เจียงซื่อไม่ได้หันหลังกลับไป แต่นางทราบว่านั่นคือเสียงของแม่บ้านจ้าว ป้าแม่บ้านเรือนใน
ทุกสิ่งอย่างของเรือนในไม่ว่าจะเป็นการจัดการเงินเบี้ยรายเดือน หรือตารางการทำงานล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ความดูแลของแม่บ้านจ้าวทั้งหมด จึงกล่าวได้ว่านอกจากจวนปั๋วจะเป็นผลงานของบรรดาเจ้านายแล้ว ก็เป็นผลงานของแม่บ้านจ้าวด้วยเช่นกัน
นางเป็นคนมีไหวพริบและหัวดี เพราะเจียงซื่อเคยได้ยินขณะที่นางสอนพวกสาวรับใช้
เจียงซื่อชะงักเล็กน้อย และหันไปหาแม่บ้านจ้าวพลางส่งยิ้มสดใส “จ้าวมาหม่ามิรู้จักข้าจริงๆ งั้นหรือ”
ดวงตาของนางพลันเบิกกว้างราวกับไฟตะเกียงท่ามกลางหิมะ นางพินิจพิศมองเจียงซื่ออีกครั้ง เลิกคิ้วพลางกล่าว “มิรู้จัก เจ้าทำอยู่ส่วนใด”
เด็กรับใช้นางนี้หน้าตาธรรมดาทั่วไป คลับคล้ายคลับคลาราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่เนื่องจากนางมีทักษะในการจำคนเป็นเลิศ หากคนผู้นั้นเคยผ่านตานางมาแล้ว ต่อให้มีใบหน้าธรรมดาเพียงใดก็ไม่อาจเล็ดลอดไปจากความทรงจำของนางได้
เจียงซื่อถอนหายใจในใจ
เล่นไปเดินริมน้ำออกบ่อยปานนั้น พื้นรองเท้าจtไม่เปียกได้อย่างไร นางไม่คิดมาก่อนว่า ไม่ทันไรก็ถูกจับได้เสียแล้ว เห็นทีคงต้องหาวิธีใหม่เสียแล้ว แต่แน่นอนว่านี่มิใช่เวลาจะมาขบคิดเรื่องนั้น เพราะการหนีรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าไปให้ได้สำคัญยิ่งกว่า
เจียงซื่อเชิดคางขึ้นพลางแย้มยิ้มหวานให้แม่บ้านจ้าว “มิรู้จักก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”
นางว่าจบก็รีบถลกชายกระโปรงสับเท้าวิ่งไปไวว่องราวกระต่ายอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งแม่บ้านจ้าวและนายประตูไม่นึกฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น จึงได้แต่ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น กว่าจะได้สติ สาวรับใช้นางนั้นก็วิ่งไปไกลจนไม่เห็นเงาแล้ว
แม่บ้านจ้าวโกรธขึ้ง รีบตะโกนสั่งให้คนไล่ตามไป บรรยากาศอึมครึมไร้ชีวิตชีวาในจวนตงผิงปั๋วคึกครื้นขึ้นทันตา แต่แม้ว่าจะค้นหาอย่างไรกลับหาตัวสาวรับใช้นางนั้นไม่พบ
ความเอิกเกริกนี้ดังก้องไปถึงหูของเฝิงเหล่าฮูหยิน
ภายในเรือนฉือซิน เฝิงเหล่าฮูหยินจ้องมองแม่บ้านจ้าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ความเดือดดาลปะทุออกมาทันทีที่อ้าปาก “แม่บ้านจ้าว นี่คือวิธีการดูแลเรือนของเจ้ารึ! ปล่อยให้บ่าวรับใช้ที่ไหนไม่รู้เข้าออกเรือนตามอำเภอใจ มิน่าหมู่นี้จวนปั๋วถึงได้เกิดเรื่องไม่เว้นวัน!”
แม่บ้านจ้าวรีบคุกเข่าขอโทษ “เหล่าฮูหยิน เป็นเพราะบ่าวบกพร่องในหน้าที่ บ่าวเองก็ไม่นึกว่าเหล่าหวังจะสะเพร่าปานนี้…”
เฝิงเหล่าฮูหยินถลึงตามองเหล่าหวังผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตู “เหล่าหวัง เจ้ารู้จักเด็กสาวรับใช้นางนั้น? เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นบ่าวรับใช้จากเรือนไหน”
นายประตูที่ตัวสั่นรีบคุกเข่าทันที ใบหน้าของเขาในยามนี้เสียศูนย์เหลือประมาณ “บ่าวก็ไม่ทราบขอรับ”
“ไม่ทราบ?” เฝิงเหล่าฮูหยินกระทุ้งไม้เท้าเสียงดัง “ไม่ทราบแล้วเจ้าปล่อยให้นางเข้าออกจวนครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร ในจวนนี้ไม่มีกฎเกณฑ์เลยหรืออย่างไร!”
นายประตูรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม “สาวรับใช้นางนั้นบอกกับข้าว่าต้องออกไปซื้อของ ให้ข้าอะลุ่มอล่วยให้นางสักครั้ง ข้าเองก็เห็นว่ามิใช่เรื่องใหญ่อะไร…”
ตามธรรมเนียมแล้ว หากบ่าวรับใช้ในจวนจะออกไปข้างนอกจะต้องรายงานตัวเสียก่อน ไม่ว่าจวนไหนๆ ล้วนต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน เบื้องบนเป็นผู้บัญญัติกฎเกณฑ์ เบื้องล่างมีหน้าที่ปฏิบัติตาม แต่ถึงกระนั้น ก็มีหลายครั้งที่บ่าวรับใช้อยากจะออกไปซื้อหาเข็มด้ายหรือสิ่งละอันพันละน้อยก็เพียงแต่ยัดเหรียญทองแดงสองสามเหรียญใส่มือนายประตู พวกนางก็สามารถออกไปได้โดยไร้ปัญหา
แม่บ้านจ้าวทราบเรื่องนี้ดี ต่อให้จะมีกฎเข้มงวดเพียงใดก็มิอาจยับยั้งเรื่องดังกล่าวได้ เพียงแต่นางไม่คิดว่านายประตูจะสะเพร่าถึงเพียงนี้จนทำให้นางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“แม่บ้านจ้าว เจ้าแน่ใจหรือว่าสาวรับใช้นั่นยังอยู่ในจวน”
แม่บ้านจ้าวรีบพยักหน้า “บ่าวแน่ใจเจ้าค่ะ บ่าวเห็นกับตาว่านางวิ่งเข้าไปในจวนด้านหลังเจ้าค่ะ ตอนที่ตะโกนให้คนวิ่งตามนางไป ข้าสั่งให้คนอื่นๆ เฝ้าประตูทั้งหน้าและหลังจวนเอาไว้ สาวรับใช้นางนั้นยังอยู่ในจวนอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ นางไม่มีทางหนีรอดไปได้”
“หากเจ้าไปพบนางอีกครั้ง เจ้าจะชี้ตัวได้?”
นายประตูยังคงระแวดระวัง ก้มหน้าก้มตาไม่กล่าวเอ่ยสิ่งใด
พวกนางสวมชุดแบบเดียวๆ กัน หญิงสาวในวัยสิบกว่าๆ หน้าตาก็ดูคล้ายกันไปหมดนั่นแหละ
แม่บ้านจ้าวตอบโดยไม่ลังเล “ต่อให้นางเอาขี้เถ้าทาหน้า บ่าวก็จำได้เจ้าค่ะ!”
นางไม่เคยเห็นเด็กสาวรับใช้นางไหนแกล้วกล้าถึงเพียงนี้ แม้ถูกจับได้ นอกจากยังไม่มีท่าทีกริ่งเกรงแล้ว ยังกล้าส่งยิ้มให้นางเสียด้วย
รอยยิ้มสดใสยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของนาง นั่นยิ่งทำให้แม่บ้านจ้าวโกรธจนใจเจ็บ
“ไปหามา หาคำตอบมาให้ได้ว่าเด็กรับใช้นั่นคือผู้ใด!”
เมื่อแม่บ้านจ้าวออกไปแล้ว สายตาไม่สบอารมณ์ของเฝิงเหล่าฮูหยินตกมาอยู่ที่เซียวซื่อ ถ้อยคำถูกเอ่ยเน้นที่ละพยางค์ “เซียวซื่อ เจ้าดูแลจวนได้ดีจริงเชียว!”
เซียวซื่อแค้นใจไม่แพ้กัน
นางมิได้เพิ่งรับหน้าที่ดูแลจวนเพียงปีสองปี ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แต่เหตุใดถึงมีเรื่องทับถมมาไม่หยุดหย่อน
หรือนี่อาจเป็นเคราะห์หามยามร้ายของนาง!
“เป็นความผิดของลูกเองเจ้าค่ะ หากหาตัวนางพบแล้ว ลูกจะจัดการให้เรียบร้อย มิให้ผู้ใดเอาเป็นเยี่ยงอย่าง”
เฝิงเหล่าฮูหยินหลับตาลงไม่ยี่หระ
เจียงซื่อวิ่งกลับไปที่เรือนไห่ถัง รีบจัดการฉีกอาภรณ์ที่สวม แล้วเปลี่ยนเป็นชุดใหม่อย่างคล่องแคล่วโดยมีอาหมานและอาเฉี่ยวช่วยอยู่ไม่ห่าง เมื่อแม่บ้านจ้าวพาคนมาถึงที่เรือน นางก็เห็นเพียงรอยยิ้มเย็นเยือกของคุณหนูสี่เท่านั้น มิได้รู้สึกระแคะระคายแต่อย่างใด
“แม่บ้านจ้าวระดมคนมามากมายเพียงนี้ มีโจรขึ้นเรือนงั้นรึ”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจียงซื่อ แม่บ้านจ้าวมีท่าทีสุภาพยิ่งนัก “มีสาวรับใช้นางหนึ่งก่อเรื่องเจ้าค่ะ บ่าวมิทราบว่านางเป็นบ่าวรับใช้ในเรือนใด บ่าวเพียงแต่เกณฑ์คนมาหาตามคำสั่งของเหล่าฮูหยินเท่านั้นเจ้าค่ะ เมื่อครู่ก็เพิ่งไปดูที่เรือนคุณหนูสามมาเจ้าค่ะ”
จากสิ่งที่นางพูดดูเหมือนว่าการเกณฑ์คนมาจำนวนมากมิได้จงใจมุ่งเป้าประสงค์มาที่เจียงซื่อ
เจียงซื่อพยักหน้าเล็กน้อย ขยับมุมปากพลางหันหลังกลับเข้าไปในห้อง
อาเฉี่ยวยิ้มก่อนจะเอ่ย “แม่บ้านจ้าว คนของเรือนไห่ถังอยู่ที่นี่หมดแล้ว เจ้าลองดูสิว่าหากไม่มีคนที่เจ้ากำลังตามหา ก็รีบไปหาที่อื่นต่อจะดีกว่า คุณหนูของพวกข้ามิชอบความวุ่นวาย”
แม่บ้านจ้าวกวาดตามองเหล่าบ่าวรับใช้ที่รวมตัวอยู่กลางลาน นางเก็บความผิดหวังไว้ในใจก่อนจะเอ่ยลาอาเฉี่ยว และพาคนบ่าวรับใช้ไปที่เรือนของคุณหนูห้า
เจียงซื่อยืนดูแม่บ้านจ้าวและคนอื่นๆ อยู่ที่ริมหน้าต่างด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย
หลังจากเหตุการณ์นี้ การเข้าออกจวนคงคุมเข้มกว่าเก่า ทำให้การออกไปข้างนอกแต่ละครั้งต้องใช้สมองมากกว่าเดิม
อาหมานเดินเข้ามา “คุณหนู คราวหน้าพวกเราออกไปช่วงกลางดึกดีกว่าเจ้าค่ะ เพราะคงไม่ยุ่งยากเช่นนี้”
เจียงซื่อเอื้อมมือไปหยิกแก้มขาวเนียนนุ่มบนใบหน้ารูปไข่พลางเอ่ยแผ่วเบา “ไว้ค่อยว่ากัน”
จวนทั้งหลังวุ่นวายไม่น้อย แต่ทว่ากลับไม่พบสิ่งที่ตามหา
เฝิงเหล่าฮูหยินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ลงโทษแม่บ้านจ้าวโดยการหักเงินเบี้ยรายเดือนเป็นจำนวนครึ่งปี ส่วนนายประตูถูกส่งตัวไปยังสำนักลัทธิเต๋า แม้แต่เจ้านายอย่างกัวซื่อซานไท่ไท่และเซียวซื่อก็ถูกสั่งให้ดูแลจวนร่วมกัน
การที่ซานไท่ไท่เข้ามามีส่วนในการดูแลจวนเป็นเรื่องที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน ซึ่งไม่ต่างอะไรจากการตบหน้าเซียวซื่อ แล้วลากนางไปประจาน
การเข้านอกออกในจวนเข้มงวดกว่าที่เคยเป็น
แม้สถานการณ์ยังอยู่ในช่วงคุกรุ่น เจียงซื่อก็ได้รับข่าวจากอาเฟยผ่านมาทางเหล่าฉิน ความว่า จูจื่ออวี้กับสตรีนางหนึ่งนัดพบกันที่โรงน้ำชาเทียนเซียง!
ทันทีที่ได้ทราบข่าวนี้ เจียงซื่อก็อยากจะกางปีกบินออกจากจวนไปเสียเดี๋ยวนั้น
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจไปหาเจียงอันเฉิงที่เรือนหน้า
“ท่านพ่อ ลูกอุดอู้อยู่แต่ในจวนเสียนาน อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้างเจ้าค่ะ” ยามอยู่ต่อหน้าเจียงอันเฉิง เจียงซื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้กลเม็ดแพรวพราวอะไร เพียงแต่เว้าวอนด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยก็เพียงพอแล้ว
จะมีพ่อที่ไหนต้านทานลูกเล่นออดอ้อนของลูกสาวได้
เจียงอันเฉิงดึงถุงเงินส่งให้โดยไม่คิด “อยากไปก็ไปเถิด เงินไม่พอใช้หรือ”
เจียงซื่อยิ้มพลางเอ่ย “ท่านพ่อไปกับลูกเถอะเจ้าค่ะ ถ้าลูกออกไปคนเดียวเกรงว่าจะต้องไปขออนุญาตท่านย่าเสียก่อน ลูกเกรงว่าท่านย่าจะไม่พอใจเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปกับพ่อ”
เจียงซื่อเดินออกไปพร้อมเจียงอันเฉิงอย่างสง่าผ่าเผย