตรีผู้มีความศรัทธาที่มาถวายปัจจัยอยู่เป็นประจำ ยามนี้นางหายตัวไป ที่เหล่าพระอาจารย์ไม่ได้อำนวยความสะดวกทั้งยังมาขัดขวางเช่นนี้ หรือว่าพวกท่านกำลังร้อนตัว”

“อมิตาพุทธ คำกล่าวของโยมล้ำเส้นเกินไปแล้ว…”

“ที่พวกข้ามาก็มิได้สร้างความเสียหายให้ต้นไม้ใบหญ้าเลยแม้แต่น้อย แค่เพียงจะชักรอกขึ้นมาดูว่ามีสิ่งใดอยู่ด้านล่างหรือไม่ ขอเหล่าพระอาจารย์ช่วยเปิดทางให้พวกข้าด้วยเถิด” ผู้นำหนุ่มวาจาคมคาย พูดเพียงไม่กี่ประโยคก็โบกไม้โบกมือสั่งว่า “มั่วชักช้าอะไรอยู่ รีบลงมือเร็วเข้า!”

เจียงจั้นที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนดึงเจียงซื่อพลางกระซิบเสียงต่ำอย่างไม่อาจซ่อนเร้นความตื่นเต้นไว้ได้ “ข้าบอกแล้วว่าในบ่อนั้นมีผีผู้หญิง พวกเจ้าก็ไม่เชื่อ!”

ผีผู้หญิงเคยมาคุยกับเขาแล้ว สยองเป็นบ้า!

คนที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่

“ตระกูลหลี่หมายความว่ายังไงกัน หรือว่าคุณหนูหลี่ตายอยู่ในบ่อน้ำนั้นงั้นเหรอ”

“ข้าว่าคุณหนูหลี่คงถูกทำร้าย ไม่งั้นจะถูกเอามาทิ้งไว้ที่บ่อน้ำที่เขาด้านหลังได้ยังไง”

จู่ๆ ก็มีคนตรัสรู้ขึ้นมา “หรือว่าที่พระสงฆ์นั้นตายอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะบังเอิญไปเห็นว่าคุณหนูหลี่ถูกฆ่าตาย…”

เจียงซื่อพยักหน้าเงียบๆ

ยอดเยี่ยม พวกคนที่มาดูเหตุการณ์ช่างตาแหลมจริงๆ

หากกลุ่มคนที่จุดไฟให้เรื่องซุบซิบให้โหมกระหน่ำเหล่านี้ได้เห็นว่าบ้านไหนมีผ้าเช็ดหน้าตกอยู่หน้าประตูก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวจนเป็นละครบทใหญ่ได้ ฉะนั้นจะนับประสาอะไรกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ทันทีที่น้ำหนึ่งถังถูกดึงขึ้นมา ผู้คนต่างก็ชะโงกคอยื่นคอยาวลงไปมอง

ไม่เห็นมีอะไรเลย!

น้ำอีกถังถูกดึงขึ้นมา

เสียงเอี๊ยดๆ อ๊าดๆ ของเชือกสะท้อนดังเข้าไปในหูของผู้คน มันทั้งจืดชืดทั้งน่าเบื่อ

เริ่มมีคนจ้องมองกลุ่มคนจากต้าหยางด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

วัดหลิงอู้แห่งนี้เป็นหน้าเป็นตาของชาวเมืองชิงหนิว หากคนในเมืองหายตัวไปแล้วจะมาตามหาที่นี่ก็ว่าไปอย่าง แต่หากจะมาก่อเรื่องก็คงต้องถามว่าชาวเมืองจะยอมหรือไม่

ผู้นำหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงหันไปสั่งชายคนรับใช้ว่า “ลงไปดูข้างล่าง”

ในชั่วขณะนั้นเขาเริ่มรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป

แต่หากไม่ได้มาดูสักครั้งก็คงจะไม่ได้ เพราะน้องสาวของเขาเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ก่อนหน้านี้ที่นางล้มป่วยก็ทำเอาพ่อแม่เดือดเนื้อร้อนใจจนอยู่ไม่เป็นสุข

บ่าวรับใช้รีบถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นเรือนร่างแข็งแกร่งท่อนบนของเขา

ประเพณีของต้าโจวนั้นค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่เพียงแต่ในหมู่บ้านตามชานเมืองเท่านั้น เพราะการพบเจอคนเถื่อนตามเมืองใหญ่ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ฉะนั้นการที่ชายหนุ่มจะเปลื้องผ้าจึงไม่ได้กระตุ้นความรู้สึกใดๆ แต่ถึงกระนั้นก็มีสตรีบางคนหัวเราะคิกคักออกมา

เจียงจั้นรีบเอามือมาบังตาเจียงซื่อทันที

เจียงซื่อปัดมือพี่ชายออก “พี่รอง อย่ากวนสิ”

เจียงจั้นชำเลืองมองไปที่อวี้จิ่นอย่างอดไม่ได้ และพบว่าเขากำลังจ้องมองไปที่ชายคนนั้น ราวกับว่าไม่ได้สนใจว่าเจียงซื่อจะมองชายที่เปลื้องผ้าหรือไม่

อวี้จิ่น เหอะๆ จากที่เคยเห็นท่าตอนที่อาซื่อใช้มีดทำอาหารจ่อไปที่ก้นของชายผู้นั้นแล้ว เรื่องแค่นี้มันใช่เรื่องใหญ่ที่ไหนกัน

ชายที่ถอดเสื้อคลุมค่อยๆ เกาะเชือกลงไปในบ่อ ไม่ทราบว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่จู่ๆ เชือกเส้นใหญ่ที่หลายคนช่วยกันจับไว้ก็ถูกกระตุก

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติกยุคโบราณ-แนวแต่งงาน ดราม่าในอดีตจะหายไป รักใหม่สุดหวานซึ้งจะเริ่มต้น…กับคนเดิม?!ชาติที่แล้วเพราะนาง ‘เจียงซื่อ’ คุณหนูสี่แห่งตระกูลตงผิงปั๋วดวงตามืดบอดทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรจนถึงแก่ความตายเมื่อได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตที่สองนางจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำอีกต่อไปคนที่หวังดีกับนางจากใจจริงนางล้วนเข้าใจและพร้อมตอบแทนด้วยสิ่งเดียวกันคนที่คิดร้ายวางแผนทำลายนาง นางก็พร้อมจะเอาคืนเป็นทบเท่าพันทวีชีวิตการแต่งงานที่ไม่สมหวังในชาติก่อนทำให้นางเข็ดขยาดไม่คิดจะมีความรักอีกแต่เหตุใดกัน ‘อวี้จิ่น’ สามีคนที่สองของนางในชาติก่อนกลับมาคอยตามตอแยนางไม่หยุดเช่นนี้!แม้ชาติก่อนข้าจะเคยชอบเจ้า แต่ชาตินี้อย่าหวังจะทำให้ข้าเสียน้ำตาได้อีกเป็นหนที่สองนางต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าคนเลวนั่นไว้ ยิ่งไกลยิ่ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท