ฉุนเกอเอ๋อร์ยังไม่ตายงั้นหรือ
จิ่งหมิงฮ่องเต้พุ่งปราดเข้าไปทุบอดีตไท่จื่อดังอั๊ก “ไอ้นี่มันวอนนัก ฉุนเกอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร แล้วเหตุใดไม่พูดให้ชัดแต่แรก!”
อดีตไท่จื่อกุมศีรษะพลางอธิบาย “ลูกไม่ได้บอกว่าฉุนเกอเอ๋อร์เป็นอะไรนี่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อเข้าใจผิดไปเองต่างหาก…”
บัดนี้จิ่งหมิงฮ่องเต้มิได้สนใจสิ่งใดอีกแล้ว เขาทุบอดีตไท่จื่อไม่ยั้ง จนบุตรชายร้องโอดครวญไม่เป็นคำ
พานไห่ก้มศีรษะต่ำลงมองปลายจมูกของตัวเอง ประหนึ่งว่าตนไม่ได้อยู่ตรงนั้น
จิ่งหมิงฮ่องเต้ฟาดจนมือเจ็บแล้วถึงได้หยุด
อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ทำให้ใบหน้าของฮ่องเต้แดงก่ำ เสียงหายใจหอบรัวไม่เป็นส่ำ
อดีตไท่จื่อก้มหน้าเงียบงัน
เดิมทีที่เข้าวังมา หวังให้เสด็จพ่อปลอบใจ แต่ใครจะคิดว่าจะถูกตี!
ผ่านไปครู่หนึ่ง จิ่งหมิงฮ่องเต้ถึงได้สงบสติลง เขาเอ่ยถาม “เรื่องเป็นไงมาไง เจ้าอธิบายมาให้ละเอียดเดี๋ยวนี้!”
อดีตไท่จื่อเริ่มเล่าจากเรื่องงานเลี้ยงฉลองที่จิ้งหยวน จนถึงฉุนเกอเอ๋อร์พลัดตกน้ำ และอวี้จิ่นก็เข้ามาช่วย จิ่งหมิงฮ่องเต้ร้องขัด “เดี๋ยวๆ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเจ็ดเป็นคนช่วยฉุนเกอเอ๋อร์ให้ฟื้นขึ้นมาอย่างนั้นหรือ”
อดีตไท่จื่อลังเลชั่วอึดใจ
ก็ในตอนนั้นเขาถูกหยางซื่อทุบหัวจนสลบไป จึงไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!
“ลังเลอะไรอยู่เล่า เจ้าเจ็ดเป็นคนช่วยลูกชายของเจ้า จะตอบนี่มันยากนักหรือ” เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้เห็นอดีตไท่จื่อยังคงละล้าละลัง ความฉุนเฉียวก็พลุ่งพล่านขึ้นทันใด ทว่าปักใจเชื่อแล้วว่าอวี้จิ่นคือคนที่ช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์
เมื่อถูกต่อว่าเช่นนั้น อดีตไท่จื่อจึงตอบเพียง “น่าจะเป็นเจ้าเจ็ดที่ช่วยให้ฟื้นขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ…”
ครั้นเห็นสายตาของฮ่องเต้ อดีตไท่จื่อก็สบโอกาสฟ้องเรื่องที่ตนรู้สึกคับข้องใจ “เสด็จพ่ออาจจะไม่ทรงทราบ ในตอนนั้น หยางซื่อทุบศีรษะลูก จนลูกสลบไป ลูกเลยไม่เห็นว่าเจ้าเจ็ดกู้ชีพของฉุนเกอเอ๋อร์ขึ้นมา กว่าลูกจะฟื้น ฉุนเกอเอ๋อร์ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ลูกเลยไม่รู้ว่าจะกราบทูลเสด็จพ่อเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยิ้มหยัน “ที่แท้ก็เพราะเจ้าขัดขวางเจ้าเจ็ดในขณะที่เขากำลังช่วยชีวิตลูกชายเจ้านี่เอง ภรรยาเจ้าถึงได้ทำเช่นนั้น”
อดีตไท่จื่อ “…” นี่เขาไร้ประโยชน์เพียงนี้เชียวหรือ!
“พานไห่ เรียกเยี่ยนอ๋องกับพระชายาจิ้งอ๋องเข้าวังมาเดี๋ยวนี้” จิ่งหมิงฮ่องเต้หันไปออกคำสั่ง ก่อนจะหันกลับมาถามอดีตไท่จื่อ “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าฉุนเกอเอ๋อร์ถูกผลักตกน้ำ”
อดีตไท่จื่อลูบบริเวณที่ถูกฟาดพลางตอบ “ฉุนเกอเอ๋อร์บอกออกมาเองพ่ะย่ะค่ะ ตอนที่ถูกผลัก เขาเห็นเงาสะท้อนของคนร้ายในน้ำพ่ะย่ะค่ะ!”
