สู่อ๋องจะพูดสิ่งใดได้อีก ทำได้เพียงยิ้มแห้งและตอบกลับ “ข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว”
เขารู้สึกชื่นชมอวี้จิ่นอยู่บ้าง เจ้าเจ็ดทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงจริงๆ
ในฐานะการเป็นผู้ชายที่มีสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตปกติคนหนึ่ง มีใครไม่อยากได้ผู้หญิงรูปงามมาเป็นภรรยาบ้าง แต่สิ่งที่ภรรยาคนหนึ่งจะต้องรับผิดชอบ การเอาอกเอาใจสามีเป็นเพียงส่วนหนึ่งเล็กๆ เท่านั้น มันสำคัญน้อยกว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น การให้กำเนิดบุตร การดูแลความเรียบร้อยในครัวเรือน การปรนนิบัติพ่อแม่สามี…เป็นอย่างมาก
และตำแหน่งพระชายาเอก สิ่งที่ต้องรับผิดชอบย่อมมีมากกว่านั้นอีก
พระชายาเอกของเขา ต้องไม่ใช่คนที่มีดีเพียงหน้าตา
แต่งภรรยา แต่งกับหญิงมีคุณธรรม แต่งอนุภรรยา แต่งกับหญิงรูปงาม นี่ถึงเป็นการเลือกของคนฉลาด
การที่เจ้าเจ็ดหยิบดอกเหมยของเขาออกมา ในขณะที่เขารู้สึกเสียดาย อีกใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งอกไปด้วย
การแต่งงานกับสตรีชั้นสูงมีชาติตระกูล ถึงจะตรงตามความคาดหวังของเสด็จแม่และเพื่อประโยชน์สูงสุดของเขา
ส่วนสตรีรูปงามนั้น… ในอนาคต เขาสามารถเลือกชายารอง นางบำเรอที่มีหน้าตาโดดเด่นได้อย่างตามใจชอบ
ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างเอื่อยเฉื่อย อวี้จิ่นกลับมายังที่นั่งตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
เสียนเฟยที่ไม่รู้ว่าลุกขึ้นยืนตั้งแต่เมื่อไรเกิดอาการตัวสั่นเล็กน้อย
เจ้าเจ็ดทำอะไรลงไป
นางฝันไปแน่ๆ มิฉะนั้น นางจะเห็นเรื่องไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไร
ความแสบตรงฝ่ามือทำให้เสียนเฟยได้สติกลับคืนมา สีหน้ามืดมนราวกับฟ้าที่มืดครึ้มตอนฝนกำลังจะตก
นางไม่ได้ฝันไป เจ้าเจ็ดไม่เพียงแต่ก่อเรื่องไร้สาระขึ้นมา แต่ยังกลับไปนั่งที่ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาเคยเห็นนางผู้เป็นแม่อยู่ในสายตาบ้างหรือไม่
นางจินตนาการออกเลยว่า หลังจากงานเลี้ยงชมดอกเหมยนี้จบลง นางจะกลายเป็นตัวตลกในวังและนอกวังทันที แล้วยังจะทำให้เจ้าสี่เสียหน้าไปด้วยอีกคน
เสียนเฟยโมโหจนตัวสั่น แต่จะแสดงออกมาต่อหน้าจวงเฟยไม่ได้ นางจึงหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างช้าๆ “เยี่ยนอ๋อง เจ้าก่อกวนในงานเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า”
มองว่าการกระทำอันน่าตกใจเมื่อครู่นี้ของอวี้จิ่นเป็นการก่อกวนของเด็กหนุ่ม เสียนเฟยคิดว่า หากว่าอวี้จิ่นรู้จักกาลเทศะเพียงสักนิด ก็จะรู้ว่าเขาควรที่จะไว้หน้ากันบ้าง
เสียนเฟยจ้องอวี้จิ่นนิ่ง แววตาลุกวาวแฝงไว้ด้วยการแจ้งเตือน
อวี้จิ่นลุกขึ้นแล้วหัวเราะอย่างสดใสต่อเสียนเฟย “เหนียงเหนียงพูดเกินไปแล้ว ลูกไม่ใช่เด็กสักหน่อย จะกล้าก่อกวนในงานเลี้ยงอันเข้มงวดเช่นนี้ได้อย่างไร”
เสียนเฟยกล่าวตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หญิงสาวที่อยู่ในงานล้วนเป็นบุตรีที่น่าภาคภูมิใจ การแสดงของแต่ละคนเมื่อสักครู่ก็ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน เจ้ามอบดอกเหมยให้คุณหนูเจียงหมดเลยเพียงคนเดียว เกรงว่าจะไม่ยุติธรรมต่อคนอื่นเท่าไหร่นัก”
อวี้จิ่นหัวเราะออกมา
ชายหนุ่มรูปงาม ผู้มีความเป็นสุภาพบุรุษ มีบุคลิกนิ่ง สะอาดสะอ้าน ประกอบกับท่าทีอันน่าตกใจเมื่อสักครู่
เยี่ยนอ๋องเช่นนี้ เหล่าหญิงสาวไม่อาจไม่ยอมรับว่าเขามีเสน่ห์เหลือล้น
มีสิ่งใดน่าชวนให้ใจเต้นไปมากกว่าบุรุษที่โดดเด่นในทุกด้าน เพิกเฉยต่อสตรีทุกคน และรักเพียงคนๆ เดียวอีกเล่า?
จี้ฟังหวาทอดสายตามองเหล่าหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง นางเอามือเท้าคางและแอบกลอกตาขาวหนึ่งที
พวกเจ้าคนโง่ ถึงผู้ชายจะดีแค่ไหน สายตาของเขาก็มีแต่คนอื่น ถึงเขาจะมีดีเพียงใดแล้วมันเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไรเล่า
เพราะถึงอย่างไร นางมีแต่ความเกลียดชังให้กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เขามีดีตรงไหนกันนะ
จะว่าไปแล้ว พี่สามของนางก็น่าเกลียดน่าชังไม่ต่าง พอมองดูแล้ว ไม่มีหญิงคนไหนน่าสนใจเท่าคุณหนูเจียงเลยสักคน
หลังจากหัวเราะเสร็จ อวี้จิ่นกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่สูงและไม่ต่ำ แต่เหล่าสตรีได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
เขากล่าวออกไปโดยแทบจะถอนหายใจ “เหนียงเหนียง บนโลกนี้ มีความยุติธรรมอยู่ตรงไหนหรือ”
เสียนเฟยตะลึงงัน นางพูดไม่ออกถึงความรู้สึกภายในใจไปชั่วขณะ
ชั่ววินาทีนั้น นางคิดถึงสิ่งต่างๆ มากมาย
อย่างเช่น เจ้าสี่ที่แบกรับทุกความคาดหวังของนางเอาไว้ อย่างเช่น นางหวังว่าตนเองไม่เคยคลอดเจ้าเจ็ดมาก่อน...
ไม่ว่าเจ้าเจ็ดพึ่งพาไม่ได้แค่ไหน แต่เขาพูดถูก บนโลกใบนี้ ความยุติธรรมอยู่ตรงไหนกัน
ใช่ ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ นางให้กำเนิดองค์ชายถึงสองพระองค์ หนึ่งในนั้น มีดวงจะทำให้ฝ่าบาทประชวรตั้งแต่เกิด สุดท้ายนางไม่เพียงแต่ไม่ได้รับเกียรติศักดิ์จากการมีองค์ชายถึงสองพระองค์ แต่กลับได้รับการเยาะเย้ยและความเย็นชามากมายกลับมา
จนถึงทุกวันนี้ นางยังเทียบจวงเฟยที่มีองค์ชายเพียงพระองค์เดียวยังไม่ได้
อวี้จิ่นกางมือออกอย่างเป็นธรรมชาติและผ่าเผย “สำหรับลูก นี่ไม่ใช่ความยุติธรรม แต่เป็นเรื่องน่าขำ”
คัดเลือกพระชายา คัดเลือกพระชายา เลือกบ้าอะไรเล่า ภรรยาของเขา เหตุใดต้องให้คนอื่นมาตัดสินใจแทน ก็เขาจะมอบดอกเหมยเขียวให้อาซื่อทั้งหมด ไม่มีตัวเลือกอื่นอีก อยากรู้ว่าเสียนเฟยจะเลือกอย่างไร
เสียนเฟยโกรธจนหน้าเขียว “เรื่องน่าขำอะไรของเจ้า เจ้านึกว่านี่เป็นงานเลี้ยงเลือกหญิงมีความสามารถหรืออย่างไร นี่คืองานเลี้ยงเลือกพระชายา!”
ภายใต้อารมณ์ที่โกรธจัด เสียนเฟยได้ดึงผ้าม่านแห่งการปกปิดจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานนี้ลงมาเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป
เหล่าหญิงสาวก้มหน้าลงทันที สองแก้มร้อนระอุ
หากเป็นวันปกติ พวกนางล้วนเป็นสตรีชั้นสูงที่ได้รับการประคับประหงม ถึงจะถูกราชวงศ์คัดเลือก แต่เวลาพูดออกมาตรงๆ ก็ยากที่จะเลี่ยงอาการอับอายได้
อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้นอย่างสูง แสร้งทำตะลึงตกใจ จากนั้นก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน “หากเป็นเช่นนั้น ลูกยิ่งไม่จำเป็นต้องมอบดอกเหมยทั้งหกดอกให้สตรีหกคน อย่างไรเสีย ข้าเพียงคนเดียว ไม่จำเป็นต้องมีภรรยาหกคน”
มีเสียง พรวด ดังขึ้น จี้ฟังหวาถึงกระทั่งหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่ นางรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดปากราวกับไม่มีสิ่งใดเคยเกิดขึ้น
เจียงซื่อหย่อนตาลงเพื่อหลบซ่อนดวงตาที่กำลังยิ้ม
พูดไร้สาระได้อย่างมั่นใจถึงเพียงนี้ คงมีแต่อวี้ชีเพียงคนเดียว ไม่มีคนที่สองอย่างแน่นอน
เหล่าหญิงสาวฟังเหตุผลไร้สาระของอวี้จิ่นไปแล้วพยักหน้าไม่รู้ตัว ภายหลังถึงรู้สึกตัวว่าไม่ถูกต้อง พยักหน้าอะไรเล่า ยังไม่มีส่วนร่วมในตำแหน่งพระชายาเอกของเยี่ยนอ๋องเลย จะปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้แล้วหรือ!
เสียนเฟยเองก็ตะลึงงัน พลางมีความรู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับให้จนตรอก
ในงานเลี้ยงคัดเลือกพระชายา การคัดเลือกออกมาเพียงหนึ่งคน…ในวังไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน
หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น นางอาจมองว่าเป็นเรื่องน่าขันสนุกๆ แต่พอเกิดขึ้นกับลูกชายของตัวเอง เรื่องราวก็หาผ่านไปได้ง่ายๆ เช่นนั้นอีกต่อไปไม่
แล้วนางก็ไม่สามารถฉีกหน้าเจ้าเจ็ดและสั่งสอนเขากลางงานเช่นนี้ได้
เสียนเฟยรู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยไม้ มีไฟโทสะเต็มทรวงอกแต่ระบายออกมาไม่ได้ นางกำหมัดแน่นและกล่าว “เจ้าต้องการภรรยาเพียงแค่หนึ่งคนคือเรื่องจริง แต่เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงาน เป็นเรื่องคำสั่งของพ่อแม่ เป็นคำพูดของแม่สื่อ คนในราชวงศ์ก็ไม่ละเว้น ตำแหน่งพระชายาเอกจะกำหนดโดยเจ้าเองได้อย่างไร เรื่องนี้ยังต้องรอข้าปรึกษากับเสด็จพ่อของเจ้าก่อน”
อวี้จิ่นรู้สึกประหลาดใจและน้อยใจ “ก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อรับปากไว้ว่าลูกจะสมใจในว่าที่พระชายาเอกอย่างแน่นอน เสด็จแม่เองก็รับปากไว้เช่นเดียวกัน เหตุใดเวลานี้ถึงได้เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้เล่า”
เสียนเฟยชะงัก นางโกรธจนตัวสั่น สั่นจนอวัยวะภายในปั่นป่วน
เจ้าเจ็ดคนชั่วช้า ถึงว่าวันนั้นเข้าวังมาหานางอย่างน่าประหลาด ที่แท้ก็มาวางกับดักให้นางนั่นเอง!
ไม่เพียงแต่วางกับดักให้นางผู้เดียว แม้แต่ฝ่าบาทยังตกหลุมพราง แถมยังตกก่อนนางเสียอีก!
พอกล่าวถึงฮ่องเต้จิ่งหมิงขึ้นมา เสียนเฟยไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดต่อไปชั่วขณะ
เมื่อได้รับคำรับปากจากฮ่องเต้ นอกจากเจ้าหนูแซ่เจียงแล้ว สตรีชั้นสูงที่นางเลือกไม่ว่าจะเป็นใคร หากว่าเจ้าเจ็ดพูดว่าไม่สมอกสมใจเขา ก็เท่ากับผลักนางออกไปยืนอยู่บนกองเพลิงมิใช่หรือ
เสียนเฟยมองไปทางเจียงซื่อ
สาวน้อยชุดคลุมสีแดงกระโปรงสีเรียบคนนี้ ทำให้นางเหมือนได้เห็นภาพหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงเมื่อสมัยก่อน
ไม่ได้เด็ดขาด!
ถึงวันนี้จะเสียหน้าบ้าง นางก็จะไม่ยอมถูกเจ้าเจ็ดบีบบังคับให้เลือกเจ้าเด็กแซ่เจียงนี่มาเป็นลูกสะใภ้!