เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นภายหลังอวี้จิ่นกล่าวออกไปเช่นนั้นทันที
ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะ สตรีวัยสาวหน้าตึงจนเป็นสีแดง นางกล่าวอ้ำอึ้ง “ถือไม่นิ่งจนทำหกไปเล็กน้อยก็ไม่ได้หรือเพคะ”
อวี้จิ่นยิ้มจางๆ แววตาสุขุมลุ่มลึก เขายิ้มและกล่าว “ได้สิ ทุกคนเห็นด้วยหรือไม่”
“เห็นด้วย…” ผู้ชมตอบอย่างให้ความร่วมมือ
ตอนนี้ ผู้คนเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติ
ดูจากการแต่งตัวของสตรีท่านนี้ คงเป็นคนในตระกูลเล็กที่พอมีเงินบ้าง แต่ไม่ได้เป็นไท่ไท่ในตระกูลใหญ่โต และการใช้ยี่สิบตำลึงซื้อเซียงลู่หนึ่งขวดนับว่าเป็นการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยมาก
ลูกค้าสตรีที่มาซื้อเครื่องประทินโฉมเป็นประจำถึงกับพากันส่ายหัว
เซียงลู่น้ำกุหลาบขวดนี้ใช้เพียงหยดเล็กๆ มันไม่เพียงแต่ส่งกลิ่นหอมที่ฟุ้งกระจาย แต่ยังมีส่วนช่วยให้ใบหน้าดูเนียนขาวผ่องใสขึ้น ไม่มีใครใช้มากขนาดนี้ในครั้งเดียว จะกล่าวว่าทำหกก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
มันไม่ใช่ขวดละหนึ่งจั้งหรือสองจั้งเสียหน่อย มีใครใช้แล้วไม่รักษาอย่างดีบ้าง จะทำหกง่ายๆ เช่นนี้ได้เชียวหรือ
อวี้จิ่นถามไม่กี่คำถามอย่างไม่รีบร้อนจนทำให้ผู้ชมที่ล้อมรอบเงียบสงบลงในทันใด
ดูจากท่าทางแล้วน่าจะเป็นการรีดไถเอาเงิน
สตรีท่านนี้ชอบเงินจนเป็นบ้าไปแล้วกระมัง ถึงยอมทำลายใบหน้าของตัวเองได้
มีเงินแต่ไม่มีความสวยแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยจับใบหน้าแล้วคิดในใจ
“เซียงลู่แบบนี้ข้าใช้เป็นประจำ หม่อมฉันขอดูหน่อยเพคะ” เจียงซื่อยื่นมือออกไป
อวี้จิ่นยื่นเซียงลู่ให้กับเจียงซื่อ
เจียงซื่อรับขวดแก้วมาเขย่าเบาๆ ของเหลวสีอมชมพูด้านในพลางเกิดเป็นคลื่น
เมื่อเปิดขวดออก นางก้มศีรษะสูดดมเบาๆ
เป็นกลิ่นหอมที่คุ้นเคย นี่คือกลิ่นหอมของดอกไม้ที่นางปรุงเองกับมือ แต่ในกลิ่นที่คุ้นเคยกลับมีกลิ่นแปลกแทรกอยู่ด้วย
เจียงซื่อขมวดคิ้วและสูดดมเบาๆ อีกครั้ง
นั่นคือกลิ่นเหม็นชนิดหนึ่งที่แทบจะไม่ได้กลิ่น จะบอกว่าเป็นกลิ่นเหม็นก็อาจกล่าวหามากไป เพราะว่ามันถูกบดบังด้วยกลิ่นหอมของเซียงลู่ ซึ่งคนทั่วไปยากที่จะรับรู้กลิ่นนั้นได้ แต่สำหรับเจียงซื่อ กลิ่นนั่นมีความชัดเจนมาก
เจียงซื่อยกริมฝีปากขึ้น ความเย็นชาก่อตัวขึ้นในแววตา
“มีความผิดปกติอะไรหรือไม่” อวี้จิ่นเอ่ยถาม
เจียงซื่อมองอวี้จิ่นแล้วกวาดสายตามองผู้ชมที่อยู่ล้อมรอบมากมายพร้อมกล่าว “มี”
คำตอบเพียงหนึ่งคำ ได้ชักนำความสงสัยของทุกคนขึ้นมาทันใด
สีหน้าของชุยหมิงเยว่ผู้อยู่ท่ามกลางผู้คนยิ่งอยู่ยิ่งแย่ลง
นังหญิงชั่วแซ่เจียงเพียงแค่สูดดมก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติในเซียงลู่ได้เลยรึ
เป็นไปไม่ได้!
นางบีบข้อมือสาวรับใช้ข้างกายอย่างสุดแรง
สาวรับใช้ถึงกับหลั่งน้ำตา แม้มีผาบางกั้นไว้ แต่ก็มิกล้าปริเสียงใดออกมา
เจียงซื่อก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วยกขวดเซียงลู่ในมือขึ้น
“ข้าได้กลิ่นพืชหรูอี้ในเซียงลู่ดอกกุหลาบขวดนี้”
พืชหรูอี้มีอีกชื่อหนึ่งว่าซิ่วฉิวห้าสี แทบจะออกดอกผลิบานทั้งสี่ฤดู ส่วนมากจะเติบโตในแถบทิศใต้ และมักถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพรขับไล่แมลงกับยุง
แน่นอนนว่า มีการเพาะปลูกในแถบทิศเหนือเช่นกัน
“ไม่ทราบว่ามีใครเคยได้ยินพืชหรูอี้หรือไม่”
มีคนจำนวนไม่น้อยส่ายหัว
คนที่มาดูเรื่องสนุกส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดา วิ่งหาเงินเลี้ยงชีพตลอดทั้งปี จะมีเวลาว่างไปสนใจพืชดอกใบหญ้าที่ไหน
มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น “ข้ารู้เพคะ”
เจียงซื่อหันมองตามเสียง จึงเห็นผู้ส่งเสียงคือสาวน้อยอายุราวยี่สิบแปด แม้ว่าสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่ก็ดูมีรูปหน้าที่สวยไม่เบา
“แม่นางลองพูดได้หรือไม่” เจียงซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่แฝงไว้ด้วยการให้กำลังใจ
ถึงสาวน้อยจะดูตื่นเต้น แต่ก็พูดจาออกมาอย่างฉะฉาน “หม่อมฉันเป็นแม่ค้าขายดอกไม้ สวนในเรือนมีพืชหรูอี้ปลูกเอาไว้พอดี แม้มันมีหน้าตาที่ดูดี แต่มันกลับมีกลิ่นที่เหม็นมาก พืชชนิดนี้สามารถช่วยขับไล่แมลงกับยุงได้เพคะ”
“แม่นางลองดมเซียงลู่นี้ดูว่าได้กลิ่นนั่นหรือไม่” เจียงซื่อยื่นขวดแก้วเซียงลู่ออกไป
สาวน้อยลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงรับไว้ นางยื่นขวดเข้าใกล้จมูกแล้วสูดดม
ผู้ชมกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัวรอฟังคำตอบจากสาวน้อย
เพียงครู่เดียว สาวน้อยคืนขวดแก้วให้เจียงซื่อแล้วพยักหน้ายืนยัน ”ถึงกลิ่นจางมากๆ แต่หม่อมฉันดูแลพืชไม้เหล่านั้นทุกวัน จึงได้กลิ่นเพคะ”
เจียงซื่อพยักหน้าขอบคุณ แล้วสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ”ข้าขอแจ้งให้ทุกท่านทราบ พืชหรูอี้นี้แม้มีคุณสมบัติช่วยขับไล่แมลงกับยุง แต่มันคือพืชที่มีพิษ หากผสมอยู่ในเซียงลู่แล้วนำไปทาบนหน้า ก็จะกลายเป็นอย่างสตรีท่านนี้ที่น่าเวทนาจนไม่อาจมองดูได้…”
นางชี้สตรีวัยสาว แล้วสายตาทุกคู่ก็มองตามทันที
สตรีวัยสาวร้อนใจถอยกลับไปสองก้าว นางกล่าวขึ้นอย่างฝืน ”พืชหรูอี้อะไร ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ พวกท่านว่าอย่างไรก็จะเป็นเช่นนั้นเลยรึ”
อวี้จิ่นหัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา ”เจ้าหาว่าพระชายาเอกกล่าวหาเจ้า?”
สตรีวัยสาวหน้าซีดทันใด เวลานี้เพิ่งรู้สึกตัวว่าคนที่นางพูดด้วยไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นพระชายาฉีอ๋อง
เจียงซื่อกวาดสายตามองผู้คนและยื่นขวดเซียงลู่ให้ซิ่วเหนียงจื่อ ”ผู้จัดการร้านลองดมดูว่าเซียงลู่กุหลาบขวดนี้ต่างจากขวดอื่นหรือไม่”
ซิ่วเหนียงจื่อรีบรับไว้ แล้วสูดดมอย่างตั้งใจ แววตาพลันสว่างขึ้น ”ต่างกันเพคะ ต่างกันจริงๆ!”
การปรากฏตัวของเจียงซื่อ ราวกับเป็นยาที่ทำให้จิตใจสงบ จนซิ่วเหนียงได้ความฉลาดเดิมกลับคืนมา
ซิ่วเหนียงจื่อจับขวดเซียงลู่แล้วกวาดสายตามอง จากนั้นนางก็เดินไปอยู่ตรงหน้าสตรีท่านหนึ่งอย่างรวดเร็วพร้อมกับร้องขอ ”ขอให้ไท่ไท่ลองดมเสียหน่อยว่าเซียงลู่ขวดนี้แตกต่างจากที่ไท่ไท่ใช้หรือไม่”
หากเป็นวันที่ดูเรื่องสนุกทั่วไป ลูกค้าสตรีไม่ยอมยุ่งเกี่ยวด้วยเป็นแน่ แต่ตอนนี้มีท่านอ๋องกับพระชายาเอกอยู่ด้วย ยังไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่ได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าท่านอ๋องกับพระชายาเอกก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวเหมือนกัน
ลูกค้าสตรีรับเซียงลู่มาดมอย่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
คล้ายว่าไม่มีความแตกต่าง แต่ก็คล้ายว่าจะแตกต่างเล็กน้อย…
เซียงลู่น้ำกุหลาบขวดละยี่สิบตำลึง นางเคยกัดฟันยอมซื้อเพียงครั้งเดียว จึงดมความแตกต่างไม่ออกเท่าไรนัก
ภายใต้สายตาการเรียกร้องของฝูงชน ลูกค้าสตรีจึงพยักหน้าและตอบอย่างมั่นใจ “แตกต่างเจ้าค่ะ”
ในเมื่อคนขายดอกไม้ดมแล้วบอกว่าแตกต่าง ผู้จัดการร้านดมแล้วบอกว่าแตกต่าง ที่สำคัญพระชายาฉีอ๋องดมแล้วก็บอกว่าแตกต่าง ถ้าเช่นนั้นมันก็ต้องแตกต่าง
เมื่อลูกค้าสตรีกล่าวเช่นนี้ อาการได้ใจเสี้ยวหนึ่งพลางแล่นผ่านแววตาซิ่วเหนียงจื่อ
นางรู้ว่าในเวลานี้ ไม่ว่าถามใคร คนๆ นั้นก็จะตอบว่าแตกต่างอย่างแน่นอน
สตรีที่มีโฉมงามอยู่บ้าง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแล้วสามารถเลี้ยงดูบุตรสาวคนหนึ่งเติบโตด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่มีทางไม่มีความเฉลียวฉลาด
เพราะความฉลาดเล็กๆ น้อยๆ คือสิ่งที่คนระดับล่างดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดและไม่รู้สึกละอายใจ
ซิ่วเหนียงจื่อยืนหลังตรงและยกขวดน้ำดอกกุหลาบขึ้นสูง “เพื่อนบ้านทุกคนได้ยินแล้วใช่หรือไม่ น้ำดอกไม้ขวดนี้ไม่เหมือนกับกลิ่นในร้าน มันมีพืชหรูอี้เพิ่มเข้ามาด้วย! ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพืชหรูอี้คือสิ่งใด ในวันปกติก็ยิ่งไม่เคยเห็น ไม่มีทางที่ข้าจะใส่หรูอี้เข้าไปในเซียงลู่ได้ นังผู้หญิงคนนี้มาเพื่อรีดไถเอาเงิน!”
สีหน้าของสตรีวัยสาวซีดลงเรื่อยๆ ตามคำพูดของซิ่วเหนียงจื่อ
“ถุย อีหญิงใจดำหัวโจร!” ซิ่วเหนียงจื่อสบถพร้อมดึงแขนเสื้อผู้นำกองบัญชาการ “ท่านเจ้าหน้าที่ พวกท่านมาจับคนมิใช่หรือ รีบจับหญิงหัวโจรคนนี้เลยเจ้าค่ะ!”
ผู้นำกองบัญชาเห็นว่าซิ่วเหนียงจื่อมีเยี่ยนอ๋องคอยหนุนหลัง จึงอดทนต่อความอยากสะบัดคนออกและมองอวี้จิ่น
“ไม่จำเป็นต้องมองข้า สตรีคนนี้ทำร้ายผู้อื่นด้วยดอกไม้พิษ ถือว่าไม่ใช่เรื่องรีดไถเอาเงินง่ายๆ เช่นนั้นแล้ว ตามกฎหมาย อย่างน้อยควรรับโทษด้วยการปักเข็ม พวกเจ้านำตัวคนไปจัดการเช่นปกติก็พอ”
โทษปักเข็ม คือการใช้เข็มยาวแทงเข้าไปในร่องเล็บ เป็นทัณฑ์ทรมานที่ใช้ทั่วไปในนักโทษหญิง
พอสตรีได้ยินก็ตกใจตัวอ่อนล้มไปกับพื้น นางค้อมหัวอย่างสุดชีวิต “ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย หม่อมฉันถูกคนอื่นหลอก หม่อมฉันถูกคนอื่นหลอกจริงๆ เพคะ!”