ศักราชใหม่เริ่มนับจากวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติ เป็นวันแรกของเทศกาลชุนเจี๋ย ในวันนี้เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น รวมถึงทูตจากต่างแดนจะเข้ามาถวายพระพรจักรพรรดิต้าโจว
ในช่วงเวลาเดียวกัน บรรดาองค์หญิง พระชายาอ๋อง รวมถึงสตรีที่มียศศักดิ์จากทั้งในและนอกวังจะต้องไปถวายพระพรไทเฮาและฮองเฮาด้วยเช่นกัน
กว่าพิธีการทั้งหมดจะเสร็จสิ้น และตำหนักฉางเซิงจัดเตรียมสถานที่สำหรับงานเลี้ยงฉลองเรียบร้อย ก็ทำเอาทุกผู้ทุกคนต่างเหนื่อยล้าไปตามๆ กัน
แต่แม้ร่างกายจะอ่อนล้าหมดแรงก็ไม่อาจละความสนใจไปจากอดีตไท่จื่อ หลู่อ๋องและเยี่ยนอ๋องได้
ไท่จื่อมาถึงก่อนเวลา บัดนี้ถึงได้นั่งจิบชาอยู่ในมุม หากเทียบกับความร่าเริงสดใสยามที่ดำรงตำแหน่งไท่จื่อแล้ว ตอนนี้ดูหดหู่อย่างเห็นได้ชัด
ผู้คนเหลือบมองด้วยหางตาเป็นครั้งคราวด้วยความรู้สึกสะใจ
ในที่สุดโคลนสาบก็หลุดร่วงลงมาจากกำแพง ทีแรกพวกเขาหลงคิดว่าโคลนนั้นจะเกาะติดอยู่บนผนังไปชั่วชีวิตเสียอีก
แม้จะอยากเดินเข้าไปพูดจาแดกดัน แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าออกตัวเป็นคนแรก
เพราะมีบทเรียนของหลู่อ๋องให้ดูเป็นตัวอย่าง พวกเขาจึงไม่กล้าทำเรื่องโง่ๆ เช่นนั้น
ทั้งหมดมองไปทางหลู่อ๋องอีกครั้ง
แม้หลู่อ๋องจะไม่ถูกพระชายาต่อว่า แต่จู่ๆ ก็มียศต่ำกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ทำให้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขารู้สึกไม่ชอบใจนัก
เขาดื่มชาลงคออึกแล้วอึกเล่า ก่อนจะหันไปคำรามใส่เซียงอ๋องที่นั่งอยู่ใกล้สุด “เจ้าแปด ถ้าเจ้าอยากมอง เจ้าก็มองเถอะ อย่าได้เล่นหูเล่นตาเหมือนพวกผู้หญิงจะได้ไหม”
เซียงอ๋องดึงมุมปากพลางก่นด่าในใจ มารดามันเถอะ เล่นหูเล่นตาเขาใช้แบบนี้ที่ไหนกันเล่า
“พี่ห้าไม่เห็นจะต้องฉุนเฉียวเพียงนั้น ข้าก็แค่เป็นห่วงพี่เท่านั้นเอง”
หลู่อ๋องวางถ้วยชาลงบนโต๊ะก่อนจะหัวเราะเย้ยหยัน “คงไม่ต้องลำบากเจ้าถึงขนาดนั้น เจ้าเป็นห่วงตัวเองเถิดว่าเมื่อไหร่จะได้แต่งงาน”
สีหน้าเซียงอ๋องเปลี่ยนไปในทันที “พี่ห้า พี่หมายความว่ายังไง”
ต่อยคน อย่าต่อยหน้า ด่าคน อย่าจี้จุดอ่อน สิ่งที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดตอนนี้คือ ‘แต่งงาน’
เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องที่พบชายชู้ของชุยหมิงเย่ว์ระหว่างทางไปรับตัวเจ้าสาวจะตกเป็นขี้ปากให้ผู้คนหัวเราะเยาะ แต่นึกไม่ถึงว่า สุดท้ายชุยหมิงเย่ว์จะแต่งงานกับชายชู้ และฆ่าสามีตัวเองก่อนจะหนีไป!
เพียงแค่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เหงื่อท่วมด้วยความเดือดดาล
พวกสตรีช่างน่ากลัวเสียจริง เขากล่าวโทษอีกฝ่ายที่ทำให้เขาขายหน้าเพราะถูกสวมเขาได้ที่ไหนกัน เพราะแค่นางไม่ฆ่าเขา ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว
แต่งงานงั้นหรือ ชีวิตนี้เขาไม่มีทางแต่งงานอีกแล้ว…
เซียงอ๋องที่ถูกเอาคืนเจ็บใจจี๊ด แววตาที่จดจ้องไปที่หลู่อ๋องเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
ฝ่ายหลู่อ๋องที่ไม่มีอะไรจะเสียกลอกตาชุดใหญ่ พร้อมเอ่ยวาจายียวนกวนประสาท “ก็ความหมายเดียวกันกับที่เจ้าคิดนั่นแหละ น้องแปดมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น คงอยากต่อยข้าสินะ”
ในเมื่อยศก็ถูกลดไปแล้ว หากเจ้าแปดกล้าชกเขา ไม่แน่เขาอาจจะได้สหายร่วมยศเพิ่มอีกคน
หลู่อ๋องมองเซียงอ๋องด้วยสายตาเว้าวอน
เซียงอ๋องพลันได้สติ
เจ้าห้าหวังจะให้เขาถูกเสด็จพ่อลงโทษเหมือนกันล่ะสิ ฝันไปเถอะ!
เซียงอ๋องสงบสติลงพร้อมส่งยิ้มเล็กน้อย “ได้อย่างไรเล่า ข้ารักพี่ห้าออกปานนั้น”
ความหวังของหลู่อ๋องพังครืดในพริบตา เขาหันไปจิบชาอย่างหัวเสีย
ฝ่ายพวกสตรีในวังก็กำลังตกอยู่ในวังวนความคิดไม่ต่างกัน
“หมู่นี้ไม่ค่อยได้พบพี่สะใภ้สามเลยเพคะ เหตุใดถึงได้ดูซูบลงเพียงนี้” พระชายาฉีอ๋องถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
พระชายาจิ้นอ๋องพิศมองไปที่พระชายาฉีอ๋องก่อนจะกล่าวนุ่มนวล “จะขึ้นศักราชใหม่มีเรื่องให้จัดการมากมาย ว่าแต่น้องสะใภ้สี่สีหน้าดูสดชื่นเชียว”
นางไม่เคยรู้สึกพะว้าพะวังมากเท่านี้มาก่อน
เดิมที มีไท่จื่อครองตำแหน่งอยู่ทั้งคน ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยจินตนาการว่าตำแหน่งจะว่างเว้น แต่มาวันนี้ ไท่จื่อถูกปลดแล้ว ส่วนท่านอ๋องก็เป็นองค์ชายองค์ลำดับถัดจากอดีตไท่จื่อ การปะทะคารมกับฉีอ๋องทำให้นางพลอยหวั่นใจด้วย
แค่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกๆ เท่านี้ไม่พอหรือ ท่านอ๋องบอกว่าจะหาตำแหน่งให้นาง แต่นางไม่เคยคิดอยากไปนั่งตำแหน่งฮองเฮาเลยสักครั้ง
แต่ในเมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องคิดเห็นตามสามี เมื่อสามีตัดสินใจแล้ว นางคงทำได้เพียงกัดฟันเดินตามไป ไม่ถูกไม่ควรหากจะถ่วงความเจริญอยู่ข้างหลัง
ครั้นได้ฟังคำของพระชายาจิ้นอ๋อง พระชายาฉีอ๋องก็หัวเราะร่า “ใช่เพคะ หม่อมฉันไม่คิดเลยว่าลูกในท้องจะช่วยหม่อมฉันได้มากเพียงนี้ ตอนตั้งท้องย่วนเจี่ยเอ๋อร์หาเป็นเช่นนี้ไม่ ตอนนั้นวันๆ หนึ่งอาเจียนไปไม่รู้กี่รอบ เสวยอะไรก็ไม่ได้ คราวนั้นซูบลงไปเป็นสิบชั่งเลยเพคะ…”
พระชายาจิ้นอ๋องคลี่ยิ้ม “น้องสะใภ้สี่ช่างโชคดีเหลือเกิน”
“พี่สะใภ้สามต่างหากที่โชคดี ฝูเกอเอ๋อร์เป็นเด็กดีเชื่อฟัง ส่วนพี่สาวอีกสองคนก็เริ่มโตกันหมดแล้ว” เพียงนางเอ่ยถึงเรื่องนี้ ในใจของพระชายาฉีอ๋องก็ปวดแปลบขึ้นมาทันใด
เพราะหากว่ากันตามจริงแล้ว พระชายาจิ้นต่างหากที่โชคดี เพราะทั้งบุตรีสองคน และบุตรชายอีกหนึ่งคนของจิ้นอ๋องล้วนเกิดจากนางผู้เป็นภรรยาเอกทั้งสิ้น ส่วนตัวนาง พวกสนมของท่านอ๋องมีบุตรปาเข้าไปสี่ห้าคนแล้ว…
แม้จะรู้สึกอัดอั้น แต่ถึงกระนั้นพระชายาฉีอ๋องก็ยังพยายามปลอบใจตัวเอง นางสนมจะมีลูกเท่าไหร่ก็ช่าง ขอแค่มีบุตรชายเกิดจากนางก็พอ
ลูกในท้องของนางตอนนี้จะต้องเป็นเพศชายเท่านั้น ท่านอ๋องก็จะไร้จุดด่างพร้อย ส่วนจิ้นอ๋องที่ไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะชิงตำแหน่งไท่จื่อ ใครจะสนใจว่าพระชายาจิ้นจะมีบุตรชายบุตรสาวกี่คน
นางคิดเช่นนั้นในขณะที่สายตาชำเลืองมองไปที่เจียงซื่อ
พระชายาฉีอ๋องหลุดยิ้มออกมาหนหนึ่งก่อนที่นางจะรีบละสายตากลับไป หลังจากนั้นความว้าวุ่นใจก็รุมกระหน่ำซ้ำเติม
เพราะจู่ๆ นางก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
ก็คงไม่แปลกเพราะพระชายาเยี่ยนอ๋องเพิ่งจะกำจัดองค์หญิงใหญ่หรงหยางไปเมื่อไม่นาน…
ครั้นนึกถึงเหตุการณ์นั้น พระชายาฉีอ๋องก็รู้สึกลัวเจียงซื่อขึ้นมาดื้อๆ นางใคร่ครวญในใจว่า รอให้สบโอกาสก่อนเถอะ นางจะหาวิธีกำจัดพระชายาเยี่ยนอ๋องให้ไม่มีทางกลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีก
และคนตายเท่านั้นที่จะเป็นอย่างที่ว่า… ความคิดแวบเข้ามาในหัวของพระชายาฉีอ๋อง
เจียงซื่อหลุบตาลงมองถ้วยชาตรงหน้า
น้ำใสแจ๋วในถ้วยสะท้อนเงาของนาง
พระชายาฉีอ๋องมีความคิดจะกำจัดนางตั้งแต่เมื่อใดกัน เมื่อชาติที่แล้วพระชายาฉีอ๋องลงมือด้วยตัวเอง ว่าแต่ในตอนนั้นเสียนเฟยมีส่วนในเรื่องนี้ด้วยหรือไม่
นางยกชาขึ้นมาละเลียดทีละน้อย ส่วนหูก็ฟังที่พระชายาฉีอ๋องปลอบใจพระชายาหลู่อ๋อง
“น้องสะใภ้ห้าอย่าเพิ่งเป็นทุกข์ใจไปเลย ไม่แน่อีกไม่นานเสด็จพ่ออาจจะยกโทษให้ก็เป็นได้”
สีหน้าของพระชายาหลู่อ๋องกลับสดชื่นอย่างน่าประหลาด “พี่สะใภ้สี่กำลังตรัสอะไรหรือเพคะ งานฉลองศักราชใหม่รื่นเริงออกปานนี้ หม่อมฉันสบายใจหาใดเปรียบ แล้วมีเรื่องอะไรให้หม่อมฉันต้องทุกข์ใจหรือเพคะ”
ปกติช่วงปีใหม่ ท่านอ๋องผู้มักมากมักจะร้องขอนางสนมคนใหม่เป็นของกำนัล แต่พอมาปีนี้กลับไม่กล้าปริปากขอเลยสักคำ นางมีความสุขออกปานนี้ หากจะทุกข์ก็เพราะสีหน้าเสแสร้งของพระชายาฉีอ๋องนั่นแหละ
ในความคิดของนาง จะหน้าตาขี้เหร่สักหน่อยก็มิใช่เรื่องใหญ่ แต่หากรอยยิ้มยังเป็นของปลอม นางคงยกโทษให้ไม่ได้
กับคนพรรค์นี้ อยู่ห่างให้ไกลจะดีกว่า
พระชายาฉีอ๋องที่ถูกตอกหน้ากลับไปเช่นนั้นได้แต่ยกชาขึ้นมาจิบกลบเกลื่อน นางลอบกัดฟันพลางคิด หากนางได้ขึ้นเป็นฮองเฮาวันใด นางจะกำจัดพวกจิ้งจอกชั่วพวกนี้ให้สิ้นซาก
เมื่อฮ่องเต้และฮองเฮาเปิดพิธีเลี้ยงฉลองเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในงานต่างก็ดึงสติตัวเองกลับมา และกินดื่มรื่นเริงไปกับการแสดงตรงหน้า
จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุดลง จิ่งหมิงฮ่องเต้ที่คร่ำเคร่งมาตลอดวันถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
โชคดีที่วันนี้ไม่มีเรื่องอะไร
แต่ละคนต่างเข้ามาทูลลาฮ่องเต้และฮองเฮา และเตรียมแยกย้ายกลับจวน
รถม้าทั้งหมดจอดรอท่าอยู่ที่นอกประตูวังซึ่งห่างออกไปไม่ไกล อวี้จิ่นอุ้มเจียงซื่อขึ้นไปบนรถม้าก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นไปนั่ง การกระทำนั้นดึงดูดสายตาหลายคู่ หลายคนเบะปากส่ายหัวกันยกใหญ่
อุ้มเมียต่อหน้าฝูงชนมากมายขนาดนี้ หนำซ้ำยังตามขึ้นไปนั่งในรถม้าอีก หน้าไม่อายจริงๆ หน้าไม่อายเลยจริงๆ
ฉีอ๋องคิดเช่นนั้นก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
ส่วนพระชายาฉีอ๋องก็ถอนสายตาแห่งความรังเกียจกลับมาเช่นกัน
เยี่ยนอ๋องไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเพียงนั้น จะไปสู้ท่านอ๋องได้อย่างไร หากนางเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋อง คงขายขี้หน้าเขาตาย
พระชายาฉีอ๋องเอื้อมมือไปจับแขนของสาวรับใช้เพื่อขึ้นไปบนรถม้า