หลังจากออกมาจากจวนจูแล้ว เจียงซื่อก็เอาแต่ครุ่นคิดเพียงลำพัง
ในชาติที่แล้ว พี่สาวคนโตของนางเคยพูดว่าไม่น่าช่วยชีวิตฉิงเอ๋อร์เอาไว้เลย แสดงให้เห็นว่าสาเหตุที่พี่สาวของนางต้องพบจุดจบด้วยสาเหตุการคบชู้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับฉิงเอ๋อร์อย่างแน่นอน
ทั้งที่ฉิงเอ๋อร์เป็นสาวรับใช้ในเรือนของพี่สาวนางแท้ๆ…
มีฉิงเอ๋อร์หนึ่งคน และอวี่เอ๋อร์อีกหนึ่งคน หมากกระดานนี้คงใช้ประโยชน์จากการที่ทั้งคู่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ
แล้วหมากบนกระดานถูกวางไว้อย่างไรล่ะ
เจียงซื่อคิดจนปวดหัว จิตใจของนางมิได้อยู่บนรถม้า นางเพียงแต่นั่งอยู่ข้างอวี้จิ่นอย่างเหม่อลอย
อวี้จิ่นมองนางที่สติไม่อยู่กับตัวพลางคิดจะทักท้วง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้น
รถม้ากำลังมุ่งหน้าไปที่จวนเยี่ยนอ๋อง และอาซื่อก็กำลังจะกลับจวนไปพร้อมกับเขาด้วย เฮ้อ เขาเองก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อย
เจียงซื่อคว้าแขนเสื้อของอวี้จิ่นมาจับแทนผ้าเช็ดหน้าพลางปรารภขึ้นว่า “หากมีคนหน้าตาเหมือนกันสองคน สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดจะเป็นอย่างไรนะ”
อวี้จิ่นตอบรับ “แน่นอนว่าคงมีเรื่องสลับตัวกัน”
ดูเหมือนว่าเจียงซื่อจะติดใจกับคำว่า ‘สลับตัว’ เพราะเมื่อได้ยินคำนั้น สติของนางก็กลับมา มือของนางยังคงจับแขนเสื้อของเขาไว้ “เจ้าว่าอย่างไรนะ!”
อวี้จิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาดำขลับจับจ้องไปที่หญิงสาวด้วยความประหม่า
เขายังไม่ทันได้เอ่ยอะไร อาซื่อก็จะไล่เขาลงจากรถม้างั้นหรือ
เจียงซื่อค่อยๆ สงบลงพลางเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าสลับตัวกัน…”
อวี้จิ่นพลันโล่งใจ
ที่แท้ก็หมายถึงเรื่องนี้
เขามิได้คิดให้ยุ่งยาก เพียงแต่ส่งยิ้มพลางบอก “ก็ฝาแฝด หากมีคนหนึ่งทำผิดก็สามารถผลักความผิดนั้นให้อีกคนได้”
เหมือนเจียงซื่อจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบถามขึ้นโดยพลัน “แล้วหากคนอื่นไม่รู้ว่าพวกนางมีฝาแฝด?”
ราวกับว่ามีแสงแดดสาดส่องเข้ามาที่หมอกหนาทึบนั้น คล้ายว่าหากมีแสงจ้าขึ้นอีกหน่อยก็จะสามารถขับไล่เงาทะมึนนั้นได้จนหมดสิ้น
“หากเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งเข้าทาง เพราะเมื่ออีกคนทำความผิด ในช่วงเวลานั้นก็ให้อีกคนไปอยู่กับเขา เพราะอย่างไรเสียในสายตาคนนอกก็จะคิดว่าเป็นคนๆ เดียวกัน อีกคนจะช่วยสร้างหลักฐานว่านางมิได้อยู่ในที่เกิดเหตุได้อย่างสมบูรณ์แบบ…”
หมอกหนาทึบในหัวของเจียงซื่อหายวับไปในชั่วพริบตา
ฝาแฝดคู่หนึ่ง อีกคนช่วยสร้างหลักฐานว่าขณะนั้นมิได้อยู่ในที่เกิดเหตุงั้นหรือ แล้วในทางกลับกันล่ะ?
หากคนใดคนหนึ่งในฉิงเอ๋อร์และอวี่เอ๋อร์เป็นคนนำพาพี่สาวของนางไปสู่ปัญหาเรื่อง ‘การคบชู้’ ในขณะเดียวกัน อีกคนก็ไปปรากฏกายอยู่ต่อหน้าธารกำนัล เมื่อเรื่องพี่สาวของนาง ‘คบชู้’ แดงออกมาก็ไม่อาจโทษได้ว่าเป็นแผนของฉิงเอ๋อร์ นั่นทำให้พี่สาวหมดข้อแก้ตัวทันที
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว พี่สาวคนโตของนางจึงถูกลงโทษในฐานผิดประเวณี และถูกขอหย่าจนต้องระเห็จกลับไปอยู่บ้านตัวเอง
เมื่อเจียงซื่อรู้แจ้งเช่นนี้แล้ว นางก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อชาติที่แล้วพี่สาวคนโตของนางติดอยู่ในบ่วงเช่นใด แม้นางจะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่คิดจะตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้วหรือไม่ ทว่านางก็มั่นใจจากเก้าในสิบว่าสิ่งที่นางคิดไม่น่าจะผิดไปจากนี้
ส่วนจูจื่ออวี้…
เจียงซื่อสัมผัสได้ว่าหัวใจของนางกำลังถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็งในช่วงเดือนสิบสองอย่างไรอย่างนั้น
การที่ชายคนหนึ่งโหดร้ายกับภรรยาของตนเองได้ถึงขั้นนี้ ใจของเขาคงเคลือบไปด้วยพิษสงร้ายแรงเสียยิ่งกว่าพิษงูและแมงป่อง
สิบนิ้วของหญิงสาวบีบเข้าที่แขนเสื้อของอวี้จิ่น
นางปฏิญาณกับตนเองไว้ว่า นางจะไม่มีทางปล่อยจูจื่ออวี้ไปเด็ดขาด นางจะทำให้เขาได้ลิ้มรสชาติของชีวิตที่พังยับเยินให้จงได้
ชีวิตที่พังยับเยิน?
จู่ๆ เจียงซื่อก็นึกถึงฉังซิงโหวซื่อจื่อเฉาซิงอวี้
เฉาซิงอวี้ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต เขาจะถูกตัดหัวช่วงหลังฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งดูเหมือนว่าวันตัดสินโทษกำลังคืบใกล้เข้ามาแล้ว
เรื่องที่เฉาซิงอวี้จะถูกตัดหัวหรือไม่นั้น เจียงซื่อมิได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
นางเพียงแต่รับผิดชอบในส่วนที่เป็นการลากตัวคนชั่วจากเบื้องบนให้กลับมายังเบื้องล่างเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ นางไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องมาคิดให้ตนรู้สึกสะอิดสะเอียน
ทว่าเรื่องนี้ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เจียงซื่อ
นางสามารถลากปีศาจร้ายอย่างเฉาซิงอวี้ให้กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ นางก็น่าจะสามารถกระชากหน้ากากของคนหน้าซื่อใจคดอย่างจูจื่ออวี้ได้เช่นกัน
เมื่อคิดตกเรื่องกับดักที่เจียงอีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันได้แล้ว นางก็ค่อยๆ ใจเย็นลง
ในเมื่อจูจื่ออวี้มีความเกี่ยวข้องกับฝาแฝดคู่นั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หากหมากกระดานนั้นถูกเขี่ยออกเรื่องทั้งหมดก็คงง่ายขึ้นทันตา ขอแค่มีคนใดคนหนึ่งหายไป
หากพิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้ การกำจัดอวี่เอ๋อร์ที่อยู่ที่เรือนหลังนั้นน่าจะทำได้ง่ายที่สุด
แต่ดูเหมือนว่าเจียงซื่อมิได้ต้องการเช่นนั้น
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งอวี่เอ๋อร์และฉิงเอ๋อร์ต่างก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดาน สุดท้ายกุญแจสำคัญที่สุดคือจูจื่ออวี้
ต่อให้นางขจัดสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้วได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นยังอยู่ข้างกายพี่สาวคนโตของนาง ยังมีวิธีอีกนับร้อยพันในการทำลายพี่สาว ฉะนั้นการกำจัดจูจื่ออวี้จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกจุดที่สุด
“อาซื่อ…” อวี้จิ่นทนเงียบไม่ไหวอีกต่อไป “หากเจ้ายังเคล้นคลึงอยู่อย่างนี้ แขนเสื้อของข้าคงขาดในไม่ช้า…”
