นางร้ายสั่งให้สาวใช้ประจำตัวผลักนางเอกตกน้ำ นางเอกหลบได้โดยบังเอิญ สาวใช้จึง ‘พลั้งมือ’ ทำให้นางร้ายตกลงไปในน้ำแทน
เป็นฉากน่าเบื่อๆที่ไม่ต้องการคำชี้แนะหรืออธิบายใดๆทั้งสิ้น
จุดสำคัญก็คือ: ตกน้ำ
ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองดูซ่งเจียงเสวี่ยแวบหนึ่ง ก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่
ขณะที่หยุนโหวกำลังพูดอยู่นั้น ก็เห็นตู๋กูซิงหลันพุ่งเข้ามาหาอีกหลายก้าว บีบเขาจนต้องถอยไปติดกำแพง
หยุนโหวเป็นผู้กำกับตัวเล็กที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ว่าเขากลับเตี้ยกว่าตู๋กูซิงหลันถึงครึ่งศีรษะ
พอตู๋กูซิงหลันบุกเข้าไป แค่กลิ่นไอคุกคามก็เพียงพอจะกดทับเขาให้ตายได้แล้ว
ชั่วขณะนั้น หยุนโหวรู้สึกว่าถูกบีบคั้นจนหายใจไม่ออก
ตู๋กูซิงหลันไล่บี้เขาลงไปอีก มุมปากก็ขยับยกขึ้นมา “ไม่รู้ว่า แบบไหนจึงจะทำให้พอใจ? จะให้ฉันตกน้ำหลายๆรอบ จนกว่าจะพอใจรึเปล่า?”
วันนี้ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะมีประจำเดือนมา ทั้งยังขับรถผ่านอากาศร้อนๆมาหลายชั่วโมง อารมณ์ย่อมแย่อยู่แล้ว
“มะ ไม่ใช่……ทำไมคุณถึงได้คิดไปอย่างนั้นเล่า?” ที่จริงฉากนี้ซ่งเจียงเสวี่ยเป็นคนเลือกนะ….
ซ่งเจียงเสวี่ยกับเยี่ยซิงหลันเคยมีความสนิทสนมใกล้ชิดกัน …….แล้วจะหาเรื่องทำร้ายคุณหรือ?
ขณะที่เขากำลังจะพูดออกมา ก็เห็นตู๋กูซิงหลันยกหมัดขึ้นมาต่อยเข้าใส่
เฉียดริมหูของเขา ฝังลงไปบนกำแพงด้านหลัง
กำแพงถึงกับทะลุเป็นรูโบ๋! อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องประชุมของเทียนหยิ่ง ที่ผู้บริหารระดับสูงกำลังประชุมกันอยู่ พวกเขากำลังถกกันเรื่องสถานภาพและชื่อเสียงของเยี่ยซิงหลัน
ตอนนี้เสียงถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มหนึ่งเห็นว่าเธอมากไปด้วยพรสวรรค์ สมควรช่วยเธอล้างข่าวลือ และสนับสนุนต่อไป
อีกฝ่ายเห็นว่าแม้ว่าผลงานของซ่งเจียงเสวี่ยจะไม่อาจเทียบเท่ากับเยี่ยซิงหลัน แต่ว่าEQของเธอดีมาก ทำงานจริงจังและรับผิดชอบ สมควรสนับสนุนซ่งเจียงเสวี่ย ส่วนเยี่ยซิงหลันนั้นก็ถือว่าเป็นคลื่นเก่าที่หมดกระแสนิยมไปแล้ว
ขณะฝ่ายที่สนับสนุนนางเอกซ่งกำลังพูดออกมาอย่างดุเดือด อยู่ๆก็มีหมัดต่อยทะลุกำแพงเข้ามา
ซีเมนต์บนกำแพงถูกทะลวงจนเป็นรูโหว่
กลายเป็นช่องขนาดใหญ่เท่าใบหน้า ทำให้สมาชิกระดับสูงทั้งหลายต่างก็สามารถมองเห็นตู๋กูซิงหลันได้อย่างชัดเจน
ทั้งๆที่เธอเป็นถึงราชินีจอเงินคนก่อน แต่วันนี้พอปรากฏตัวขึ้น เดินทางมาจนถึงบริษัท กลับไม่มีใครออกไปต้อนรับแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่า ในใจของเหล่าผู้บริหารทั้งหลายต่างก็ตระเตรียมจะทอดทิ้งเธอแล้ว
หมัดนี้ของตู๋กูซิงหลันต่อยโครมใส่กำแพงก็เสมือนต่อยลงไปบนใบหน้าของผู้คนมากมาย
หยุนโหวตกใจจนเกือบจะฉี่ราดแล้ว
เศษฝุ่นคลุ้งกระจายจนเขารู้สึกอึดอัดไปทั่วปอด …..ตอนที่เยี่ยซิงหลันพึ่งจะเข้าวงการมาใหม่ๆ ก็เคยต่อยพวกผู้มีอิทธิพลในวงการทั้งหลายจนร่วงในงานเลี้ยงมื้อหนึ่ง นับตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นตัวอันธพาล!
หายตัวไปสองปี ทั้งที่พึ่งจะกลับมา แต่ความอันธพาลของเธอดูเหมือนจะหนักข้อมากกว่าเดิม!
บอกต่อยเป็นต่อย!
หยุนโหวไม่กล้าคิดเลยว่า หากว่าหมัดเมื่อครู่…..เบี่ยงเข้ามาอีกเล็กน้อย กระแทกลงบนศีรษะของเขาละก็ เกรงว่าสมองของเขาคงจะถูกฝังลงไปในกำแพงแล้ว
“จะบอกเอาไว้เลยว่า เจ้ชิงชังพวกที่ชอบเล่นสกปรกลับหลังที่สุดแล้ว” ตู๋กูซิงหลันมองผ่านช่องแตกบนกำแพงเข้าไป ส่งสายตาเย็นชาไปยังผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในห้อง
ทุกถ้อยคำ ทุกคำพูดของเธอดังเข้าไปในหูของคนทั้งหมด
“ตอนที่วางแผนชั่วพวกนี้ อย่าลืมคิดเอาไว้ด้วยว่า หากถูกเปิดเผยแผนสกปรกขึ้นมา จะต้องตายอย่างอนาถถึงเพียงไหน!”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองไปที่ซ่งเจียงเสวี่ย แต่ซ่งเจียงเสวี่ยก็ยังต้องตะลึงจนแข็งค้างไป
คำพูดของเยี่ยซิงหลัน เท่ากับกล่าวกับเธอโดยตรง
ทุกวันนี้ตู๋กูซิงหลันถือว่าเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิงไปแล้ว จู่ๆก็คิดจะกุข่าวฉาวมาใส่ความเธอ แล้วคิดว่าเธอจะไม่โต้กลับหรืออย่างไร?
บรรดาลูกพี่ในวงการต่างก็ต้องอ้าปากค้างกันไป มองดูสาวน้อยในกระโปรงชุดแดงตรงหน้าอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา
เธอน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ใบหน้าที่งดงามนั้น กับพละกำลังที่แสดงออกมา…. กลายเป็นความกลมกลืนบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก ราวกับว่าเธอเกิดมาพร้อมกับสิ่งนี้อยู่แล้ว
“ทั้งหมดจงฟังเอาไว้ให้ดี ฉัน…. เยี่ยซิงหลัน กลับมาแล้ว!”
น้ำเสียงของเธอไม่ได้ดังเลย แต่กลับสะท้อนอย่างกึกก้องในหูของทุกคนในตึกเทียนหยิ่ง
“สถานที่ของข้า ไหนเลยจะให้สุนัขข้างถนนเข้ามาได้ ไอ้พวกที่ซ่อนอยู่ใต้ดินแอบทำเรื่องชั่ว จุดจบของพวกเจ้า……มาถึงแล้ว”
ตู๋กูซิงหลันไม่ใช่คนที่ยอมศิโรราบต่อใครมาก่อน
ขณะที่ในอินเตอร์เน็ตกำลังแพร่กระจายข่าวลวงอยู่นี้ นางกลับเอาแต่อยู่กับบ้านเลี้ยงดูฮ่องเต้สุนัข ในใจก็คิดหาหนทางจะไปตามหาท่านอาจารย์ ไม่มีเวลาจะไปใส่ใจข่าวลือเหล่านั้นแม้แต่น้อย
แต่ว่าในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้พวกที่เล่นสกปรกนั้นมามาอึอยู่บนศีรษะของนางอย่างเด็ดขาด
นางขยับริมฝีปากสีแดง ค่อยๆเก็บหมัดกลับมาอย่างช้าๆ ดวงตาดอกท้อเปล่งประกายแวววาว
ขนาด เยี่ยเฉิน ไท่จื่อของเผ่ามังกร นางยังกล้ากระทืบเขาลงไปบนพื้น แล้วนับประสาอะไรกับพวกคนจิตใจสกปรกบนโลกปัจจุบันใบนี้?
ในเมื่อวางแผนการสู้ไม่ได้ เช่นนั้นหมัดก็ต้องแข็งกว่าเข้าไว้
จะไปสนใจว่าใครเป็นใครไปทำไม จะอย่างไรขอแค่ต่อยจนพวกมันส่งเสียงร้องเรียกพ่อออกมาก็เป็นพอ
โดยเฉพาะพวกที่อยู่ฝั่งนางเอกซ่ง …..ต่างก็มองดูตู๋กูซิงหลัน ด้วยความรู้สึกเหมือนได้เห็นอุกาบาตที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
คราวนี้ สายตาของตู๋กูซิงหลันวกกลับมาที่ร่างของหยุนโหว
แค่นางดึงหมัดที่ต่อยออกไปกลับมา หยุนโหวก็ต้องผวาจนตัวสั่น
เสียงของหมัดที่ต่อยกำแพงเสียจนทะลุเมื่อครู่ ยังก้องอยู่ในรูหูของเขาอยู่ จนถึงตอนนี้หัวใจของเขายังเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เลย
พอเห็นเหมือนกับว่าตู๋กูซิงหลันจะต่อยลงมาอีกครั้ง เขาก็กลัวจนแทบมุดลงไปแล้ว
“ผู้กำกับหยุน คุณจะตื่นเต้นไปไหนกัน?” ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันสัมผัสลงไปบนหลังคอเสื้อของเขาไปเบาๆ ก็หิ้วคนขึ้นมาได้ง่ายๆ
ตอนนี้หยุนโหวเข่าอ่อนไปหมดแล้ว กลัวจนแทบจะฉี่ราดออกมา
ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเสียงเย็นชาครั้งหนึ่ง ยื่นปลายนิ้วออกมาสองนิ้ว ไปปัดฝุ่นบนบ่าของเขาเบาๆ
“เมื่อครู่เป็นการทดสอบบทกันไม่ใช่หรือ? บทละครฉันอ่านดูหมดแล้ว นางร้ายเป็นผู้มีพรสวรรค์แต่กำเนิด หมัดเดียวต่อยกำแพงพัง นางย่อมสามารถทำได้อยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ?”
หยุนโหวเห็นเธอหัวเราะออกมา ก็รู้สึกขนหัวลุกตัวชา
“ซิงหลัน คุณทำให้ผู้กำกับตกใจแล้วนะ” ถึงตอนนี้ซ่งเจียงเสวี่ยถึงได้มีช่องเอ่ยปากขึ้นมาได้บ้าง เธอเอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “ผู้กำกับหยุนกับฉันต่างก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรสักหน่อย คุณคิดมากไปเอง แล้วยังทำร้ายคนอื่นอีก”
ตู๋กูซิงหลันขี้เกียจจะสนใจเธอ
การไม่เห็นความสำคัญ…..บางครั้งก็เป็นการดูถูกอย่างแรง
“หยุนโหว เมื่อครู่การแสดงตอนทดสอบบทของฉัน คุณพอใจหรือไม่?” ตู๋กูซิงหลันยังคงไม่คลายมือออกจากหยุนโหว
ตอนนี้แค่ได้ยินเธอเรียกชื่อตัวเอง หยุนโหวก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้ว
เขาไม่กล้าคาดหวังว่าผู้หญิงอ่อนแออย่างซ่งเจียงเสวี่ยจะช่วยเหลืออะไรตนเองได้
เห็นหรือเปล่าว่า เหล่าผู้บริหารของเทียนหยิ่งตอนนี้กลายเป็นก้อนหินกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าร้องเรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยเลยสักคน
เมื่อตกอยู่ใต้การคุกคามที่บ้าระห่ำของเยี่ยซิงหลัน เขาก็ได้แต่เป็นฝ่ายยอมแพ้เท่านั้น!
เขาพยักหน้าติดๆกันหลายครั้ง ค่อยส่งยิ้มเปลี้ยๆให้ “พอใจ พอใจมากๆเลย ย่อมต้องพอใจมากอยู่แล้ว”
“ในเมื่อพอใจ ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นค่าตัวหน่อยเป็นไง?”
หยุนโหว “……..”
………………………………………….