ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ – ตอนที่ 113 มีปัญหาอีกแล้ว

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 113 มีปัญหาอีกแล้ว

หญิงสาวที่อยู่นอกประตูแสดงสีหน้าอ่อนโยน ยิ้มออกมาเล็กน้อย

แม่นางหลี่จับประตูไว้แน่น สีหน้าระแวดระวัง “มีเรื่องอะไร”

เจียงซื่อพยายามทำให้ตัวเองดูอ่อนโยนและไม่มีพิษมีภัยมากที่สุด “พี่ชายข้ากับสหายไปดื่มน้ำชา พอคิดว่าในวัดมีเพียงแค่พวกเราสตรีสองนาง จึงมาหาแม่นางหลี่เพื่อคุยด้วย”

“ขออภัย ข้าไม่ค่อยสบาย” ใบหน้าของแม่นางหลี่ไร้ซึ่งรอยยิ้ม จ้องแต่จะปิดประตู

หญิงสาวยื่นมือออกไปยันประตูไว้ แล้วเดินนวยนาดเข้าไป ปล่อยให้แม่นางหลี่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม พอรู้สึกตัวแล้วถึงได้รีบปิดประตู

“เจ้าจะทำอะไร”

เจียงซื่อนั่งลงข้างโต๊ะ แล้วยื่นมือออกไปหยิบกาน้ำชามารินชาให้กับตัวเอง

ถ้วยชาลายครามสีขาวอยู่ในมือของนาง มือที่ขาวดั่งหยกเนียนละเอียดยิ่งกว่าถ้วยลายครามสีขาวนั่นอีก

“ถ้าเจ้ายังไม่ออกไป ข้าจะตะโกนเรียกคนมา!” ด้วยอายุของเจียงซื่อทำให้แม่นางหลี่หวาดกลัวอยู่ประมาณหนึ่ง แถมยังดูหัวเสียเล็กน้อย

“แม่นางหลี่จำเป็นต้องโมโหขนาดนี้เชียวหรือ ข้าก็แค่อยากมาคุยกับเจ้าก็เท่านั้นเอง”

“ข้าไม่รู้จักเจ้า!”

เจียงซื่อทำหน้าเรียบเฉย พลางเงยหน้าชำเลืองมองแม่นางหลี่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามออกไป “ถ้างั้นเจ้ารู้จักแม่นางฉือหรือไม่”

รูม่านตาของแม่นางหลี่หดตัวลง พลางเอ่ยปฏิเสธขึ้นทันควัน “ไม่รู้จัก เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”

เจียงซื่อหัวเราะออกมาเบาๆ ส่ายถ้วยน้ำชาในมือไปมา “แม่นางหลี่ก็ถือว่าเกิดในตระกูลบัณฑิต มีแขกมาหาถึงที่ทว่ากลับทำท่าทางแบบนี้ มันเพียงแต่ทำให้ข้ารู้สึกว่าต้องไปทำอะไรไม่ดีมา…”

แม่นางหลี่หน้าซีดเผือด โกรธจนตัวสั่น “เจ้าอย่ามาพูดซี้ซั้ว! ข้ากับเจ้าไม่รู้จักกันมาก่อน และไม่ได้สนิทสนมกัน เจ้าบุกรุกเข้ามาแล้วจะไม่ให้ข้าโมโหได้อย่างไร”

“มันก็น่าโมโหอยู่หรอก ทว่าหากแม่นางหลี่ไม่อยากคุยเรื่องแม่นางฉือ บางทีพวกเราอาจจะคุยกันเรื่องหลิวเซิ่ง”

ใบหน้าของแม่นางหลี่ซีดไม่มีเลือดฝาด นางถอยหลังไปหลายก้าว อารมณ์ผ่อนลง “เจ้าออกไป!”

เจียงซื่อทำท่าครุ่นคิด ท่าทางนิ่งสงบ “แม่นางหลี่คงไม่คิดว่ามีเพียงแค่ท่านผู้บัญชาการที่เดาเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้ากับหลิวเซิ่งออกหรอกใช่หรือไม่”

“เจ้า เจ้ามัวแต่พูดความยาวสาวความยืดเช่นนี้ ต้องการอะไรกันแน่” แม่นางหลี่ตัวสั่นเทิ้มไม่หยุดราวกับดอกไม้ที่ส่ายไปมาตามสายลม เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ นางรูดกำไลทองคำลงมาอย่างแรง “เจ้าต้องการผลประโยชน์ใช่หรือไม่ เจ้าว่ามาสิ ต้องการเท่าไหร่!”

เจียงซื่อยิ้ม “แม่นางหลี่ เจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว ข้าไม่ใช่คนในพื้นที่ เดี๋ยวฝนหยุดข้าก็ไป ข้าไม่สนใจจะมาพูดความยาวสาวความยืดเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าก็แค่รู้เรื่องบางอย่างที่น่าสนใจของเจ้า หลังจากข้าเข้าใจแล้วก็จะไม่มารบกวนเจ้าอีก”

เจียงซื่อรู้ว่าวิธีนี้มันน่ารำคาญ ทว่าถ้าหากในสถานการณ์แบบนี้แม่นางหลี่ยังคงแสดงท่าทีอ่อนโยนและสง่างามจากตระกูลผู้รากมากดีอยู่ล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้รู้เรื่องแม่นางฉือจากปากของนาง

เมื่อเทียบกับการได้จับตัวคนชั่วฉังซิงโหวซื่อจื่อออกมา วุ่นวายหน่อยจะเป็นอะไร

แม่นางหลี่จ้องเจียงซื่อไม่ละสายตา สีหน้าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด หลังจากนั้นไม่นานก็กัดฟันถามออกมา “จริงหรือที่จะไม่รบกวนข้าอีก”

เจียงซื่อโล่งอกเล็กน้อย พลางเผยรอยยิ้มที่จริงใจออกมา “ข้าจะปิดปากเงียบเรื่องของแม่นางหลี่”

“ได้ ถามมาสิ” แม่นางหลี่นั่งไกลจากเจียงซื่อไปเล็กน้อย แล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง มือยังคงสั่นระริกอยู่

“ข้าอยากรู้ว่าครั้งก่อนที่เจ้ามาวัดหลิงอู้ ได้พบเจอกับสตรีแซ่ฉือนางหนึ่งหรือไม่”

“อืม” แม่นางหลี่ถือถ้วยชาแน่น

“แม่นางหลี่พยายามเล่าเรื่องของแม่นางฉือออกมาให้ละเอียดมากที่สุดเถอะ เอาทุกอย่างที่เจ้ารู้”

แม่นางหลี่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากขึ้น “ตอนที่แม่นางฉือมาวัดหลิงอู้นางแต่งตัวเป็นชาย ข้าเห็นแค่เพียงครู่เดียวก็ดูออกแล้ว พระที่ดูแลจัดการเรื่องที่พักก็ดูออกเช่นกัน ดังนั้นจึงจัดการให้นางพักที่เรือนข้างๆ ข้า แม่นางฉือชอบพูดเรื่องขำขัน อายุก็ยังน้อย ข้าชอบนางมาก ไม่นานพวกเราก็สนิทกัน นางบอกกับข้าว่าพ่อของนางเป็นพ่อค้า มักจะออกไปไปทำงานนอกเมืองบ่อยๆ นางก็เลยแอบออกมาเที่ยวเล่น….”

“สตรีอายุยังน้อยออกมาเที่ยวเล่น ไม่มีคนรับใช้มาด้วยหรือ แล้วที่บ้านก็ไม่มีใครออกตามหาเลย?”

