ตอนที่ 173 ความจริงที่สายไป
โต้วเหนียงเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อถูกหย่งชังปั๋วถาม
“พูดออกมาสิว่าข้าโกหกหลอกลวงเจ้าอย่างไรกันแน่” เส้นเลือดผุดขึ้นมาบนหน้าผากหย่งชังปั๋ว สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
โต้วเหนียงมองหย่งชังปั๋วที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วยความเหลือเชื่อ ความโกรธแค้นในตาแทบจะทะลักออกมา “ทำไมถึงมีคนไร้ยางอายอย่างเจ้าเช่นนี้! ตอนนั้นเจ้าบอกว่าถูกใจข้า ข้าถึง…ข้าถึงได้มอบตัวข้าให้กับเจ้า…”
ลมพัดโชยมา ใบไม้ที่ร่วงหล่นตามลานปลิวผ่านเท้าของผู้คนมากมาย
ฝูงชนต่างก้มหน้าลง ไม่กล้าแสดงความผิดปกติใดๆ ออกมา
เซี่ยชิงเหยาส่ายหน้าไม่หยุด “ไม่จริง ไม่จริง พ่อข้าไม่ใช่คนแบบนี้!”
เซี่ยอินโหลวยื่นมือออกไปวางลงที่หัวไหล่ของเซี่ยชิงเหยา เพื่อเป็นการปลอบนาง
“นายท่านในเมื่อรู้แล้วว่าโต้วเหนียงเป็นฆาตกร ไม่ต้องฟังนางพูดจาเหลวไหลทำลายชื่อเสียงของท่านหรอก ส่งนางให้ทางการลงโทษสถานหนักเถอะขอรับ” พ่อบ้านเข้าไปใกล้หย่งชังปั๋วแล้วกระซิบพูดเกลี้ยกล่อม
หย่งชังปั๋วยกมือขัด พูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่ วันนี้ข้าจะต้องถามให้รู้เรื่อง! โต้วเหนียง เจ้าบอกว่าข้าพูดกับเจ้าว่าข้าชอบเจ้า แล้วทำไมข้าถึงจำไม่ได้เลย”
ความจำของเขาแย่จนถึงขั้นนี้เชียวหรือ แม้จะพยายามคิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ออกว่าไปใกล้ชิดกับโต้วเหนียงตั้งแต่เมื่อไหร่
ตั้งแต่แต่งงานมาจนถึงตอนนี้ นอกจากฮูหยินแล้วก็มีสาวใช้อุ่นเตียงอีกสองคน ซึ่งฮูหยินป็นคนจัดการทั้งนั้น
โต้วเหนียงแค่นเสียงหัวเราะออกมา “ท่านเป็นถึงนายท่านปั๋วที่สูงศักดิ์ จะมาจำสาวรับใช้ผู้ต้อยต่ำที่ร่วมหลับนอนด้วยเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้อย่างไรกันเล่า!”
“พอสักที!” หย่งชังปั๋วตะเบ็งเสียงลั่นอย่างสุดจะทน “โต้วเหนียง เจ้ากล้าสาบานต่อหน้าฟ้าดินหรือไม่ว่าข้าเป็นคนพูดคำพูดพวกนี้ออกมาจากปากของข้าเอง”
โต้วเหนียงยกมือขึ้นข้างหนึ่ง “ข้าขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน…”
พูดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ ก็ชะงักไป สีหน้าย่ำแย่ขึ้นมาทันที
“ทำไมถึงไม่พูดต่อล่ะ” หย่งชังปั๋วกัดฟันถาม
คงเป็นเวรกรรมของเขาจริงๆ ทำไมถึงต้องมาเจอกับหญิงสาวสติฟั่นเฟือนเช่นนี้!
ภายใต้สถานการณ์ที่หย่งชังปั๋วกำลังคะยั้นคะยอเอาคำตอบ โต้วเหนียงถอนหายใจออกมา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น “ท่านไม่ได้เป็นคนพูดกับข้าเอง แต่ท่านสั่งคนมาบอกข้า”
หย่งชังปั๋วรู้สึกว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าสติฟั่นเฟือนยิ่งกว่าเดิมอีก “ผู้ใดกัน นี่เจ้ากุเรื่องขึ้นมาโดยไม่มีหลักฐานแล้วมาใส่ความข้าหรือ ”
“ข้าไม่ได้กุเรื่องนะ!” โต้วเหนียงเอะอะโวยวายเสียงดังราวกับกำลังตื่นตระหนก นางกวาดสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดลงกะทันหัน จากนั้นก็ชี้ออกไปพลางพูดขึ้น “ในปีนั้นท่านให้เขาไปบอกข้า และเรื่องหลังจากนั้นเขาก็เป็นคนจัดการทั้งหมด!”
ฝูงชนหันไปมองตามที่โต้วเหนียงชี้ออกไป ต่างก็อดตกใจไม่ได้ มีคนจำนวนไม่น้อยพูดโพล่งออกมา “พ่อบ้านงั้นหรือ”
คนที่โต้วเหนียงชี้ก็คือ หัวหน้าพ่อบ้านของจวนปั๋ว
พ่อบ้านเป็นคนสนิทของหย่งชังปั๋ว คอยติดตามเป็นธุระอยู่เคียงข้างหย่งชังปั๋วมาสิบกว่าปีแล้ว
“เจ้า เจ้าพูดบ้าอะไร!” พ่อบ้านสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สายตาก็ดูลุกลี้ลุกลน
หย่งชังปั๋วหยุดมองที่เขา ขมวดคิ้วแน่น “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“นายท่านปั๋ว ท่านอย่าไปฟังนังบ้าคนนี้พูดจาเหลวไหลเลยขอรับ…”
หย่งชังปั๋วถีบเข้ากลางอกพ่อบ้าน ทำให้พ่อบ้านล้มลงบนพื้น จากนั้นตะโกนดังลั่น “นี่พวกเจ้าทุกคนเห็นข้าเป็นคนโง่รึ ได้! พ่อบ้านหลิว นับจำนวนคนในครอบครัวของพ่อบ้านหลี่ว่ามีเท่าไหร่ จากนั้นก็ขายออกไปให้หมด และอย่าได้ให้เงินพวกเขาแม้แต่แดงเดียว!”
แม้พ่อบ้านหลี่จะติดตามเขามานานหลายปี ทว่าการที่โดนหญิงสาวสติฟั่นเฟือนคนหนึ่งมากล่าวหาว่าร้าย แถมยังทำให้ภรรยาต้องพัวพันจนถึงแก่ชีวิตอีก ตอนนี้ความอดทนของหย่งชังปั๋วไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
เขาเพียงแค่ต้องการรู้ความจริง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี!
พ่อบ้านหลิวที่หย่งชังปั๋วเรียกคือพ่อบ้านรองในจวน หลายปีที่ผ่านมาเขายอมอยู่ภายใต้อำนาจของพ่อบ้านหลี่มาโดยตลอด เวลานี้พอได้ยินคำสั่งจึงรีบขานรับเสียงดัง “ขอรับ!”
พ่อบ้านหลิวเดินมาตรงหน้าพ่อบ้านหลี่ ปรายตาก้มลงมองพ่อบ้านที่นั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับยิ้มมุมปากขึ้น “เชิญขอรับพ่อบ้านหลี่”
เขามีลางสังหรณ์ว่าหลังจากเรื่องนี้จบลง พ่อบ้านหลี่ที่มีอำนาจข่มเขามานานหลายปีจะต้องจบเห่แน่ๆ ในที่สุดเขาก็จะได้หลุดพ้นสักที
พ่อบ้านหลิวที่กำลังได้ใจ ทำให้พ่อบ้านหลี่ใจอ่อนยวบลงทันที เขายื่นมือออกไปคว้าชายเสื้อของหย่งชังปั๋ว “นายท่านปั๋ว ข้าน้อยหลงผิดไปเอง เห็นแก่ที่ข้าน้อยรับใช้ท่านมานานหลายปี ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ!”
พ่อบ้านหลี่พูดไปพลางเอามือตบปากตัวเองไปมา ไม่นานแก้มทั้งสองข้างก็เกิดสีแดงก่ำขึ้น เห็นได้ชัดเลยว่าเขาตบแรงมาก
หย่งชังปั๋วหลงเหลือความสงบอยู่เพียงน้อยนิด ทว่าทั่วทั้งร่างเขากลับแข็งทื่อ ใครเห็นต่างก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
“ข้าไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระพวกนี้ ข้าอยากรู้ว่าปีนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
พ่อบ้านหลี่เข้าใจนิสัยของหย่งชังปั๋วดี เห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็รู้เลยว่าสถานการณ์มันเลวร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้แล้ว จึงพูดเสียงสั่นออกไป “ในปีนั้น…ในปีนั้นฮูหยินกำลังตั้งครรภ์ และต้องการเลือกสาวใช้อุ่นเตียงให้นายท่านปั๋ว ที่จวนมีสาวรับใช้จำนวนหนึ่ง อาวานคือหนึ่งในนั้น ซึ่งก็คือโต้วเหนียงนั่นเอง อาวานหน้าตาสะสวย ข้าน้อยถูกใจนางตั้งแต่แรกเห็น แต่ข้ารู้อาวานเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่มีทางยอมเป็นภรรยาของข้าน้อยแน่นอน ข้าจึงไม่เคยได้รับความสนใจจากนาง ตอนนั้นอาวานมาขอความช่วยเหลือจากข้า ข้าน้อยรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสดี เลยโกหกนางไปว่านายท่านปั๋วถูกใจนาง แล้วสั่งให้นางไปรอที่เพิงดอกไม้ในสวนยามฟ้ามืด อาวานก็เชื่อสนิทใจ นางไปที่นั่นตามเวลานัด ในเพิงดอกไม้มีผลไม้กับน้ำชาวางอยู่บนโต๊ะ ตัวข้าน้อยหลบอยู่ในที่มืดคอยมองอาวานอยู่นาน เนื่องจากความเบื่อหน่ายและความตื่นเต้น หลังจากที่ดื่มชาที่ผสมยาสลบ นางก็หลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นข้าน้อยก็เลย…”
ไม่ต้องบอกว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็รู้ได้ทันที
“หลังจากเสร็จกิจ ข้าน้อยก็ได้ทิ้งกำไลทองคำไว้ให้อาวานหนึ่งอัน เดิมคิดว่าพอตื่นมานางคงไม่กล้าแพร่งพรายออกไป อีกอย่างได้กำไลทองคำไปตั้งหนึ่งชิ้นก็ไม่นับว่าเสียหายอะไรแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่านางจะสั่งให้ข้าไปไต่ถามเรื่องในคืนนั้นอีก ข้าน้อยกลัวว่านางจะก่อความวุ่นวาย จึงโกหกนางออกไปว่านายท่านปั๋วเป็นคนทิ้งกำไลไว้ แถมนายท่านปั๋วยังรับปากด้วยว่ากลับไปจะไปคุยกับฮูหยินให้รับนางเข้ามา” พ่อบ้านมองไปที่อาวานด้วยสายตาอาฆาต “ต่อมาฮูหยินประกาศผลการคัดเลือกสาวใช้อุ่นเตียงเป็นชุนเหมย อาวานจึงกลับมาถามข้าน้อยอีก ข้าน้อยจึงพูดเฉไฉไปว่าถึงนายท่านปั๋วจะถูกใจนาง แต่ฮูหยินไม่เห็นด้วย ให้นางอดทนรอไปอีกตั้งสองปี แต่ไม่นึกเลยว่าอาวานจะอดใจรอไม่ไหว เข้าไปถกเถียงกับฮูหยินโดยตรง…”
