อดีตไท่จื่อพุ่งปราดเข้าไปอุ้มร่างของฉุนเกอเอ๋อร์ขึ้นมาเขย่าอย่างบ้าคลั่ง “ฉุนเกอเอ๋อร์ ฉุนเกอเอ๋อร์!”
เมื่อเห็นว่าศีรษะของเด็กน้อยห้อยต่องแต่ง ไร้การตอบสนอง เขาจึงแผดเสียงแหบแห้ง “หมอเล่า ท่านหมออยู่ไหน”
พระชายาจิ้งอ๋องใช้มือดันตัวอดีตไท่จื่อ “เจ้ากำลังทำให้ฉุนเกอเอ๋อร์บาดเจ็บ…”
รอบๆ ทะเลสาบมีคนยืนอออยู่แน่นขนัด สีหน้าท่าทางแตกต่างกันออกไป
อวี้จิ่นเฝ้ามองสภาพหมดอาลัยตายอยากของพระชายาจิ้งแล้วอดใจอ่อนไม่ได้
เขาไม่เคยสนใจว่าใครจะเป็นหรือใครจะตาย แต่เพราะตอนนี้อาซื่อก็กำลังจะเป็นแม่คน หากมารดาต้องเสียบุตรไป คงทุกข์ทรมานมากจริงไหม
อวี้จิ่นฉุกคิดบางอย่างก่อนจะก้าวฉับเข้าไปหา
“เจ้าจะทำอะไร” อดีตไท่จื่อเห็นว่าอวี้จิ่นกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เขาจึงตะโกนออกมาด้วยความระแวง
อวี้จิ่นยื่นมือออกไป “ให้ข้าดูก่อนว่ายังช่วยได้หรือไม่”
“เจ้าว่าอะไรนะ” อดีตไท่จื่อชะงักงัน
พระชายาจิ้งอ๋องดันตัวอดีตไท่จื่อออกไปด้านข้างก่อนจะส่งฉุนเกอเอ๋อร์ให้อวี้จิ่น
“เจ้าเสียสติไปแล้วรึ” อดีตไท่จื่อตวาดใส่พระชายา
พระชายาไม่แม้แต่จะหันไปมอง สายตายังคงจดจ้องไปที่อวี้จิ่น ไม่พูดไม่จา
ความสิ้นหวังของผู้เป็นมารดาทำให้นางยังเชื่อ แม้ความหวังเหลืออยู่เพียงริบหรี่
นางไม่อาจยอมรับความจริงว่าฉุนเกอเอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว ฉุนเกอเอ๋อร์คือทั้งหมดของชีวิตนาง เพราะหากไม่มีบุตรชาย นางก็ไม่มีเหตุผลให้หายใจอีกต่อไป
อวี้จิ่นใช้นิ้วล้วงเข้าไปในปากของฉุนเกอเอ๋อร์
อดีตไท่จื่อร้อนรน พุ่งตัวเข้าไปจับไหล่ของอวี้จิ่น “เจ้าเจ็ด นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร”
“เจ้าช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์ได้จริงๆ หรือ”
อวี้จิ่นหมดความอดทน จึงตะโกนด่า “พวกคนโง่ หุบปากสักที! ก็ข้าบอกแล้วว่าจะลองดู ข้ากำลังรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[1] พวกเจ้าไม่เข้าใจหรืออย่างไร คนที่ตายก็คือลูกของพวกเจ้า มิใช่ลูกของใครที่ไหน อีกอย่างข้าก็ไม่ได้เป็นคนผลักลงไป สมองพวกเจ้ามีปัญหาในการคิดใคร่ครวญหรือ ถึงพยายามให้ข้ารับปากว่าจะช่วยชีวิตได้”
อดีตไท่จื่อที่ถูกติงเช่นนั้นงงงวยในทันใด “เจ้า เจ้า เจ้า…”
พระชายาจิ้งอ๋องหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะทุบเข้าที่ศีรษะของอดีตไท่จื่อ
การกระทำนั้นเกิดขึ้นในเวลาเพียงช่วงหนึ่งลมหายใจ อดีตไท่จื่อยังไม่ทันตอบสนอง เมื่อศีรษะถูกกระแทกเข้าเต็มรัก ดวงตาทั้งสองข้างก็กลอกขึ้นบน ก่อนที่ร่างกายจะล้มพับลงไป
ทั้งหมดตะลึงตาค้าง
พระชายาจิ้งอ๋องกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เยี่ยนอ๋อง รบกวนเจ้าช่วยลองพยายามอย่างสุดความสามารถด้วยเถิด ตอนนี้ไม่มีผู้ใดรบกวนเจ้าอีกแล้ว”
อวี้จิ่นล้วงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปากฉุนเกอเอ๋อร์ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของใครหลายคน อวี้จิ่นประกบปากของตัวเองเข้าที่ปากของเด็กชาย เป่าลมเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะถอนริมฝีปากออกมา แล้วใช้มือทั้งสองที่ประสานกันกดลงบนอกของเด็กชาย
“เจ้าเจ็ดกำลังทำอะไรน่ะ” หลู่อ๋องพิศวงสงสัยพลางใช้ศอกแทงเข้าที่สีข้างของเซียงอ๋อง
เซียงอ๋องไม่สบอารมณ์พลางกล่าว “ข้าจะไปรู้รึ คงมิใช่งานอดิเรกพิสดารหรอกกระมัง”
ฉีอ๋องเพ่งจ้องไปที่อวี้จิ่นพลางคิด
ไม่คิดว่าเจ้าเจ็ดจะสอดมือเข้ามา ว่าแต่นี่เขากำลังทำอะไรของเขา ดูพิลึกยิ่งนัก…
ท่าทีของจิ้นอ๋องไม่ต่างจากคนอื่นๆ มากนัก เพียงแต่แววตาขับประกายเย็นชาประหนึ่งห่อหุ้มด้วยชั้นน้ำแข็ง
ก็นับว่าแผนการดำเนินไปได้ด้วยดี แค่ให้คนไปผลักเบาๆ หนึ่งชีวิตก็พลันดับสูญ ภัยคุกคามของเขาก็อันตรธานไปในพริบตา
แล้วเจ้าเจ็ดเป็นบ้าอะไรเนี่ย
ช่วยชีวิตจิ้งอ๋องซื่อจื่ออย่างนั้นหรือ หลอกลวงซะไม่มี
ในขณะที่ผู้คนกำลังคิดว่านี่คือเรื่องหลอกลวงไร้สาระ จู่ๆ ฉุนเกอเอ๋อร์ก็ค่อยๆ อ้าปากก่อนจะสำลักออกมา
พระชายาจิ้งอ๋องปล่อยก้อนหินในมือร่วงลงพื้น ก่อนจะถลาร่างเข้าไปหาบุตรชาย “ฉุนเกอเอ๋อร์…”
ฉุนเกอเอ๋อร์สำลักน้ำออกมาอีกหนก่อนจะลืมตาเชื่องช้า
“ฉุนเกอเอ๋อร์ ฉุนเกอเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” พระชายาจิ้งอ๋องฟูมฟายพลางถาม
อวี้จิ่นยืดหลังเงียบเชียบ เฝ้ามองฉุนเกอเอ๋อร์ที่ฟื้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ
ที่เขาช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์เป็นเพราะเขาไม่อาจทนดูมารดาสูญเสียบุตรไปต่อหน้า เขาไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึกติดค้าง
ฉุนเกอเอ๋อร์กะพริบตา สายตาที่พร่ามัวเริ่มเห็นชัดเจน เสียงนุ่มนิ่มร้องเรียก “ท่านแม่…”
พระชายาจิ้งอ๋องตระกองกอดบุตรชายพร้อมน้ำตาไหลพราก
“ท่านหมอมาแล้ว ท่านหมอมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
คนที่พาตัวแพทย์มากล่าวร้องสุดเสียง
หมอเหลียงหายใจหอบรัวถามขึ้นทันใด “ซื่อจื่อล่ะ”
พระชายาจิ้งอ๋องกล่าวเสียงเข้ม “ซื่อจื่อไม่เป็นอะไรแล้ว รบกวนท่านหมอช่วยดูอาการท่านอ๋องแทนก็แล้วกัน”
หมอเหลียง ??
อ่าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า!
ทุกคนล้อมวงกันเข้ามา เสียงปลอบขวัญพระชายาจิ้งอ๋องพรั่งพรูไม่ขาดสาย “ดีเหลือเกิน ซื่อจื่อไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…”
นางกอดฉุนเกอเอ๋อร์ไว้แน่นประหนึ่งสิ่งของล้ำค่า อาการตื่นตระหนกยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไป
จะให้นางรู้สึกยินดีเหมือนยามที่ได้ของหายกลับคืนมาคงเป็นไปไม่ได้ นางในตอนนี้ มีแต่ความหวาดกลัวเท่านั้น
แค่นิดเดียว แค่นิดเดียว ฉุนเกอเอ๋อร์ก็จะจากนางไปไกลแสนไกล…
“พระชายา ด้านนอกอากาศหนาวเย็น และซื่อจื่อก็ตัวเปียกโชก รีบพาเข้าไปในห้องอุ่นๆ ก่อนจะดีกว่า” มีคนเอ่ยเตือน
พระชายาจิ้งอ๋องก้มหน้าพรมจูบที่หน้าผากของฉุนเกอเอ๋อร์ “ฉุนเกอเอ๋อร์ แม่จะพาเจ้าเข้าไปข้างใน”
ฉุนเกอเอ๋อร์ที่ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดมารดาเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ มีคนผลักข้า…”
ประโยคนั้นทำให้เสียงซุบซิบเงียบลงทันใด สายตาทุกคู่หันไปหยุดที่ฉุนเกอเอ๋อร์
แม้แต่อดีตไท่จื่อก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ทำเอาหมอเหลียงที่กำลังถวายการรักษาล้มก้นจ้ำเบ้า “เจ้าว่าอะไรนะ”
แม้ฉุนเกอเอ๋อร์จะอายุยังน้อย แต่เด็กชายก็กล่าวด้วยท่าทีสงบนิ่ง “มีคนผลักข้า ข้าเห็นเงาสะท้อนของนางในทะเลสาบ”
อาการของแต่ละคนผิดแผกไปจากเดิม
อดีตไท่จื่อโกรธขึ้งประหนึ่งฟ้าคำราม “ไอ้คนระยำ ต่อให้ต้องขุดลึกลงไปใต้ดิน ก็ต้องหาตัวคนที่ทำร้ายซื่อจื่อมาให้ได้!”
