ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 460 จีเฉวียน หากว่าท่านตาย…..ข้าจะ….

ตอนที่ 460 จีเฉวียน หากว่าท่านตาย.....ข้าจะ....

ในขณะที่หวาชางสุ่ยหลั่งเลือดทั่วตัว ประโยคสุดท้ายนั้นก็ดังเข้าสู่หูของผู้คนทั้งหมด

 

 

พวกเขาได้เห็นกับตาของตนเองว่าฮ่องเต้ชาวมนุษย์ผู้นั้นระเบิดศีรษะขององค์ราชินีออกไป?!

 

 

หูก็ได้ยินเสียงของพระองค์ที่ตรัสอย่างอหังการว่าจะปกป้องคนรัก!

 

 

เยี่ยเฉินตาค้างไปแล้ว เขาเห็นมารดาของตนเองถูกระเบิดศีรษะออกไป! สมองกระจัดกระจายออกมากระเด็นใส่ใบหน้าของเขาอย่างเต็มที่!

 

 

เขารู้สึกว่าตนเองกำลังตกอยู่ในความฝัน!

 

 

นี่ จะเป็นไปได้อย่างไร?

 

 

ถึงแม้ว่าหลายปีก่อนพระมารดาจะถูกพระบิดาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่ว่าแก่นแท้ภายในก็ยังเป็นทวยเทพจากสวรรค์ นี่มันกลับสามารถ?

 

 

มันคือผู้ใดกันแน่? เยี่ยเฉินอดไม่ได้ที่จะมองดูใหม่อีกครั้ง!

 

 

ทันทีที่เขาหันไปมอง ก็สบตาเข้ากับดวงเนตรของจีเฉวียนเข้าพอดี แววตากระหายเลือด!

 

 

ทั้งยังเป็นแววตากระหายเลือดที่โหดเ**้ยมและเข้มข้นยิ่งกว่าตู๋กูเจวี๋ยที่ระเบิดพลังกระหายเลือดออกมาเสียอีก!

 

 

จีเฉวียนยกดาบดำทองที่อาบไปด้วยเลือดและเศษสมองขึ้นมาชี้ไปทางเยี่ยเฉิน ตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างที่สุดว่า “ถึงตาเจ้าแล้ว!”

 

 

หากบอกว่าที่ฆ่าหวาชางสุ่ยก็เพราะว่านางคือคู่แค้นของซิงซิง ดาบนี้ที่ชี้ใส่เยี่ยเฉินก็เป็นเพราะเหตุผลส่วนตัวแท้ๆ

 

 

ไอ้ตัวบัดซบผู้นี้กล้ามาพัวพันซิงซิง คิดจะจับนางไปเป็นอนุ?

 

 

กับเยี่ยเฉินแล้ว ฮ่องเต้ทรงคิดจะสับมันเป็นแปดชิ้นตั้งแต่แรกแล้ว!

 

 

จีเฉวียนพึ่งตรัสออกไป ก็เห็นว่าอสุรกายโลกันตร์ที่เดิมปะทะกับ ‘เสี่ยวจู๋จู๋’ หันหัวมาทางนี้ มันกระพือปีกออก สร้างกำแพงไฟขึ้น มองมาด้วยดวงตาเปล่งประกาย

 

 

เดี๋ยวก่อน มันได้กลิ่นของอะไรบางอย่าง?

 

 

กลิ่นเลือดของชาวสวรรค์!

 

 

ที่แท้ก็มีชาวสวรรค์ตกลงมาอยู่ที่นี่? หืม…แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่ชาวสวรรค์ที่เป็นสายเลือดบริสุทธิ์?

 

 

แต่จะสนใจไยให้มากความ ขอเพียงได้ลิ้มรส กินลงไปสักหน่อย จะอย่างไรก็ไม่ใช่ปัญหา!

 

 

พอมันกวาดตามองมา ก็เห็นร่างของหวาชางสุ่ยล้มลงอยู่ในกองเลือด นางเหมือนกับว่าจะยังไม่ได้ตายสนิท มือข้างหนึ่งของนางยังกุมพัดวายุเอาไว้แน่น สมองนั้นถูกระเบิดจนดูไม่ได้ไปแล้ว

 

 

แต่ว่าริมฝีปากของนางยังคงขยับขมุบขมิบขึ้นลง

 

 

คาถาสังเวย!

 

 

นางมอบสิ่งสุดท้ายในชีวิตเป็นเครื่องสังเวยให้กับอสุรกายโลกันตร์!

 

 

ต่อให้ตนเองต้องตายก็ไม่ขอให้พวกเดรัจฉานน้อยนั่นได้ประโยชน์ใดไปง่ายๆ!