สาวรับใช้ที่เขาได้มาตอนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่อาวานผู้เดียว ยังมีอีกตั้งหลายคน แต่ไม่มีผู้ใดเหมือนอาวานที่โกหกไปแล้วก็ยังสลัดไม่หลุด ทำได้เพียงแต่ต้องโกหกต่อไปเรื่อยๆ โชคดีฮูหยินได้ยินเรื่องที่อาวานพูดแล้วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา จึงสั่งให้คนไล่อาวานออกไป ส่วนนายท่านปั๋วก็ไม่ได้สนใจเอาความอาวาน ชีวิตในแต่ละวันของเขาจึงกลับมาสงบลง
“ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าน้อยเอง คิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ถึงเลยว่าผ่านมาสิบกว่าปีอาวานจะเข้ามาทำร้ายฮูหยินในฐานะโต้วเหนียง นายท่านปั๋วไว้ชีวิตอันไร้ค่าของข้าน้อยคนนี้ด้วยเถิด ปีนั้นข้าน้อยหลงผิดไปแล้วจริงๆ…” พ่อบ้านหลี่รู้ตัวว่าไม่อาจให้อภัยได้ จึงเอาหัวโขกพื้นหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
โต้วเหนียงพุ่งพรวดเข้ามาตรงหน้าพ่อบ้าน สองมือคว้าปกเสื้อเขาไว้แน่น “นี่เจ้าพูดจริงรึ”
เห็นได้ชัดว่านางรับความจริงที่กระจ่างแจ้งขึ้นมาอย่างกะทันหันไม่ได้ ดวงตาแดงก่ำฉายแววบ้าคลั่งออกมา มือก็ออกแรงมากยิ่งขึ้น “พูดออกมาสิ เจ้าโกหกข้าใช่หรือไม่”
ถ้าหากว่านี่คือเรื่องจริง การแก้แค้นคงนางก็ไร้ซึ่งความหมาย คนที่ทำร้ายนางจริงๆ ยังคงลอยนวลอยู่ตรงหน้านาง
นางจะฆ่าไอ้สารเลวผู้นี้
“แค่ก แค่ก แค่ก หยุดนะ นังบ้า…” พ่อบ้านหลี่ออกแรงผลักโต้วเหนียงออกไป
“พอได้แล้ว!” หย่งชังปั๋วมองไปที่เจินซื่อเฉิงด้วยสีหน้าอิดโรย “ ใต้เท้าเจินเชิญนำตัวสองคนนี้ออกไปเถอะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกเขาอีกแม้แต่วินาทีเดียว!”
หย่งชังปั๋วน้ำตาไหลอาบแก้มออกมาเป็นสายอย่างเงียบๆ มันไหลลงผ่านริมฝีปาก รู้สึกเจ็บปวดใจมาก
เขาทำผิดอะไร ถึงได้ถูกหญิงแปลกประหลาดมุ่งหวังจะแก้แค้น และภรรยาของเขาผิดอะไร ถึงได้ตายไปโดยไม่ได้ทำอะไรผิด
หากว่าเขาดูคนเก่ง คงไม่มีคนเช่นพ่อบ้านหลี่มาอยู่ข้างกายจนได้เกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ขึ้น หากว่าเขาปฏิเสธข้อเสนอให้ฮูหยินเป็นผู้เลือกสาวใช้อุ่นเตียงตั้งแต่แรก เรื่องพวกนี้…
แต่ถึงอย่างไรบนโลกนี้ก็ไม่มี ‘หากว่า’ มากขนาดนั้นหรอก
หย่งชังปั๋วยกมือขึ้นมากุมหน้าอกไว้ จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา จากนั้นก็ล้มลงไปทันที