จิ่งหมิงฮ่องเต้หรี่ตา “แล้วเจอตัวฆาตกรหรือยัง”
อดีตไท่จื่อกะพริบตา “ลูกสั่งให้เขาสืบหาตัวแล้ว ส่วนลูกก็รีบเข้ามากราบทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ”
ริมฝีปากของจิ่งหมิงฮ่องเต้สั่นระริก คันปากอย่าด่าลูกชาย ทว่าพยายามกลั้นใจเอาไว้
ช่างเถอะ แม้ว่าบุตรชายคนนี้จะไม่เคยได้ดั่งใจ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็ได้ทราบเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่ปล่อยให้เขามารู้ทีหลัง
ไม่นานนัก อวี้จิ่นและพระชายาจิ้งอ๋องก็มาถึง
“พระชายาจิ้งอ๋อง ฉุนเกอเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”
สีหน้าของพระชายาจิ้งอ๋องในตอนนี้ยังคงขาวซีด นางยังไม่หายจากอาการตื่นตระหนก “กราบทูลเสด็จพ่อ ฉุนเกอเอ๋อร์มีไข้เล็กน้อย บัดนี้เสวยโอสถต้มและพักผ่อนอยู่ที่จวน โดยมีแม่นมเฝ้าอยู่เพคะ”
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” จิ่งหมิงฮ่องเต้ถอนหายใจ
พระชายาจิ้งอ๋องชำเลืองมองไปที่อวี้จิ่นพลางบอก “โชคดีที่มีน้องเจ็ดช่วยไว้เพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้กำลังอยากทราบเรื่องนี้อยู่พอดีจึงหันไปถาม “เจ้าเจ็ด เจ้ากู้ชีพฉุนเกอเอ๋อร์ได้อย่างไรหรือ”
“อันดับแรก ลูกล้วงเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากช่องปากของฉุนเกอเอ๋อร์เสียก่อน เพื่อเปิดทางเดินหายใจ จากนั้นก็เป่าลมเข้าไปในปาก และใช้มือกดที่บริเวณทรวงอกเพื่อให้เขากลับมาหายใจอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ…” อวี้จิ่นอธิบาย
จิ่งหมิงฮ่องเต้ประหลาดใจ “เป่าลมอย่างนั้นหรือ คนที่หยุดหายใจไปแล้ว ถ้าเป่าลมเข้าไป ก็จะฟื้นขึ้นมาอีกอย่างนั้นหรือ”
อดีตไท่จื่อที่ได้ยินเรื่องราวปาฏิหาริย์รู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน สายตาจดจ้องไปที่อวี้จิ่นรอคอยคำตอบ
อวี้จิ่นกลั่นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “มิได้พ่ะย่ะค่ะ เพราะหากทำเช่นนั้นได้จริง คงไม่มีใครตายจริงไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วเหตุใดฉุนเกอเอ๋อร์ถึงได้…”
“อย่างนี้พ่ะย่ะค่ะ ที่ทางใต้มีแหล่งน้ำอยู่มาก ฉะนั้นจึงมีเหตุคนพลัดตกน้ำเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ลูกใช้ชีวิตอยู่ที่หนานเจียงมาหลายปี จึงบังเอิญเห็นคนใช้วิธีการเช่นนี้ช่วยเด็กที่ตกน้ำพ่ะย่ะค่ะ ตอนที่อยู่ที่จิ้งหยวน เห็นว่าฉุนเกอเอ๋อร์ตกลงไปในน้ำ ถึงได้ฉุกคิดเรื่องนั้น ลูกเองก็ไม่คิดว่าจะช่วยฉุนเกอเอ๋อร์ได้จริงๆ และถึงแม้จะช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้แล้ว แต่ลูกกลับมิได้เข้าใจกลไกของวิธีที่ว่านี้ขนาดนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้จิ่นกวาดตามองไปรอบห้อง พร้อมกล่าวเสริม “ยังไม่มีข้อสรุปว่าวิธีนี้ได้ผลจริงหรือไม่ เพราะแม้จะทำแบบเดียวกัน แต่จำนวนผู้รอดชีวิตกลับมีเพียงสองถึงสามจากสิบคนเท่านั้น”
ครั้นกล่าวถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ส่งยิ้ม “ฉะนั้นคงเป็นเพราะจิ้งอ๋องซื่อจื่อเคราะห์ดี เป็นผู้มีบุญวาสนาพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ได้ฟังดังนั้นก็สบายใจ แต่ก็อดหันไปส่งสายตาตำหนิอดีตไท่จื่อไม่ได้
ทั้งที่เจ้าเจ็ดสามารถพูดเอาความดีเข้าตัวได้ เพราะเขาช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์เอาไว้ แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