“ตอนนั้นข้าก็ถามเรื่องพวกนี้กับนาง แม่นางฉือบอกว่านางมีวิชากังฟู รอคนพวกนั้นมันไม่ทันการหรอก พ่อของนางไม่อยู่บ้าน แม่ก็จากไปตั้งนานแล้ว นางออกมาเที่ยวเล่นจนชิน เที่ยวซักสองสามวันก็กลับ ซึ่งทุกครั้งบ่าวรับใช้ที่บ้านต่างก็หาตัวนางไม่เจอ พวกเขาจึงชินแล้ว”

“แม่นางฉือบอกเจ้าหรือไม่ว่าบ้านนางอยู่ที่ใด” พอเอ่ยคำถามนี้ออกไป เจียงซื่อก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว

ครั้งนี้จะหากุญแจสำคัญของคนในครอบครัวแม่นางฉือเจอหรือไม่

ไม่นานแม่นางหลี่ก็ทำให้นางแปลกใจและดีใจไปพร้อมๆ กัน “บอก ตอนนั้นพวกข้าคุยถูกคอกัน จึงนัดกันว่าถ้ามีโอกาสจะมาเจอกันอีก นางเลยบอกที่อยู่กับข้าไว้ แม่นางฉือเป็นคนอำเภอเป่าเฉวียน เมืองเป่ยเหอ บ้านอยู่ที่เมืองเยี่ยนจื่อตอนล่างของอำเภอเป่าเฉวียน ช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิของทุกปีพ่อของนางจะออกไปขายของต่างถิ่น จนกระทั่งถึงฤดูหนาวจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้าน ข้าจำได้อย่างชัดเจน นางบอกว่าช่วงฤดูหนาวนางจะทำตัวดีอยู่ที่บ้านตลอด ถ้าข้าจะไปเที่ยวหานาง ก็ให้ไปช่วงฤดูนี้”

“อำเภอเป่าเฉวียนเมืองเป่ยเหอ…” เจียงซื่อพึมพำออกมา คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

ชาติที่แล้วนางต้องเร่ร่อนมาจนถึงทางทิศใต้ถึงจะนับว่าออกมาจากเมืองหลวงได้ ต่อมากลับไปเมืองหลวงใหม่อีกครั้งตัวตนไม่เหมือนเดิมแล้ว จึงไม่สามารถวิ่งเพ่นพ่านไปทุกที่

ทว่าถามข้อมูลได้เยอะขนาดนี้มันก็เกินพอแล้ว เจียงซื่อไม่อยากบีบบังคับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า นางค่อยๆ ฉีกยิ้มแล้วลุกขึ้น “ขอบใจแม่นางหลี่มาก”

“ไม่จำเป็น” แม่นางหลี่มองเจียงซื่อเหมือนกับมีอะไรจะพูดแต่ก็ยากจะพูดออกมา

ความหมายมันชัดเจนมาก อะไรที่ควรพูดล้วนพูดออกไปหมดแล้ว เจ้ารีบออกไปสักที

เจียงซื่อเดินไปถึงหน้าประตูแล้วจู่ๆ ก็หันหลังกลับมา ทำเอาแม่นางหลี่ตกใจจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว พลางเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “มีเรื่องอะไรอีกหรือ”

เจียงซื่อตั้งใจคารวะแม่นางหลี่ “เมื่อครู่คงทำให้โมโหมาก ข้าขอโทษแม่นางหลีด้วย หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา ส่วนเรื่องวัดหลิงอู้…”

นางมองไปที่ใบหน้าอันไร้ซึ่งเลือดฝาดของหญิงสาวแล้วเอ่ยขึ้นจากใจจริง “ลืมมันไปเสียเถอะ”

แม่นางหลี่ทำหน้าตะลึง หางตาเปียกชื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

นางเช็ดที่ตาด้วยความรีบร้อน ไม่รู้จะพูดอะไรกับเจียงซื่อ

เจียงซื่อลุกขึ้นแล้วคำนับอีกที จากนั้นก็ผลักประตูเดินออกไป

“น้อง…”

เสียงจากภายนอกหยุดชะงักลงทันที เจียงซื่อสบตาเข้ากับคุณชายหลี่ที่ทำหน้าตกตะลึง แล้วพยักหน้าลงหลีกทางให้เดินผ่านไป

คุณชายหลี่หันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้ จนกระทั่งเจียงซื่อเดินเข้าไปในห้องตัวเองถึงได้ผลักประตูเข้าไป น้ำเสียงพูดแฝงไปด้วยความตื่นเต้น “น้องข้า เจ้ากับหญิงสาวท่านนั้นรู้จักกันได้อย่างไร”

แม่นางหลี่ขมวดคิ้วขึ้น น้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่รู้จัก”

ท่าทีของเจียงซื่อที่บีบบังคับนางเมื่อครู่ แน่นอนว่าในใจนางยังคงไม่พอใจ

ในใจของคุณชายหลี่คล้ายกับมีแมวมาสะกิด “ฝนตกหนักขนาดนี้ยังไงก็คงเดินทางไม่ได้ เจ้าไปมาหาสู่สร้างมิตรภาพกับนางไว้เยอะๆ สิ”

“โฉมหน้าของสตรีท่านนั้นโดดเด่น ท่าทีก็ไม่ธรรมดา ฟังจากสำเนียงคงเป็นคนในเมืองหลวง พี่ใหญ่ไม่ต้องคิดมากเลย”

“น้องข้าคิดไปถึงไหนแล้ว” คุณชายหลี่ไม่ยอมรับหรอกว่าพอใจในรูปลักษณ์ของเจียงซื่อ ความบังเอิญในการพบเจอกันครั้งนี้ที่จริงมันได้ทำให้หัวใจดวงหนึ่งมีชีวิตชีวาขึ้นมา

เมื่อออกมาจากห้องแม่นางหลี่เขาก็ไปหาเจียงจั้น เจียงจั้นกับอวี้จิ่นกลับมาพอดีและกำลังเตรียมจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง

“สหายเจี่ยง” คุณชายหลี่คารวะ และเป็นฝ่ายกระตือรือร้นเข้าหาก่อน “การที่พวกเรามารวมตัวกันอยู่ที่นี่ได้มันเป็นโชคชะตาที่พบได้ยาก ข้าอยากจะเชิญสหายเจี่ยงมาดื่มชา”

เจียงจั้นชอบหามิตรสหาย แม้เมื่อครู่จะไปดื่มชากับผู้บัญชาการมาแล้วครู่หนึ่ง ทว่ากลับไม่คิดที่จะปฏิเสธ “ได้สิ วันที่ฝนตกหนักแบบนี้มันน่าเบื่อจริงๆ เชิญสหายหลี่ด้านใน”

อวี้จิ่นที่กำลังยื่นมือออกไปผลักประตูชะงักเล็กน้อย

มาหาเจียงจั้นเพื่อดื่มชา? หรือว่าเจ้าคนคิดไม่ซื่อนั่นต้องการเรียกร้องความสนใจจากเจียงซื่อ

หึ หึ รนหาที่ตายเสียจริง!

อวี้จิ่นสาวท้าวเดินตรงมาที่พวกเขาทั้งสอง

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติกยุคโบราณ-แนวแต่งงาน ดราม่าในอดีตจะหายไป รักใหม่สุดหวานซึ้งจะเริ่มต้น…กับคนเดิม?!ชาติที่แล้วเพราะนาง ‘เจียงซื่อ’ คุณหนูสี่แห่งตระกูลตงผิงปั๋วดวงตามืดบอดทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรจนถึงแก่ความตายเมื่อได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตที่สองนางจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำอีกต่อไปคนที่หวังดีกับนางจากใจจริงนางล้วนเข้าใจและพร้อมตอบแทนด้วยสิ่งเดียวกันคนที่คิดร้ายวางแผนทำลายนาง นางก็พร้อมจะเอาคืนเป็นทบเท่าพันทวีชีวิตการแต่งงานที่ไม่สมหวังในชาติก่อนทำให้นางเข็ดขยาดไม่คิดจะมีความรักอีกแต่เหตุใดกัน ‘อวี้จิ่น’ สามีคนที่สองของนางในชาติก่อนกลับมาคอยตามตอแยนางไม่หยุดเช่นนี้!แม้ชาติก่อนข้าจะเคยชอบเจ้า แต่ชาตินี้อย่าหวังจะทำให้ข้าเสียน้ำตาได้อีกเป็นหนที่สองนางต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าคนเลวนั่นไว้ ยิ่งไกลยิ่ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท