คนเช่นฝ่าบาทของพวกเขา ผู้คนใต้หล้าต่างก็บอกว่าพระองค์เป็นมนุษย์ที่ไร้หัวใจ…แต่กลับไม่รู้ว่า มิใช่ไร้หัวใจ หากแต่เป็นเพราะไม่เคยได้พบผู้ที่สามารถทำให้พระองค์หวั่นไหวพระทัยได้มาก่อนต่างหาก
พอหวั่นไหวขึ้นมา ความรักก็ลึกล้ำ เป็นจริงเป็นจังจนไม่อาจยับยั้งได้
……………………
ก้นทะเลลึก เผ่ามังกรทมิฬ
เหนือหุบเหวไร้ก้น สายลมหนาวพัดกรู
ราชินีหวาชางสุ่ยทรงมีบัญชาปิดเขตหุบเหวไร้ก้นมากว่าครึ่งเดือนแล้ว
ตลอดครึ่งเดือนมานี้ เหนือหุบเหวไร้ก้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ราวกับว่าคนสองคนที่ตกลงไปได้ตายกลายเป็นซากไปแล้ว
ตอนแรกๆนั้น เหล่าทหารที่เฝ้าอยู่ริมหุบเหวต่างก็เฝ้ายามกันอย่างระมัดระวัง ทันทีที่มีสายลมพัดต้นหญ้าขยับ ก็เป็นต้องตื่นตระหนกเป็นกระต่ายตื่นตูม
แต่ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมากลับยังไม่มีแม้แต่ยุงสักตัวบินขึ้นมา เหล่าทหารเฝ้ายามต่างก็พากันวางใจแล้ว
วันนี้ ในวังครึกครื้นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้องค์ไท่จื่อเกือบจะทรงกระทำผิดพลาดเสียแล้ว คว้าเอามนุษย์ผู้หนึ่งมาเป็นอนุ ช่างบังเอิญนัก ที่องค์หญิงจากทะเลตะวันตกถูกจับส่งตัวมาพอดี
หึหึ….ถึงแม้จะบอกว่านางรูปโฉมไม่ได้งดงามจนสะท้านฟ้าสะเทือนดินเหมือนดั่งสตรีชาวมนุษย์ผู้นั้น แต่ว่าอย่างน้อยๆก็เป็นยอดโฉมสคราญผู้หนึ่ง
โดยเฉพาะเส้นผมสีแดงเพลิง และดวงตาสีแดงคู่นั้น ช่างหาได้ยากในใต้หล้าแล้ว
ที่สำคัญที่สุดก็คือ องค์หญิงจากทะเลตะวันตกผู้นี้คือผู้ที่มีร่างแท้เป็นมังกรทอง แต่ว่าที่น่าเสียดายก็คือนางถูกถอดกระดูกมังกรไปเสียแล้ว
แต่ว่านั่นก็ไม่เป็นไร….ขอให้แก่นแท้ยังเป็นมังกรทองก็พอ อย่างไรเสียก็ยังสามารถคลอดบุตรได้
แต่ได้ยินมาว่า พวกที่ถูกจับมาพร้อมๆกับองค์หญิง ยังมีบุรุษชาวมนุษย์ผู้หนึ่ง และก็ยังมีสุนัขป่าและไก่อีกตัว
เจ้าเผ่ามนุษย์ผู้นั้นยังปากมากเป็นพิเศษ …..พูดมากเสียจนแม้แต่พวกที่เฝ้าดูเขายังทนไม่ได้ จนต้องหาเข็มมาเย็บปากของเขาเอาไว้
วันนี้ช่างเป็นฤกษ์งามยามดี ไท่จื่อจะทรงรับนางเป็นอนุ ก่อนหน้านี้เพราะถูกมนุษย์สองคนนั้นก่อกวนจนวุ่นวาย สิ่งของที่พังทลายภายในวังหลายวันนี้ก็พึ่งจะเก็บกวาดจนเสร็จสิ้น ในที่สุดก็เรียบร้อยลงแล้ว
ฝ่าบาทจะทรงรับอนุ ทั่วทั้งวังเพิ่มพูนกลิ่นอายมงคล รอคอยจะได้ดื่มสุรามงคลที่ไท่จื่อทรงประทาน
……………………
ตำหนักไท่จื่อ ผ้าสีแดงถูกปูลงบนเตียง
ทั้งพรม และหน้าต่าง ก็ล้วนแต่เป็นสีแดง
ไข่มุกที่วางประดับเอาไว้แต่ละมุมต่างส่องประกายออกมา
ทั้งๆที่เป็นการรับอนุ แต่ว่ากลับตกแต่งราวกับเป็นงามอภิเษกใหญ่โต
ไท่จื่อเยี่ยเฉินประทับนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ นัยตาจับจ้องอยู่ที่สีแดงเหล่านั้น นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นตู๋กูซิงหลัน สายตาของเขาก็มองไม่เห็นหญิงอื่นอีกต่อไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นองค์หญิงทะเลตะวันตกที่จับมาได้ในภายหลัง เขาก็ได้เห็นแล้ว นางงดงามอย่างโดดเด่น ถือว่าเลิศล้ำกว่าใครในบรรดาอนุสองร้อยกว่าคนของเขา
หากว่าเขาไม่เคยได้พบตู๋กูซิงหลันมาก่อน องค์หญิงทะเลตะวันตกผู้นี้จะต้องเป็นอนุที่เขาโปรดปรานที่สุดอย่างแน่นอน
แต่ว่าเมื่อได้พบกับของที่สุดยอดไปแล้ว สตรีอื่นยังจะอยู่ในสายตาอีกได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้เยี่ยเฉินย่อมตกอยู่ในสภาพเช่นนี้…หากจะบอกว่าชอบตู๋กูซิงหลันมากมาย ก็ไม่ใช่
เขาเพียงแต่ปรารถนาสตรีผู้นั้น ต้องการจะได้สตรีผู้นั้นมาไว้ในครอบครองก็เท่านั้น
สิ่งที่ไม่อาจได้มาก็ยิ่งครุ่นคิดถึง ช่วงก่อนหน้านี้เขายังมักจะไปที่ริมหุบเหวอยู่บ่อยๆ คิดไปว่าแม้นางจะกระโดดลงไป แต่บางทีอาจจะยังไม่ตายก็ได้กระมัง?
ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้นี้แทบจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยก็ตาม….
“พี่ชาย วันนี้เป็นวันมหามงคล ท่านไม่ควรทำหน้าขมวดคิ้วเคร่งเครียด” ในตอนนั้นเอง เยี่ยอิงก็เดินเข้ามา
นางยังคงสวมใส่ชุดกระโปรงสีครามเหมือนดั่งเช่นเคย คนดูสูงโปร่งงามระหง รัดเกล้าสีฟ้าและเงินยวงเปล่งประกายระยิบระยับ ทำให้ใบหน้าของนางดูกระจ่างงดงามดึงดูดผู้คน
ในตำหนักมีแต่เพียงนางกำนัลรับใช้ไม่กี่คนเท่านั้น พอเห็นว่าเยี่ยอิงเข้ามา ต่างก็พากันถอยออกไป
ในมือของเยี่ยอิงยังถือชุดแต่งงานเอาไว้ชุดหนึ่ง สีแดงบาดตา
พอนางพึ่งจะเดิมมาถึงเบื้องหน้าของเยี่ยเฉิน เยี่ยเฉินก็คว้าข้อมือของนางเอาไว้ ดึงนางเข้าหาตนเอง จนเยี่ยอิงล้มลงในอ้อมกอดของตนเอง
ชุดแต่งงานในมือหล่นลงไปบนพื้นดังตุ๊บ ราวกับปูพื้นห้องด้วยเลือด
เยี่ยเฉินพลิกมือสวมกอดเยี่ยอิงเอาไว้ ดวงตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ดวงตาดอกท้อสีครามคู่นั้น
หากว่าดวงตาคู่นี้เป็นสีดำขลับละก็ จะยิ่งเหมือนกับตู๋กูซิงหลันอย่างที่สุด
“พี่ชาย” เยี่ยอิงเองก็จดจ้องไปที่เขา “วันนี้เป็นวันที่ท่านจะรับอนุ พวกเราทำเช่นนี้….ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
ถึงแม้ว่าจะพูดไปเช่นนั้น แต่นางก็ไม่ได้ผลักตัวออกจากเยี่ยเฉิน
เยี่ยเฉินโน้มร่างลงมา ขบเบาๆบนริมฝีปากของนาง “เสี่ยวอิง เจ้าก็รู้ดี ไม่ว่าพี่ชายจะรับอนุมามากมายเพียงไร ก็ชอบแต่เจ้ามากที่สุด”
ดวงหน้าของเยี่ยอิงแดงก่ำ นางหลุบตาลง ขนตาสั่นน้อยๆ ข้างแก้มกลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมา
นางสูญเสียมือไปข้างหนึ่ง ตอนนี้จึงใส่มือปลอมเอาไว้ บนมือยังสวมถุงมือลูกไม้สีดำ
แขนเสื้อของนางเลื่อนไหลลงมาเปิดเผยเรียวแขนที่ขาวละเอียด บนข้อมือสะอาดสะอ้านไร้รอยตำหนิ แต้มพรหมจรรย์ที่สมควรจะมีอยู่เลือนหายไปเนิ่นนานแล้ว
ครั้งแรกนั้น คือวันที่นางพ้นวัยเด็กก้าวสู่วัยสาว ก็เป็นฝ่ายมอบกายถวายให้กับพี่ชาย
นางชอบพี่ชาย ชอบมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ชอบอย่างสุดจิตสุดใจ!
พระบิดา และพระมารดาไม่ค่อยมีพระทัยต่อกัน ตั้งแต่เล็กๆก็ไม่มีผู้ใดสนใจใยดีนาง ตั้งแต่นางยังเป็นเพียงไข่มังกรใบหนึ่งก็มีแต่พี่ชายเท่านั้นที่คอยดูแลเอาใจใส่
พี่ชายเป็นทั้งบิดาและมารดา เลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ โลกของนางก็คือพี่ชาย
พี่ชายคือท้องฟ้าของนาง คือพื้นดินของนาง
นางยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อพี่ชาย
ตลอดหลายปีมานี้ นางกับพี่ชายก็รักษาสถานะต่อกันเช่นนี้มาตลอด…..เพราะนางเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา ดังนั้นนางชั่วชีวิตนี้จึงไม่อาจแต่งเป็นภรรยาของเขาได้
ยิ่งไม่อาจคลอดบุตรให้กับเขา
แต่ว่านั่นก็ไม่เป็นไร….ขอเพียงในใจของพี่ชายมีนางเป็นสตรีที่สำคัญที่สุดก็เพียงพอแล้ว
ดูสิ หลายปีมานี้ ที่เขาไม่เคยแต่งตั้งไท่จื่อเฟย ก็เพราะว่าในใจของเขา ไท่จื่อเฟยของเขาก็คือนาง
ดังนั้นเขาจึงรับแต่อนุ ไม่แต่งตั้งสนม
แม้แต่เหล่าอนุของเขา….แต่ละคนต่างก็ต้องผ่านสายตาของนางก่อนจึงจะได้เข้าวังมา
หลายปีมานี้ พี่ชายรับอนุมาแล้วสองร้อยกว่าคน แต่ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ในตอนนี้กลับมีไม่ถึงสิบคน
พวกที่ตายๆไปนั้น บางก็เป็นเพราะว่าคลอดบุตรยาก บ้างก็ตายเพราะทำให้พี่ชายไม่พอพระทัย แต่ส่วนมากแล้วจะตายด้วยฝีมือของนางเอง
ใครใช้ให้พวกมันไม่รู้จักส่องดูตัวเอง คิดว่าเป็นอนุของไท่จื่อแล้ว จะสามารถปีนป่ายขึ้นมาได้หรือ?
ไม่รู้หรือว่า ทุกคืนใครจะได้ถวายตัวให้พี่ชายนั้น ต้องให้นางอนุญาตก่อน?
พวกที่ไม่รู้จักเชื่อฟัง พวกที่คิดเหิมเกริมไปไกลเหล่านั้น สุดท้ายย่อมถูกนางโยนทิ้งลงไปในหุบเหวไร้ก้นน่ะสิ…. พี่ชายเองก็ทราบ ทั้งยังชมว่านางทำได้ดี
พวกสตรีโลภมากที่ปรารถนาในสิ่งที่มิใช่ของนาง สมควรตายอย่างไร้ที่กลบฝัง
พอได้ฟังเยี่ยเฉินพูดเช่นนั้นออกมา เยี่ยอิงก็พอใจอย่างที่สุด
นางยื่นมือออกไป โอบรอบคอของเยี่ยเฉินเอาไว้ ประทับริมฝีปากแดงใกล้กลีบปากล่างของเขา เอ่ยว่า “เสี่ยวอิงก็ชอบพี่ชายที่สุดแล้ว”
เยี่ยเฉินก้มศีรษะลงมามองนาง ยิ่งทีก็ยิ่งรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้เหมือนกับดวงตาของตู๋กูซิงหลัน
และเพราะเขาเอาแต่เฝ้าครุ่นคิดคะนึงหามาหลายวัน …..จึงยิ่งรู้สึกว่าใบหน้าของเยี่ยอิงกับตู๋กูซิงหลันนั้นยิ่งคล้ายคลึงกันขึ้นมา
ชั่วขณะหนึ่ง เขาเหมือนกับว่าได้เห็นตู๋กูซิงหลันอย่างไรอย่างนั้น
หัวใจของเขาไหววูบ จูบลงไปอย่างดื่มด่ำในทันที ทั้งยังครอบครองนางอย่างหลงใหล
“ซิงหลัน….ซิงหลัน….” ขณะที่ถลำลึกลงไปในรสเสน่หา เขาก็เอ่ยชื่อของตู๋กูซิงหลันออกมา
………………………………………….
ไรท์: เฮ้ย! พระ-นางัยงไม่ทันได้กัน คู่นี้ชิงนำไปไกลแล้วววว
ตอนต่อไป “ โกรธเกรี้ยว”