 

 

อสุรกายโลกันตร์ได้ยินคาถาสังเวยนั่นของนางเข้า จึงพุ่งมาทางนี้อย่างคุ้มคลั่ง

 

 

ดวงตาทุกคู่ของมันเต็มไปด้วยประกายแห่งความหิวกระหาย กรงเล็บที่แหลมคมทั้งคู่ ตะปบลงไปบนพื้นดินจนแตกระแหงออกมา กลายเป็นรอยแยกยาวนับร้อยเมตร มันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

 

ศีรษะทั้งสามนั้นมองตรงมา ทันทีที่มองเห็หวาชางสุ่ยที่ตายไปแล้ว ก็ตะปบกรงเล็บลงไปคว้าร่างของนางกลืนลงไปในปากของศีรษะมังกร ขบเคี้ยวเสียงดังกร้วมกร้าม!

 

 

หันจากนั้นก็เรอออกมาครั้งหนึ่ง ค่อยถุยพัดวายุที่เคยอยู่ในมือของนางออกมา

 

 

ร่างของหวาชางสุ่ยไม่อาจรอดพ้นจากความตาย แต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นว่า ขณะที่ร่างถูกอสุรกายโลกันตร์กลืนกินลงไปนั้น แสงสีขาวเงินกลุ่มหนึ่งหลุดออกมาจากร่างของนาง ลอยไปเกาะอยู่บนร่างของเยี่ยเฉิน

 

 

ตอนแรกเยี่ยเฉินยังคิดจะต่อสู้จนตัวตาย แต่ว่าตอนนี้เขาพลันได้สติขึ้นมา

 

 

ดวงวิญญาณของพระมารดายังคงอยู่! เช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่!

 

 

“เฉินเอ๋อร์ เก็บพัดวายุเอาไว้ แล้วรีบหนีไปจากที่นี่!” วิญญาณของหวาชางสุ่ยเกาะอยู่บนร่างของเยี่ยเฉิน ออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

 

 

เยี่ยเฉินขยับร่างเพียงชั่วพริบตา ถอยออกไปไกลอีกหลายร้อยเมตร

 

 

เขาพึ่งจะหลบออกไป ก็เห็นอสุรกายโลกันตร์ยกกรงเล็บขึ้น ตะปบลงมาพร้อมกับส่งเสียงคำรามใส่ร่างของจีเฉวียน

 

 

เมื่อเป็นเครื่องสังเวย ก็คือยอมมอบชีวิตและเลือดเนื้อของตนเองให้แก่อสุรกายโลกันตร์ ในทางกลับกันอสุรกายโลกันตร์จะช่วยสังหารคนผู้หนึ่งให้ หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต!

 

 

หวาชางสุ่ยย่อมต้องหวังให้จีเฉวียนตายอย่างอนาถ บุรุษผู้นี้อันตรายเกินไป ทั้งยังยึดมั่นดื้อดึง เพื่อนังแพศยาน้อยนั่นแล้ว เขากลับไม่เสียดายแม้แต่ชีวิตของตนเอง

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ นางยิ่งมุ่งหวังให้ตู๋กูซิงหลันตายไปเสีย!

 

 

หากตู๋กูซิงหลันตายไปแล้ว บุุรุษผู้นั้นย่อมไม่คิดอยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีอสุรกายโลกันตร์ก็เกลียดชังคนทั้งสองอยู่แล้ว

 

 

พอกลืนกินร่างของหวาชางสุ่ยลงไป เปลวไฟบนร่างของอสุรกายโลกันตร์ก็ยิ่งเปล่งประกายสีทองขึ้นมาอีกหลายส่วน มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกมากมาย!

 

 

ในชั่วเวลาสั้นๆ ร่างเนื้อของเทพบนสวรรค์ทำให้มันสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งขึ้นไปได้อีก!

 

 

มันกระพือปีกด้วยความยินดีปรีดา ทุบทำลายพื้นดินของก้นทะเลลึกอย่างคึกคะนอง

 

 

มันกระทืบพื้นดินตรงที่จีเฉวียนอยู่จนกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ในครั้งเดียว จากนั้นก็หันร่างไปหาตู๋กูซิงหลัน

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นมันเหยียบจีเฉวียนจนจมมิดหายไป หัวใจของนางก็กระตุกขึ้นมา ขณะที่อสุรกายโลกันตร์กำลังพุ่งมาทางนี้นั้น นางก็กุมดาบยักษ์ทะยานออกไปเช่นกัน

 

 

ครั้งนี้ แม้แต่เส้นผมสีทองของเสี่ยวจู๋จู๋ก็ยังคว้าเอาไว้ไม่ทัน

 

 

ร่างที่เล็กบางของนางทะลวงออกจากกำแพงน้ำแข็งราวกับลูกกระสุน พุ่งไปยังเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บนศีรษะด้านซ้ายของอสุรกายโลกันตร์

 

 

ร่างกายของอสุรกายโลกันตร์ยังร้อนแรงเสียยิ่งกว่าความร้อนของลาวา เมื่อครู่ตอนที่ยังไม่ได้เข้าใกล้ ปลายผมของนางยังถูกเผาจนไหม้เกรียมไปแล้ว

 

 

ตอนนี้กลับยืนอยู่บนศีรษะของมัน เสื้อผ้าของตู๋กูซิงหลันแทบจะลุกเป็นไฟขึ้นมา

 

