ถูกคนอื่นหลอก?
สายตาผู้ชมพลันลุกวาวดุจฉีดเลือดไก่[1]
เรื่องสนุกของวันนี้พลิกผันตลอดเวลา น่าชมยิ่งกว่าการเล่านิทานในร้านน้ำชาเสียอีก
ดูเหมือนว่าจะไม่จบง่ายๆ เริ่มมีบางคนในบริเวณใกล้ๆ ยกเก้าอี้ออกมา
อวี้จิ่นเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเช่นนั้นก็จงเล่าเสียหน่อยว่าถูกผู้อื่นหลอกอย่างไร”
ชุยหมิงเย่ว์ที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน มองดูทุกสิ่งตรงนี้ด้วยหน้านิ่ง
“มีคน…มีคนถือขวดเซียงลู่มาหาหม่อมฉัน นางบอกว่าให้ทูที่หน้า รอให้ตุ่มขึ้นแล้วมาก่อเรื่องที่นี่…ได้โปรดท่านอ๋องไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันถูกคนหลอกจริงๆ เพคะ…”
“คนนั้นให้อะไรแก่เจ้า?”
แววตาของสตรีวัยสาวลุกวาว
“จงพูด!”
สตรีนางนั้นก้มศีรษะและคุกเข่าลงกับพื้น ตัวพลางสั่นเบาๆ “คนนั้นสัญญาณว่าจะให้เรือนอาศัยหนึ่งหลังแก่หม่อมฉันกับเงินจำนวนสองร้อยยี่สิบตำลึง…”
หลังจากที่ประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ผู้ชมพากันตะลึงงันทันทีทันใด
เรือนอาศัยในเมืองหลวงมีราคาแพงสูงลิ่ว ต่อให้ไกลออกไปก็ยังมีมูลค่าไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงินจำนวนสองร้อยยี่สิบตำลึง
ถึงว่าสตรีนางนี้ยอมทำถึงกระทั่งไม่เอาแม้แต่โฉมหน้าตัวเอง
“เขาคนนั้นคือผู้ใด” อวี้จิ่นเอ่ยถามคำนี้ออกไปโดยมิได้คาดหวังในคำตอบมากนัก
แล้วสตรีนางนั้นก็กล่าวอย่างอ้ำอึ้งจริงๆ “หม่อมฉันไม่รู้สถานะของผู้นั้น…”
“รู้ว่าเป็นชายหรือเป็นหญิงใช่หรือไม่”
ภายใต้แรงกดดันที่หนักหน่วง สตรีไม่มีแรงจะต่อต้านอีก นางก้มหน้ากล่าว “เป็นสตรีงวัยสาวเพคะ ถึงหม่อมมองเห็นหน้าไม่ชัด แต่ฟังจากเสียงแล้วอายุไม่น่าเกินยี่สิบ…”
ท่ามกลางฝูงชน สาวรับใช้ของชุยหมิงเย่ว์พลันหน้าซีด นางเอ่ยเรียกเสียงเบา “คุณหนู…”
ชุยหมิงเย่ว์จิกตาใส่หนึ่งที และมองทุกสิ่งด้วยใบหน้านิ่ง มือที่กำแน่นเผยความรู้สึกบางอย่างออกมาเล็กน้อย
“ยังมีอีกหรือไม่”
“ไม่…ไม่มีแล้วเพคะ นางปิดหน้าไว้ หม่อมฉันเลยไม่เห็นรูปหน้า…”
อวี้จิ่นพยักหน้าให้ผู้นำกองบัญชาการ “นำตัวไปได้”
สตรีชะงักและร้องไห้ขึ้นมาอย่างหวาดกลัว “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันพูดในสิ่งที่รู้หมดแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ…”
อวี้จิ่นหัวเราะขึ้นมา “ข้าเพียงแค่มีเวลาว่างเลยมาตรวจสอบข้อเท็จจริง จะให้ไว้ชีวิตเจ้าอย่างไรเล่า เรื่องนี้จะดำเนินการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่”
เมื่อสตรีวัยสาวถูกนำตัวไป พลเมืองที่ล้อมรอบก็พากันปรบมือให้อย่างกระหน่ำ
“ท่านอ๋องช่างฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
อวี้จิ่นกระตุกริมฝีปาก
ได้ยินเหล่าขุนนางกล่าวเช่นนี้กับตาเฒ่าฮ่องเต้อยู่บ่อยครั้ง วันนี้มีคนใช้คำนี้กับตน ก็ชวนให้รู้สึกแปลกใหม่อยู่เหมือนกัน
ท่ามกลางเสียงกล่าวชื่นชม อวี้จิ่นเอ่ยถามเจียงซื่อพร้อมด้วยรอยยิ้ม “พระชายาชอบเซียงลู่ดอกกุหลาบของร้านนี้หรือ”
เจียงซื่อพยักหน้า “เพคะ”
“ถ้าเช่นนั้นก็ซื้อร้านไว้เลย”
ทุกคนตกตะลึง
ท่านอ๋องว่าอย่างไรนะ
อวี้จิ่นยิ้มอธิบาย “ก็เพื่อไม่ให้บางคนเห็นกิจการรุ่งเรืองแล้วคิดก่อเรื่องอย่างเช่นเหตุการณ์ในวันนี้ หากก่อความวุ่นวายจนร้านค้าปิดตัวลง แล้วเวลาพระชายาอยากใช้เซียงลู่จะทำอย่างไร”
เพียงแค่หนึ่งประโยค ก็ได้บ่งบอกกถึงปัญหาความวุ่นวายในวันนี้ที่ก่อขึ้นโดยสตรีวัยสาว
หลังจากความตะลึงในตอนแรกผ่านพ้นไป เจียงซื่อถึงยิ้ม “ขอบพระทัยเพคะ”
พวกเขากำลังนั่งรถม้าไปจวนอันกั๋วกงในฐานะแขก บังเอิญได้ยินว่ามีคนก่อความวุ่นวายที่ร้านลู่เซิงเซียง จึงได้รีบมา
อวี้จิ่นรู้ว่านางเป็นเจ้าของร้านร้านค้านี้
การปรากฏตัวของสตรี มีความเป็นไปได้อยู่สองข้อ หนึ่งคือกิจการของร้านลู่เซิงเซียงรุ่งเรืองมาก จนถูกผู้ประกอบกิจการเดียวกันเล่นงาน และอีกหนึ่งความเป็นไปได้คือตั้งใจมาหาเรื่องนาง
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นข้อไหน ก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยสถานะการเป็นเจ้าของร้านร้านลู่เซิงเซียงของนาง
ร้านขายเครื่องประทินโฉมที่พระชายาฉินอ๋องเปิดก่อนออกเรือน ได้ทำลายรูปโฉมของผู้อื่น…
เจียงซื่อไม่สนใจในชื่อเสียง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ผู้อื่นมาเล่นงาน ยิ่งไม่ได้หมายความว่าถูกผู้อื่นเล่นงานแล้วยังจะนิ่งเหมือนเดิม
เรื่องในวันนี้ แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้แน่
และการกระทำของอวี้จิ่นก็นับว่าได้แก้ปัญหาของร้านลู่เซิงเซียงไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
การซื้อร้านค้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ต่อไปนี้ ทุกคนก็รับรู้แล้วว่าเยี่ยนอ๋องได้ซื้อร้านลู่เซิงเซียงและมอบให้พระชายาเอก
“เถ้าแก่ เราเข้าไปคุยรายละเอียดด้านในกัน” อวี้จิ่นหันไปกล่าวกับซิ่วเหนียงจื่อเสร็จ ก็เดินตรงเข้าไปข้างในทันที
ซิ่วเหนียงจื่อก้มหน้าไม่กล้ามองไปทางเจียงซื่อ หลังจากเข้ามาในร้านและปิดประตูลง นางพาเจียงซื่อทั้งสองคนมาถึงด้านหลังเสร็จ ถึงน้อมคารวะอย่างรีบร้อน “คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายาเอกเพคะ”
หลูฉูฉู่ค้อมคารวะให้กับอวี้จิ่นอย่างอิดออด ส่วนสายตาจับจ้องอยู่ที่เจียงซื่อ “คุณหนูเจียง ต่อไปนี้ข้าต้องเรียกคุณหนูว่าพระชายาเอกใช่หรือไม่”
เจียงซื่อเม้มปากยิ้ม “เป็นเพียงสรรพนามเท่านั้น แม่นางฉูฉู่อยากเรียกอย่างไรก็เรียกเถอะ”
อวี้จิ่นเอ่ยเสียงเรียบ “อาซื่อเป็นภรรยาของข้า ก็ต้องเรียกพระชายาเอกสิ”
หลูฉูฉู่กลอกตาขาว
ตานี่ยังมีจิตใจคับแคบไม่เปลี่ยน!
“เถ้าแก่ซิ่ว ให้หมอมาดูบาดแผลของเจ้าเสียหน่อยดีกว่านะ” เจียงซื่อกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน
ใบหน้าของซิ่วเหนียงจื่อเต็มไปด้วยความละอายใจ “บาดแผลของหม่อมฉันไม่สำคัญเพคะ เพียงแต่ว่าวันนี้หม่อมฉันทำให้พระชายาขายหน้า หม่อมฉันทำไม่ดีเองเพคะ…”
เจียงซื่อปัดมือ “เถ้าแก่ซิ่วไม่ต้องรีบรับความผิดไว้เองเช่นนี้ ข้าจำได้ว่าเซียงลู่ดอกกุหลาบที่สตรีนางนั้นถือ ในแต่ละเดือนจำหน่ายจำนวนจำกัดใช่หรือไม่”
ซิ่วเหนียงจื่อพยักหน้า หงึกๆ “ในแต่ละเดือน จะขายเพียงสามสิบขวดเพคะ”
ความตั้งใจแรกที่เจียงซื่อเปิดร้าน ขายเพื่อหาเงินค่าขนมเป็นจุดประสงค์รอง จุดประสงค์หลักคือสงสารซิ่วเหนียงจื่อที่สูญเสียบุตรสาวตั้งแต่วัยกลางคน อยากให้นางมีอะไรทำ
ไม่คาดคิดเลยว่าเซียงลู่ที่ปรุงจะได้รับความสนใจมากถึงกระทั่งไม่เป็นกังวลเรื่องเงินทองอีก ก็ถือว่าไม่มีใจปักกิ่งหลิว แต่กิ่งหลิวกลับเติบโตให้ร่มเย็น
ต่อให้เป็นเช่นนี้ เจียงซื่อก็ไม่คิดจะขยายกิจการให้ใหญ่โต
เพราะสำหรับนาง เงินพอใช้ก็พอแล้ว สิ่งที่นางขาดเสมอมาไม่ใช่เงิน
“คนที่ซื้อเซียงลู่ขวดนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำหรือไม่” เจียงซื่อถามต่อ
ซิ่วเหนียงจื่อยื่นสมุดบันทึกให้เจียงซื่อทันที
“ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำเพคะ สำหรับลูกค้าประจำ เวลาที่หม่อมฉันพูดคุยกับพวกลูกค้าในยามว่าง หากทราบว่าอีกฝ่ยมาจากตระกูลไหน ก็จะบันทึกลงในสมุดเพคะ”
เจียงซื่อก้มหน้าเปิดดูสมุดบันทึก
หากว่าเป็นร้านคู่แข่ง โดยทั่วไป คนที่ออกหน้ามาพูดคุยกับสตรีไม่มีทางเป็นสตรี เพราะฉะนั้นนางอิงเอนไปอย่างหลังมากกว่า เรื่องในวันนี้เป็นการโจมตีนาง และผู้อยู่เบื้องหลังรู้ถึงความสัมพันธ์ของร้านลู่เซิงเซียงกับนางด้วย
คนที่กล้าใช้เซียงลู่ขวดละยี่สิบตำลึงวางกับดัก จะต้องร่ำรวยไม่ธรรมดาแน่ ไม่มีทางเป็นพวกกัดฟันซื้อเซียงลู่ขวดนึงเพื่อลองของใหม่อย่างแน่นอน ดังนั้น เป็นได้สูงมากกว่าคนๆ นั้นเป็นลูกค้าประจำ
แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้เจียงซื่อมากคือความละเอียดอ่อนของซิ่วเหนียงจื่อ
นิ้วของนางชี้ผ่านชื่อๆ หนึ่งและหยุดลงที่บริเวณๆ หนึ่ง
บริเวณนั้นบันทึกไว้อยู่สามคำว่า จวนองค์หญิง
จวนองค์หญิง?
เจียงซื่อขมวดคิ้วแล้วไล่ดูต่อ
ลูกค้าประจำมีจำนวนไม่มาก แต่ก็มีไม่น้อย เพราะซิ่วเหนียงจื่อเองก็ไม่ได้รู้จักสถานะของทุกคน เจียงซื่อกวาดสายตามองชื่อคนที่ถูกบันทึกลงสมุดเล่มนี้จนจบอย่างรวดเร็ว
สายตาของเจียงซื่อได้ตกลงที่คำว่า ‘จวนองค์หญิง’สามคำอีกครั้ง นางยื่นนิ้วออกไปชี้ๆ พลางเอ่ยถามซิ่วเหนียงจื่อ “ลูกค้าคนนี้คือจวนองค์หญิงใดรึ”
“คนที่มาซื้อเซียงลู่เป็นประจำ คือผู้หญิงแต่งตัวสาวรับใช้คนหนึ่งเพคะ หญิงผู้นั้นเหย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก ไม่เคยคุยเล่นกับหม่อมฉันเลย มีเพียงครั้งหนึ่งเมื่อตอนเซียงลู่หมดไม่มีของ นางเอ่ยถึงจวนองค์หญิงขึ้นมาตอนโมโห แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งอื่นใดมากไปกว่านี้เพคะ…” ซิ่วเหนียงจื่อเห็นสีหน้าเข้มขมวดของเจียงซื่อ พลันตบหน้าผากอย่างแรง “ใช่แล้ว พระชายาเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นเพคะ!”
เจียงซื่อพลิกมือแล้วทับลงบนสมุดบันทึก
“นางผู้นั้น คือตอนที่พระชายาถอดหมวกเหวยเม่าออกต่อหน้าหม่อมฉัน แล้วเดินออกจากร้านไป ตอนนั้นสาวรับใช้คนนั้นกำลังซื้อเซียงลู่เป็นเพื่อนคุณหนูของนางเพคะ!”
——————————————
[1] ฉีดเลือดไก่ เปรียบเสมือนได้รับเครื่องดื่มชูกำลัง