พระชายาจิ้งอ๋องอุ้มฉุนเกอเอ๋อร์ขึ้นมา เพราะไม่ต้องการให้บุตรชายต้องเผชิญกับเรื่องพวกนี้อีกแล้ว
นางหันไปโค้งตัวให้อวี้จิ่น “น้องเจ็ด เรื่องคราวนี้ขอบใจเจ้ามาก เจ้าช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์เอาไว้ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย”
อวี้จิ่นหัวเราะ “ข้าก็แค่ลองเสี่ยงดูเท่านั้น การที่สามารถช่วยฉุนเกอเอ๋อร์ไว้ได้ คงเป็นเพราะชะตาของฉุนเกอเอ๋อร์ยังไม่ถึงฆาต พี่สะใภ้รองมิจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ”
เสียงเห็นพ้องดังขึ้นพร้อมกัน “จริงด้วยๆ ซื่อจื่อฟาดเคราะห์คราวนี้ อนาคตคงมีโชคดีตามมา…”
แม้ใบหน้าของจิ้นอ๋องจะเปลี่ยนไปจากเดิมไม่มากนัก ทว่าหมัดของเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
ฉีอ๋องยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าเจ็ดจะสร้างความแปลกใจได้ถึงเพียงนี้ คราวนี้เจ้าสามคงถึงคราวซวยแล้วเป็นแน่!
เพียงจินตนาการว่าจิ้นอ๋องจะต้องพบเจอเรื่องอะไรบ้าง ฉีอ๋องก็เป็นสุขเกินจะบรรยาย
“ข้าจะเข้าวังไปกราบทูลเสด็จพ่อ!” อดีตไท่จื่อคำราม ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าวังโดยมิได้สนใจแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของตน
……
จิ่งหมิงฮ่องเต้หวนคิดถึงวันที่ฮองเฮาพระองค์ก่อนให้ประสูติอดีตไท่จื่อ
เขายังจำวันที่ฮองเฮาองค์ก่อนให้ประสูติบุตรชายได้ดี และไม่อาจลืมเรื่องนี้ไปจากใจ
ครั้นได้ยินข้าหลวงรายงานว่าจิ้งอ๋องมาขอเข้าเฝ้า จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ขมวดพระขนงมุ่น “เขามาทำไมกัน”
หรือจะให้เขาร่วมฉลองวันเกิดอย่างนั้นหรือ
“จิ้งอ๋อง…จิ้งอ๋องแจ้งว่าซื่อจื่อพลัดตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลุกพรวด และเนื่องจากลุกเร็วเกินไปจึงเซเล็กน้อย เขารีบตะโกน “ให้เขาเข้ามา!”
เพียงชั่วอึดใจ อดีตไท่จื่อก็เข้ามา ทันทีที่เห็นพระพักตร์ของจิ่งหมิงฮ่องเต้ ชายหนุ่มก็ร้องไห้ฟูมฟาย “เสด็จพ่อ มีคนผลักฉุนเกอเอ๋อร์ตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ ฮือๆๆ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้สดับฟังดังนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“เสด็จพ่อ พระองค์ต้องจัดการเรื่องนี้แทนฉุนเกอเอ๋อร์นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใครเป็นคนสังหารฉุนเกอเอ๋อร์” จิ่งหมิงฮ่องเต้กลั้นใจถามแม้หัวใจจะรู้สึกปวดร้าว
อดีตไท่จื่อกะพริบตาก่อนจะอธิบาย “แต่ตอนนี้มีคนช่วยฉุนเกอเอ๋อร์ไว้ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ…”
—————————————————-
[1] รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น หมายถึง ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางรักษาได้อย่างแน่นอนแต่ยังคงมีความหวัง โดยปกติจะยังหมายถึงการพยายามครั้งสุดท้ายด้วย