 

บนร่างของนางแผ่กระจายรัศมีสีดำเงินออกมาอย่างรวดเร็ว ผลักดันความร้อนที่รุนแรงเหล่านั้นออกไปด้านนอกอย่างกินแรง

 

 

นางยืนอยู่บนศีรษะของมันมองไปยังด้านหลัง ก็เห็นหลุมที่มันพึ่งจะกระทืบลงไปเมื่อครู่กลายเป็นกองเพลิงไปแล้ว พื้นดินระเบิดออกมาจนไม่อาจมองเห็นร่างของจีเฉวียนได้เลย

 

 

“ฮ่องเต้สุนัข!” ตู๋กูซิงหลันควงดาบยักษ์ในมือ เปล่งเสียงออกไปด้วยพลังวิญญาณ พลังเสียงรุนแรงจนทำให้คนหูดับได้

 

 

เหล่าคนที่เหลือรอดอยู่ล้วนหลบอยู่ในที่ห่างไกลออกไป พวกเขาต่างก็คิดว่าตู๋กูซิงหลันเสียสติไปแล้ว……

 

 

ถูกอสุรกายโลกันตร์กระทืบลงไปเช่นนั้น ต่อให้เป็ภูเขายังต้องพังทะลายลงมา อย่าว่าแต่คนผู้หนึ่งจะเหลือรอดได้อย่างไร?

 

 

เกรงงว่าคงจะกลายเป็นเนื้อแผ่นไปเสียแต่แรกแล้ว…..ไม่สิ แม้นแต่เศษเนื้อก็คงจะไม่เหลือ นางยังจะร้องเรียกหาอะไร?

 

 

โดนเข้าไปเช่นนั้นยังจะรอดอีกหรือ?

 

 

ตู๋กูซิงหลันลงไปยืนอยู่บนแผ่นหลังของอสุรกายโลกันตร์ ตะโกนเรียกติดต่อกันอยู่เจ็ดแปดครั้ง อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขานรับกลับมา

 

 

อสุรกายโลกันตร์ย่อมไม่ยอมให้นางมาวิ่งเล่นอยู่บนหัวของมัน ……หัวของมันอีกสองหัวจึงพุ่งเข้ามาไล่งับนางอย่างวุ่นวาย

 

 

ตู๋กูซิงหลันพลิกร่างหลบ เลี่ยงหนีด้วยฝีเท้าที่ซับซ้อน หัวมังกรทั้งสองนั้นจึงไม่อาจสัมผัสถูกนางแม้แต่น้อย

 

 

นางถือดาบยักษ์เอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่หัวมังกรหัวหนึ่งพุ่งเข้ามากัด นางก็วาดดาบออกไป

 

 

ในตอนนั้นเองมังกรสีเงินขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากดาบยักษ์ มังกรยักษ์สีเงินร้องคำรามพุ่งผ่านหัวมังกรของอสุรกายโลกันตร์ออกไป

 

 

หัวมังกรของอสุรกายโลกันตร์ส่งเสียงร้องคำรามที่สั่นสะเทือนฟ้าดินออกมาในทันที

 

 

ดวงตาข้างหนึ่งของมันถูกทะลวงจนทะลุไปแล้ว เลือดมากมายไหลรินออกมา

 

 

“โฮก!” อสุรกายโลกันตร์สะบัดปีกอย่างบ้าคลั่ง หางที่ใหญ่โตของมันสะบัดไปมาไม่ยอมหยุด ทุบทำลายพื้นดินรอบด้านจนพังพินาศ

 

 

ขณะที่ตู๋กูซิงหลันเหาะออกไปอยู่กลางอากาศ มองออกไปยังจุดที่จีเฉวียนหายตัวไป

 

 

มือที่กุบดาบยักษ์เอาไว้ชื้นไปด้วยเหงื่อ อุ่นจนร้อน!

 

 

พอคิดว่าจีเฉวียนอาจจะถูกอสุรกายโลกันตร์กระทืบตายไปแล้ว หัวใจของนางก็ต้องวูบโหวง ความเจ็บปวดที่ไม่อาจบ่งบอกออกมาได้ทะลักล้นขึ้นมาในทันที

 

 

หัวใจของนางทุกข์ทรมานเหมือนจะแตกสลายกลายเป็นเสี่ยงๆ !

 

 

“จีเฉวียน หากว่าท่านตายละก็ ……ข้า….”

 

 

นางทางหนึ่งหลบหลีกการจู่โจมของอสุรกายโลกันตร์ ทางหนึ่งมองไปทางหลุมลึก น้ำเสียงสั่นน้อยๆ

 

 

เสียงของนางพึ่งขาดหาย ก็เห็นในหลุมลึกนั้นมีหมอกสีดำมากมายพวยพุ่งขึ้นมา เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นว่า “เจ้าจะทำไม?”

 

 

 

 

 

 

…………………………….

 

 

ตอนต่อไป “กุมมือกัน”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท