เมื่อเห็นว่าเจียงอีกำลังจะเอ่ยบางอย่าง เจียงซื่อก็รีบเข้าไปคล้องแขนนางทันที แล้วปักเข็มพิษอย่างเบามือ
ทั้งร่างของนางชาไปหมด แม้แต่จะออกเสียงพูดก็ยังทำไม่ได้
เจียงซื่อพยุงร่างพี่สาวพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ใหญ่ พวกเราไปกันเถิด”
สิ่งที่พี่สาวของนางหวงแหนมากที่สุดคือเยียนเยียน เจียงซื่อจึงไม่ต้องการปล่อยให้นางแสดงอาการตรอมตรมทุกข์ใจยามต้องพรากจะลูกสาวในตอนนี้ เพราะมิฉะนั้นตระกูลจูคงใช้ข้อนี้มาอ้าง และในอนาคต การจะพาเยียนเยียนกลับจวนปั๋วคงไม่ง่ายนัก
ท่าทางสงบเงียบของเจียงอีทำให้เจียงอันเฉิงรู้สึกเบาใจ
สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือบุตรสาวคนโตจะไม่ยอมกลับไปด้วย เพราะหากเป็นเช่นนั้นต่อให้เขาแข็งแกร่งเพียงใดก็คงทนดูต่อไปไม่ได้
ยังดีที่นางเป็นคนใจสู้
เจียงอันเฉิงส่งสายตาให้เจียงซื่อว่าให้รีบไป
ทว่าเจียงซื่อกลับมิได้รีบร้อน ส่งตัวเจียงอีให้เจียงจั้นช่วยพยุง และหันไปส่งยิ้มให้จูฮูหยิน “จูฮูหยิน ไม่นานมานี้ตอนที่พี่สาวของข้าไปถวายธูปที่วัดไป๋อวิ๋น นางพาฉิงเอ๋อร์สาวรับใช้ไปกับนางด้วย ไม่ทราบว่าป่านนี้นางกลับมาหรือยังเจ้าคะ”
จูจื่ออวี้หันไปจ้องมองเจียงซื่อ
ส่วนเจียงซื่อก็หันไปสบตาอย่างไม่กริ่งเกรง พลางส่งยิ้มหยาดเยิ้มให้บุรุษตรงหน้า
นางเพียงต้องการให้จูจื่ออวี้ลุกลี้ลุกลน ไม่เป็นอันกินอันนอน เขาจะได้เลิกหลงผิดว่าที่ตนวางแผนทำร้ายผู้อื่นได้เป็นเพราะคนอื่นๆ นั้นช่างโง่เขลา
จูฮูหยินไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง เมื่อได้ฟังสิ่งที่เจียงซื่อพูด ใบหน้าของนางก็ยิ่งหม่นหมอง ดวงตาของนางจ้องเขม็งอยู่อย่างนั้นทว่ามิได้เอื้อนเอ่ย
มุมปากของเจียงซื่อยังคงปรากฏรอยยิ้มจางๆ ภายใต้บรรยากาศที่ตึงเครียดเช่นนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกหนาวสั่นอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่แน่ใจว่าพี่ใหญ่เคยบอกเรื่องนี้กับจูฮูหยินหรือไม่ว่าข้าเป็นคนไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ หากว่ากันตามจริงแล้วก็นับว่านางเป็นคนของข้า เมื่อพี่ใหญ่จะกลับจวน ข้าก็จะพาฉิงเอ๋อร์กลับไปด้วยเจ้าค่ะ”
จูจื่ออวี้หรี่ตาลงจ้องมองไปที่เจียงซื่อ
ทว่าเจียงซื่อกลับมิได้แยแสสายตาคู่นั้น นางยังคงส่งยิ้มให้จูฮูหยิน “จูฮูหยินจะอนุญาตหรือไม่เจ้าคะ”
ในขณะนั้นจูฮูหยินไม่มีอารมณ์มาใส่ใจสาวรับใช้ จึงสั่งคนให้ไปตามตัวฉิงเอ๋อร์มาทันที
ไม่ช้าไม่นาน สาวรับใช้คิ้วบางก็เดินเข้ามา
เจียงซื่อมั่นใจว่านางคือฉิงเอ๋อร์จึงบอกเสียงเรียบ “ไปกันเถิด”
ฉิงเอ๋อร์สับสน นางหันไปมองจูจื่ออวี้อย่างช่วยไม่ได้
จูจื่ออวี้ยังคงก้มหน้า ร่างของเขาเหมือนถูกแช่แข็งไว้ก็ไม่ปาน ไม่มีอารมณ์ใดทำให้เขารู้สึกสะทกสะท้านได้อีกแล้ว
เจียงซื่อมองไปที่ฉิงเอ๋อร์ด้วยแววตาราบเรียบ “ไม่อยากไปงั้นหรือ”
สีหน้าของฉิงเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางละสายตากลับมาและไม่กล้าหันกลับไปมองอีก
“ชิ่งจยา ชิ่งจยา…” จูเส้าชิงเพิ่งรวบรวมสติได้จึงรีบตามเจียงอันเฉิงไป
จูฮูหยินนึกไม่ถึงว่าลูกสะใภ้ใหญ่จะตามบิดากลับไปอยู่ที่จวนโดยไม่ปริปากโต้แย้งใดๆ ขณะนั้นนางจึงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
หากเจียงอีกลับไปเช่นนี้ จวนตงผิงปั๋วคงไม่มีทางปล่อยนางกลับมาง่ายๆ และหากปล่อยไปเช่นนั้น อนาคตของลูกชายคงได้พังพินาศเป็นแน่
จูฮูหยินขยิบตาให้หัวหน้าบ่าวรับใช้
บ่าวรับใช้นางนั้นเข้าใจในทันที นางรีบออกมาจากห้องและไปอุ้มคุณหนูใหญ่เข้ามา
“เยียนเยียน แม่เจ้าจะไปแล้ว และจะไม่กลับมาที่นี่อีก เจ้ารีบไปตามนางกลับมาเร็วเข้า”
เมื่อเจียงอันเฉิงพาลูกๆ เดินมาถึงประตูใหญ่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องขึ้น “ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านจะไปไหน ท่านแม่ไม่อยากอยู่กับเยียนเยียนแล้วหรือ”
ทั้งหมดชะงักฝีเท้า เสียงร้องไห้ของลูกสาวทำให้หัวใจของเจียงอีแตกละเอียด แต่ในขณะนั้นนางขยับตัวไม่ได้ แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองก็ยังทำไม่ได้
เจียงอันเฉิงหันไปมองหลานสาวตัวน้อยที่กำลังวิ่งมาด้วยท่าทางเย็นชา และเอ่ยคำกำชับอีกสองคน “จั้นเอ๋อร์ ซื่อเอ๋อร์ พาพี่ใหญ่ของเจ้าขึ้นรถม้าเดี๋ยวนี้!”
เจียงจั้นลังเล “ท่านพ่อ…”
“หูหนวกรึไง” เจียงอันเฉิงดุ
เจียงจั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่
เมื่อเห็นผู้เป็นมารดาเดินขึ้นรถไปแล้ว เยียนเยียนก็ร้องไห้จนแทบขาดใจ เด็กน้อยรีบวิ่งไปแต่แล้วก็สะดุดล้มลง
เจียนจั้นไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป จึงกระโดดลงจากรถม้าแล้ววิ่งเข้าไปอุ้มเยียนเยียนขึ้นมาปลอบ “เยียนเยียนไม่ร้องน้า เดี๋ยวอาจะพาไปเล่นที่จวนท่านตา”
คนจากจวนจูเข้ามาขวางทางเจียงจั้นไว้ทันที
เจียงจั้นเร้าโทสะ “ทำไม เยียนเยียนไปจวนท่านตาของนางไม่ได้หรืออย่างไร”
จูฮูหยินว้าวุ่นใจอย่างหนัก แต่พยายามไม่แสดงอาการออกมา “แน่นอนว่าเยียนเยียนไปที่จวนของตานางได้ แต่ต้องมิใช่ตอนนี้”
นางหันไปมองเจียงอันเฉิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ชิ่งจยา ในเมื่อเยียนเยียนแซ่จู และเรื่องของผู้ใหญ่ยังไม่คลี่คลาย การจะพาตัวเด็กไปเช่นนี้คงไม่เหมาะกระมัง”
เจียงอันเฉิงเงียบไปชั่วครู่
เขายอมรับว่าสิ่งที่จูฮูหยินพูดนั้นถูกต้อง
เยียนเยียนเป็นหลานคนเดียวของเขา เขาจะไม่รักได้อย่างไร แต่การจะพาตัวหลานไปตอนนี้ก็คงไม่ถูกต้องเช่นกัน
ทั้งหมดถูกต้องตามคำของจูฮูหยิน เยียนเยียนแซ่จู หากพานางกลับจวนปั๋วไปตอนนี้ ต่อให้ตระกูลเจียงมีเหตุผลเพียงใดก็อาจเพลี่ยงพล้ำได้
เจียงซื่อกระโดดลงจากรถม้าและหันไปสั่งเหล่าฉิน “พาพี่ใหญ่กลับไปที่จวนก่อน”
เหล่าฉินผงกหัวรับ ยกแส้ขึ้น และรถม้าก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
เจียงซื่อเดินกลับไปยืนข้างบิดาและพี่ชาย
“จั้นเอ๋อร์ ส่งเยียนเยียนให้จูฮูหยิน” เจียงอันเฉิงกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ท่านพ่อ!”
“ทำตามที่ข้าบอก!”
“หึ!” เจียงจั้นกระทืบเท้าอย่างแรง และอุ้มเยียนเยียนส่งให้จูฮูหยิน
จูฮูหยินส่งตัวเยียนเยียนให้หญิงข้างๆ เมื่อเห็นว่ารถม้าวิ่งออกไปไกลแล้ว ตัวเยียนเยียนก็ไม่มีประโยชน์ อีกแล้ว นางจึงสั่งหญิงผู้นั้นให้พาเยียนเยียนกลับเข้าไป
“ช้าก่อน”
จูฮูหยินหันไปมองเจียงซื่อ
ไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใด ยามที่คุณหนูสี่ที่ท่าทางนิ่มนวลผู้นี้อ้าปากทีไร นางเป็นต้องสั่นสะท้านไปเสียทุกครั้ง
เจียงซื่อเดินผ่านหน้าจูฮูหยินไปหาเยียนเยียน
“คุณหนูเจียงจะทำอะไรงั้นรึ”
เจียงซื่อไม่ใส่ใจคำถามของจูฮูหยิน นางค้อมตัวเข้าไปหาเยียนเยียนพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เยียนเยียน น้าสัญญาว่าจะรีบมารับเจ้าไปหาท่านแม่ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าเจ้าจะต้องไม่ร้องไห้”
“จริงหรือเจ้าคะ”
“จริงสิจ๊ะ” เจียงซื่อยื่นนิ้วก้อยให้เด็กน้อย “สัญญา”
เยียนเยียนสะอื้นพลางยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวด้วยความลังเล
รอจนสาวรับใช้อุ้มเยียนเยียนกลับเข้าไป เจียงซื่อก็หันหลังกลับมา แล้วโค้งคำนับสองสามีภรรยาคู่นั้นเล็กน้อย “รบกวนท่านทั้งสองช่วยดูแลหลานสาวของข้าด้วย ตระกูลเจียงจะรีบกลับมารับนางโดยเร็วที่สุด”
เจียงซื่อทำให้จูฮูหยินโมโหได้สำเร็จ
จูฮูหยินใบหน้าหมองคล้ำพลางเอ่ยอย่างดุดัน “อย่าแม้แต่จะคิด!”
เจียงซื่อมองจูฮูหยินด้วยความประหลาดใจ
นางเคยได้ยินว่าแม่สามีที่แสนเข้มงวดของพี่ใหญ่เป็นคนใจเย็นยิ่งนัก แต่ไม่นึกว่านางจะหลุดปากออกมาเช่นนี้
นี่คงเป็นอีกหนึ่งความยากลำบากสำหรับคนเข้มแข็งอย่างเจียงซื่อ
ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ ก็ย่อมต้องมีอารมณ์ความรู้สึก และแม้แต่จูฮูหยินก็ไม่ได้รับการยกเว้น
บุตรชายที่น่าภาคภูมิใจของนางกลายเป็นคนทอดทิ้งภรรยา และยังไปหลอกล่อเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน หนำซ้ำยังต้องมาเจอการยั่วยุจากหญิงตัวเล็กๆ เช่นนี้อีก ผู้ใดจะทนความอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้
เจียงซื่อไม่เข้าใจความคิดของจูฮูหยิน
แต่จากที่นางคิด ในเมื่อมีบุตรชายเลวร้ายเยี่ยงเดรัจฉาน ผู้เป็นมารดาย่อมไม่ต่างกัน เพราะสุดท้ายนางก็จะให้คนมาเก็บกวาดเรื่องนี้
แววตาของหญิงสาวเย็นเยือกประหนึ่งน้ำแข็ง ทว่ารอยยิ้มกลับเย็นชายิ่งกว่า นางเอ่ยเน้นทีละคำ “ก็คอยดูแล้วกันเจ้าค่ะ”
เมื่อเดินผ่านเจียงจั้น เจียงซื่อก็เอื้อมมือไปลากพี่ชาย “พี่รอง ไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
ระหว่างทางกลับ เจียงจั้นหันมองไปที่เจียงซื่อหลายครั้งด้วยความเคลือบแคลง
เจียงซื่อจึงหันไปถาม “พี่รองจ้องข้าด้วยเหตุอันใด”
“น้องสี่ ข้าเพิ่งรู้วันนี้ว่าเจ้าดุเอาเรื่อง”
เจียงซื่อกลอกตาใส่เจียงจั้น “ใครว่าข้าดุ”
นางเพียงต้องการให้พี่ใหญ่หลุดพ้นจากวังวนของจวนจู และพาเยียนเยียนกลับมาเท่านั้นเอง
“เจ้ามีแผนจะพาเยียนเยียนกลับมาจริงๆ งั้นหรือ” เจียงจั้นถามด้วยความตื่นเต้น
เจียงซื่อเหลือบมองฉิงเอ๋อร์ที่เดินก้มหน้าตามหลังมาแวบหนึ่งก่อนจะพยักหน้า