เจียงซื่อเพิ่งรู้ตัวจึงค่อยๆ ถอนมือออกอย่างเขินอาย
อวี้จิ่นถามขึ้นว่า “เจ้าคงคิดออกแล้วใช่หรือไม่”
“อืม” เจียงซื่อพยักหน้า
ดวงตาเรียวยาวหรี่ลงพร้อมกับรอยยิ้ม “ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของข้า ควรมีรางวัลให้ข้าหน่อยจริงไหม”
เจียงซื่ออารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย เมื่อเห็นอวี้จิ่นพูดได้หน้าตาเฉยเช่นนั้น นางจึงหลุดหัวเราะ “มีสิเจ้าคะ”
“อะไรหรือ”
ริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาวประทับลงอย่างเชื่องช้า
อวี้จิ่นตะลึกงัน ในชั่วพริบตานั้น ความสุขอย่างท่วมท้นก็ห่อหุ้มตัวเขาเอาไว้ ชายหนุ่มปล่อยตัวจมดิ่งลงในความรู้สึกเช่นนั้นด้วยความเต็มใจ
ชายหนุ่มออกแรงดึงเจียงซื่อแล้วกดริมฝีปากซ้ำลงไปอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ร้อนแรงเสียยิ่งกว่าเปลวไฟ
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน เสียงลมหายใจถี่กระชั้นดังไปพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเพลาระหว่างที่ล้อหมุนเคลื่อนไปข้างหน้า
อวี้จิ่นเปิดม่านหน้าต่างขึ้น พลางสูดลมเย็นเข้าเต็มปอด
ใจเย็นไว้ก่อน ยิ่งเห็นเส้นชัยอยู่ใกล้แค่เอื้อมยิ่งต้องใจเย็นไว้ก่อน จะรีบร้อนไม่ได้…
เจียงซื่อจัดแจงอาภรณ์ให้เข้าที่เข้าทาง พยายามรวบรวมสติให้เป็นปกติที่สุด
เมื่ออวี้จิ่นเห็นท่าทีของหญิงสาวกลับไม่พอใจ
ตัวเขายังร้อนรุ่มดุจไฟสุมทรวงเช่นนี้ เหตุใดนางถึงได้นิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
อย่ามาแกล้งเขาเช่นนี้นะ!
“อาซื่อ” อวี้จิ่นเรียก
เจียงซื่อหันกลับมามอง
“เมื่อกี้เจ้าจูบข้า”
เจียงซื่อเลิกคิ้วทว่ามิได้ปฏิเสธ
“เริ่มก่อนเสียด้วย” อวี้จิ่นเอ่ยเน้น
เจียงซื่อทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ อวี้จิ่นก็ยิ่งร้อนใจ “อาซื่อ เจ้าจะไม่รับผิดชอบงั้นหรือ”
เจียงซื่อเอนตัวพิงผนังรถม้า ส่งยิ้มพลางเอ่ย “ไม่เจ้าค่ะ”
อวี้จิ่นเริ่มอารมณ์บูดบึ้ง
บอกปัดไม่รับผิดชอบหน้าตาเฉยเช่นนี้ นับวันนางยิ่งหน้าไม่อายใหญ่แล้ว
เถียงก็ไม่ชนะ จะสู้ก็ไม่ได้ เขาจึงได้แต่หลับตาด้วยท่าทางแสนงอน
เจียงซื่อพิศมองใบหน้าของชายหนุ่ม
นับวันเครื่องหน้าของชายหนุ่มยิ่งคมสันมากขึ้น เริ่มมีขนอ่อนๆ ขึ้นอยู่ที่คาง ยามที่หลับตาเช่นนี้แล้วยิ่งให้ความรู้สึกถึงเด็กน้อยอ่อนโยนแสนงุ่มง่าม
นับวันคนตรงหน้าก็ยิ่งคล้ายกับคนในความทรงจำของนาง
ในชาตินี้ เขาทั้งคู่มีโอกาสได้รู้จักกันเร็วขึ้นหนึ่งปีซึ่งต่างจากชาติที่แล้วสิ้นเชิง
หรือว่า…เขาทั้งคู่จะเริ่มต้นใหม่ได้?
ความคิดนั้นเกิดขึ้นราวกับเปลวเพลิงท่ามกลางสายลมหนาว เปราะบางทว่าล้ำค่า
เจียงซื่อรู้สึกร้อนในตา นางรู้สึกเอ่อล้นขึ้นภายในใจ
นางจะเริ่มต้นใหม่กับเขาได้จริงๆ งั้นหรือ หากนางต้องกลับเข้าไปในวังวนของราชวงศ์อีกครั้ง และต้องตายโดยไม่มีแม้แต่ที่จะฝังร่างอย่างในชาติที่แล้ว นางจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น?
น้ำหยดใสไหลไปที่หางตา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนธรรมดาเช่นนางรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย
จู่ๆ ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้น เขาดึงหญิงสาวที่ตาแดงก่ำมากอดไว้ในอ้อมแขน
เสียงของเพลาที่ล้อรถยังคงดังสม่ำเสมอ ทว่าหัวใจทั้งสองดวงหาเป็นเช่นนั้นไม่
อวี้จิ่นลูบเลือนผมที่ดำเงาของเจียงซื่อพลางถอนหายใจ “เอาเถอะ เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น อย่าร้องไห้เลยนะ”
เด็กคนนี้นี่…คิดว่าเขาหลับอยู่หรืออย่างไร
ที่แท้แล้วนางก็แอบดูเขาอยู่นี่เอง
หึๆ แอบดูเขาอยู่