อวี้จิ่นได้ยิน ก็รีบเอ่ยปลอบ “อย่ากังวลไปเลย ไม่แน่เดี๋ยวก็คงมา”
เจียงซื่อ “…??”
“อาจิ่น เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่ประจำเดือนมาช้านั่นหมายความว่าอย่างไร”
อวี้จิ่นยิ้มพูดขึ้น “ประจำเดือนมาช้าก็หมายความว่า…”
เสียงพูดขาดหายไปโดยพลัน
เขาจ้องมองเจียงซื่อพร้อมกับอมยิ้ม ทำหน้าระรื่นอยู่พักหนึ่งถึงได้รู้สึกตัว หันมาถามอย่างกระวนกระวาย “อาซื่อ เจ้าหมายความว่าเจ้าอาจจะ…อาจจะตั้งท้องงั้นหรือ”
เจียงซื่อพยักหน้าลงเบาๆ
“อันที่จริงข้ายังไม่แน่ใจนัก ยังไม่ได้เชิญหมอมาตรวจ…”
นางเพียงแต่รู้ว่าในร่างมีหนอนกู่ นางไม่ใช่หมอจึงรับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดของการกำเนิดของอีกชวิตหนึ่ง
“เช่นนั้น เช่นนั้นก็เชิญหมอมาตรวจดู” อวี้จิ่นเอามือคลำที่หน้า ในใจรู้สึกซับซ้อนมาก
ความรู้สึกในใจเจียงซื่อก็ซับซ้อนมาก
ชาติภพที่แล้ว นางกับอวี้ชีแต่งงานอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีกว่าทว่าแทบไม่ได้อะไรกันเลย และตอนนั้นนางก็อายุได้สิบเก้าปีแล้ว ชาติภพที่แล้วไม่มีลูก ชาติภพนี้ทั้งสองแต่งงานกันได้ไม่กี่เดือนกลับมีแล้ว…
ด้วยเหตุนี้ เจียงซื่อจึงไม่กล้ายืนยัน
นางพยักหน้ารับ เอ่ยท้วงขึ้น “อย่าเพิ่งทำให้เรื่องมันเอิกเกริกถึงในวัง จะได้ไม่กลายเป็นเรื่องตลก ให้หมอเหลียงของจวนอ๋องมาตรวจก่อนเถอะ”
หมอเหลียงเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการแพทย์ในจวนอ๋องพอดี และอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของจั่งสื่อ
อวี้จิ่นพยักหน้า “ได้อยู่แล้ว”
ไม่นานหมอเหลียงก็เข้ามาที่อวี้เหอย่วนเงียบๆ
“ถวายบังคมท่านอ๋องและพระชายาอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“พระชายารู้สึกไม่ค่อยสบาย เจ้าตรวจดูหน่อย”
พอหมอเหลียงได้ยินว่าพระชายาอ๋องไม่สบาย จึงไม่กล้ารอช้า รีบก้มหัวเดินเข้าไปแล้วเอ่ยขึ้น “เชิญพระชายาอ๋องยื่นมือออกมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงซื่อยื่นมือออกไป
หมอเหลียงกดลงไปที่ข้อมือของเจียงซื่อ สีหน้าเคร่งขรึมลงตามเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ
เมื่อเห็นท่าทางของหมอเหลียง จู่ๆ อวี้จิ่นก็กังวลขึ้นมา
“อาการของพระชายาเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอเหลียงจับชีพจรให้เจียงซื่ออย่างใจจดใจจ่อ จึงไม่ได้ยินสิ่งที่อวี้จิ่นพูดเลย
อวี้จิ่นกำหมัดเข้าด้วยกัน
ไม่นึกเลยว่าหมอเหลียงจะกล้าไม่สนใจเขา หรือว่าอาซื่อยังมีอะไรมากกว่านั้นอีก
“หมอเหลียง ข้าถาม เหตุใดถึงไม่ตอบ”
หมอเหลียงรู้สึกตัวกลับมา มองไปทางอวี้จิ่นด้วยสีหน้างุนงง “ท่านอ๋องถามอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้จิ่นสูดลมหายใจเข้าเงียบๆ ข่มความโกรธที่คุกรุ่นไว้ เอ่ยพูดซ้ำอีกครั้ง “ข้าถามว่า อาการของพระชายาอ๋องเป็นอย่างไร”
หมอเหลียงได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
อวี้จิ่นรู้สึกสับสน ตบฉาดลงบนโต๊ะ “มันเป็นอย่างไรกันแน่ บอกข้ามาให้หมด!”
หมอเหลียงตกใจจนตัวสั่น เอ่ยพูดอย่างระมัดระวัง “เชิญพระชายาอ๋องยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกมา กระหม่อมยังต้องตรวจให้แน่ใจอีกครั้งหนึ่ง”
ท่าทางของหมอเหลียงทำให้เจียงซื่อรู้สึกแน่ใจ นางยื่นมือออกไปเงียบๆ
พอเห็นหมอเหลียงวางมือลงที่ข้อมืออีกข้างของเจียงซื่อ อวี้จิ่นก็ยิ่งนิ่งขรึม
ไม่นึกเลยว่าต้องจับชีพจรถึงสองครั้ง เจ้าหมอไม่ได้เรื่อง!
ภายใต้แววตาอาฆาตของท่านอ๋อง หมอเหลียงก็ยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่ ไม่นานเม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก
เจียงซื่อชายตามองอวี้จิ่น อารมณ์ที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาถึงได้ถูกเก็บไป
หมอเหลียงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วจดจ่อกับการจับชีพจร
อวี้จิ่นจ้องมองอย่างเยือกเย็น พบว่าสีหน้าของหมอเหลียงดูปิติยินดีขึ้นมา
เขามีความรู้สึกอยากจะถีบหมอเหลียงออกไปเสียจริง
พูดออกมาตรงๆ เลยไม่ได้รึ เอาแต่เปลี่ยนสีหน้าไปมาอยากให้ผู้ใดตกใจกัน
ขณะที่อวี้จิ่นกำลังแอบด่าอยู่ในใจ ในที่สุดหมอเหลียงก็ชักมือกลับ
“เป็นอย่างไร” อวี้จิ่นก็เอ่ยถามขึ้นอย่างอดใจรอต่อไปไม่ไหว
หมอเหลียงประสานกำปั้นไว้กลางอก “ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องด้วย พระชายาอ๋องทรงมีเรื่องน่าปิติยินดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“พระชายาอ๋องไม่ได้เป็นอะไรอย่างอื่นแล้วใช่หรือไม่” อวี้จิ่นเค้นถาม
หมอเหลียงได้แต่งงงวย
เดิมเขาเป็นคนของสำนักหมอหลวง หลังจากที่ฝ่าบาทถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นฮ่องเต้จึงได้ถูกย้ายมาดูแลกิจการแพทย์ที่จวนเยี่ยนอ๋อง เมื่อก่อนตอนที่เป็นหมอหลวง เขาได้ตรวจชีพจรการตั้งครรภ์ของสตรีมานับจำนวนไม่น้อย ยังไม่เคยเห็นท่าทางของคนที่รู้ตัวว่าเป็นพ่อคนเช่นนี้เลย
“พระชายาอ๋องมีตรงไหนที่ไม่สบายอีกหรือไม่”
หมอเหลียงก้มหน้าลง ปิดบังสีหน้าลำบากใจ “ร่างกายของพระชายาอ๋องไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแค่ตั้งครรภ์เท่านั้น ประเดี๋ยวกระหม่อมจะจัดยาสมุนไพรต้มเพื่อบรรเทาอาการระหว่างตั้งครรภ์ รวมไปถึงข้อกำชับอีกเล็กน้อย…”
อวี้จิ่นโล่งอกไปที จากนั้นถึงได้เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่มีปัญหาอื่นก็ดี”
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องและพระชายาอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้จิ่นไม่ให้ความร่วมมือกับการแสดงความปิติยินดีของหมอเหลียง พลางเอ่ยเสียงเรียบ “พระชายาอ๋องเพิ่งจะตั้งครรภ์ เช่นนั้นอย่าได้พูดเรื่องที่พระชายาตั้งครรภ์กับผู้ใด”
หมอเหลียงหน้าเหยเก มุมปากกระตุกเล็กน้อย
ท่านอ๋องท่าทางเย็นชาเช่นนี้ มันทำให้คนที่แสดงความยินดีกับเขาเก้อเขินมาก
“จำได้ใช่หรือไม่” อวี้จิ่นรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เขาสงสัยว่าฮ่องเต้คงจะจับคนมั่วซั่วมาตั้งเป็นหน่วยคณะที่จวนเยี่ยนอ๋อง ถ้าไม่จั่งสื่อจู้จี้จุกจิก หมอเหลียงก็สมองไม่ว่องไว ทำไมถึงไม่มีคนปกติเลยนะ
“ท่านอ๋องวางใจได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องน่ายินดีของพระชายาอ๋องรออีกสามเดือนค่อยพูดก็ยังไม่สาย” หมอเหลียงรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร
ปกติการตั้งครรภ์สามเดือนแรกนั้นยังไม่มั่นคงนัก หากบำรุงรักษาไม่ดีหรือว่าร่างกายของผู้ตั้งครรภ์ไม่แข็งแรงก็อาจจะแท้งได้ง่าย รอเวลาครบสามเดือนเต็มแล้วรายงานเป็นประเพณีที่ทำกันมาอยู่แล้ว
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องและพระชายาอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หมอเหลียงไม่ย่อท้อ พูดแสดงความยินดีออกไปอีกครั้ง
ถึงแม้จะไม่ได้เงินชื่นชม อย่างน้อยเขาสามารถจับชีพจรการตั้งครรภ์ของพระชายาอ๋องออกมาได้เร็วเช่นนี้ ท่านอ๋องก็ควรจะชมเขาสักสองสามประโยคสิ
หมอเหลียงที่ตั้งตารอได้ยินเพียงแค่อวี้จิ่นเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “ออกไปจัดยาเถอะ”
หมอเหลียง “…” ถ้าหากว่าตรงหน้าไม่ใช่องค์ชาย เขาอยากจะเอาถ้วยยาปาหน้าเข้าให้เสียจริง!
ยังคงเป็นเจียงซื่อที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น นางยิ้มพูดขึ้น “ลำบากหมอเหลียงแล้ว อาเฉี่ยว…”
อาเฉี่ยวรู้ได้ทันที จึงหยิบเงินรางวัลมายัดใส่มือหมอเหลียง
เดิมหมอเหลียงควรจะบอกปัดว่าไม่รับ แล้วรอให้โดนพูดเกลี้ยกล่อมอีกครั้งค่อยรับมา ทว่าท่านอ๋องท่าทางดูผิดปกติทำเอาเขาไม่กล้าเสี่ยง จึงรับมาอย่างดื้อๆ “เป็นพระกรุณาธิคุณอย่างยิ่งจากพระชายาอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดยามาให้ท่านเดี๋ยวนี้”
รอจนหมอเหลียงออกไป อวี้จิ่นจึงเลื่อนสายตาไปมองจ้องที่หน้าท้องอันแบนราบของเจียงซื่อ
“มองอะไรหรือ” เจียงซื่อเงยหน้ามองเขา
อวี้จิ่นยกมือขึ้นมาวางลงบนหน้าท้องของนาง สีหน้าซับซ้อน “ข้างในนี้มีลูกของพวกเราอยู่จริงหรือ”
เจียงซื่อกลอกตาใส่เขา “หมอเหลียงตรวจดูแล้ว เจ้ายังไม่เชื่ออีกรึ”
“ก็แค่…ก็แค่รู้สึกว่ามันกะทันหันเกินไป…”
เขายังไม่ทันได้เตรียมตัวเป็นพ่อเลย ยังอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับอาซื่อสองคนอีกสักสองปี ทำไมถึงได้มีเจ้าตัวน้อยมาแย่งความรักกับเขาเสียแล้วล่ะ
การคุกคามของเจ้าเด็กนี่หนักเสียยิ่งกว่าเอ้อร์หนิวซะอีก!
“นี่มันสีหน้าอะไรกัน หรือว่าไม่ดีใจที่มีลูก” เจียงซื่อรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
ตาบ้านี่เหมือนชาติภพที่แล้วไม่มีผิด
“ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ก็กังวลว่าถ้ามีลูกเจ้าก็จะไม่มีเวลามาสนใจข้าแล้ว…”
เจียงซื่อหยิกเขาไปหนึ่งทีเพราะทนไม่ไหว “คนโง่ นี่เป็นลูกของพวกเราสองคนนะ ไม่ใช่ลูกข้าคนเดียว พอถึงเวลานั้น พวกเราก็จะเป็นครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกแล้ว…”
อวี้จิ่นตะลึง จู่ๆ ก็จินตนาการภาพของลูกออกมาคร่าวๆ
มีเด็กที่เรียกเขาว่าพ่อ เรียกอาซื่อว่าแม่ก็ดูไม่เลวนะ…
“อาซื่อ”
“หืม?”
“ตอนนี้ได้ยินเสียงหัวใจของลูกหรือยัง”
เจียงซื่อไม่แน่ใจ “ตัวเล็กขนาดนี้ คงน่าจะยัง…”
“ขอข้าฟังดูหน่อย” อวี้จิ่นเข้ามาใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น