เรื่องที่เจ้าเจ็ดไม่เอาความดีเข้าตัว เขาเองจะจำไว้
ต่อหน้าจิ่งหมิงฮ่องเต้ พระชายาจิ้งอ๋องค้อมหลังถวายความเคารพแก่อวี้จิ่น “น้องเจ็ดคือผู้มีพระคุณของฉุนเกอเอ๋อร์ เพราะหากปราศจากวิธีการอันน่าอัศจรรย์ของน้องเจ็ดแล้ว ต่อให้ฉุนเกอเอ๋อร์จะเคราะห์ดีเพียงใด ก็คงไม่ดีถึงขนาดมีชีวิตรอดกลับมา”
อดีตไท่จื่อให้ความสำคัญต่อบุตรชายคนเดียวของเขาไม่แพ้กัน เมื่อได้ยินพระชายากล่าวเช่นนั้น เขาก็รีบยกมือขึ้นมาคารวะตามทันที “น้องเจ็ด ข้าขอบใจเจ้ามาก”
“พี่รองกับพี่สะใภ้รองมิจำเป็นต้องกล่าวเช่นนี้ เพราะอย่างไรฉุนเกอเอ๋อร์ก็เป็นหลานของข้า” แม้อวี้จิ่นจะเป็นพวกเน้นทำไม่เน้นพูด แต่ก็ใช่ว่าไม่มีทักษะในการพูด เมื่อใจนึกอยากจะกล่าวถ้อยคำดีๆ เพียงอ้าปาก วาจาหวานเสนาะหูก็พรั่งพรูออกมาเอง
จิ่งหมิงฮ่องเต้เห็นสองพี่น้องปรองดองกันก็อดชื่นใจไม่ได้
“พระชายาจิ้งอ๋อง ข้าได้ยินจิ้งอ๋องบอกว่ามีคนผลักฉุนเกอเอ๋อร์ตกน้ำ เป็นจริงดังนั้นหรือ” จิ่งหมิงฮ่องเต้ต้องการการยืนยันจากพระชายาจิ้งอ๋อง
อดีตไท่จื่อได้ยินก็นึกอยากจะกลอกตา
นี่เสด็จพ่อไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดเลยงั้นหรือ
พระชายาจิ้งผงกศีรษะรับ “ฉุนเกอเอ๋อร์บอกเองหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาเพคะ”
“แล้วจับคนที่ทำฉุนเกอเอ๋อร์ได้แล้วรึ”
“ก่อนที่หม่อมฉันจะออกจากจวน พบตัวคนผู้นั้นแล้วเพคะ แต่เพลานี้สถานการณ์เป็นเช่นไรไม่อาจทราบได้…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่คิดว่าจะจับตัวคนร้ายได้เร็วถึงเพียงนี้ เขารีบหันไปสั่งพานไห่ “รีบส่งคนไปสืบ”
พานไห่รับคำสั่งแล้วก็รีบออกไปทันที
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่ได้สั่งให้อวี้จิ่นและอีกสองคนออกไป เขากล่าวเย็นเยียบ “ข้าจะไม่ปล่อยคนที่ลงมือกับฉุนเกอเอ๋อร์เป็นอันขาด พวกเจ้ารออยู่ที่นี่กับข้า รอดูว่าคนที่ทำร้ายฉุนเกอเอ๋อร์คือผู้ใด!”
เขาไม่เชื่อว่าคนทุกคนจะปากแข็งได้อย่างตั่วหมัวมัว คราวนี้เขาจะสืบให้ถึงต้นต่อเลยคอยดู!
แต่กลายเป็นว่า ทุกอย่างง่ายดายกว่าที่จิ่งหมิงฮ่องเต้จินตนาการไว้เสียอีก
เมื่อพานไห่ลากตัวคนที่ผลักฉุนเกอเอ๋อร์มาที่หน้าจิ่งหมิงฮ่องเต้ เขาก็แทบจะสารภาพออกมาหมดเปลือก
“บ่าวไม่มีทางเลือก หากบ่าวไม่ทำ คนในครอบครัวของบ่าวก็จะต้องตายเพคะ”
“แล้วใครเป็นคนสั่งเจ้า” จิ่งหมิงฮ่องเต้ถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าในใจว้าวุ่นไม่เป็นสุข
“คือ…คือจิ้นอ๋องเพคะ…”
อดีตไท่จื่อได้ยินก็ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที “เหตุใดเจ้าสามถึงต้องทำร้ายฉุนเกอเอ๋อร์ด้วยเล่า”
จิ่งหมิงฮ่องเต้คว้าถ้วยน้ำชาบนโต๊ะปาลงพื้น “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!”
ในขณะที่เจ้ารองยังคงคิดไม่ตกว่าเหตุใดเจ้าสามถึงพุ่งเป้ามาที่ฉุนเกอเอ๋อร์ แต่ทว่าฮ่องเต้รู้แจ้งแก่ใจ
เจ้าสามที่หวังได้ครองตำแหน่งจนเนื้อเต้นคงได้ยินข่าวเรื่องการคืนตำแหน่งไท่ซุน เขาเลยคิดว่าฉุนเกอเอ๋อร์เป็นภัยคุกคาม!
การที่ตำแหน่งองค์รัชทายาทถูกทิ้งว่างเช่นนี้ทำให้สัตว์ร้ายถือกำเนิดขึ้น
“ไปเรียกจิ้นอ๋องเข้าวังมาบัดเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่จิ้นอ๋องคุกเข่าอยู่ต่อหน้าจิ่งหมิงฮ่องเต้ และเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของฮ่องเต้แล้ว เขาก็ทราบได้ทันทีว่าคงถึงคราวจบสิ้นแล้ว
เขาก้มลงจ้องมองพื้นสีทองมันปลาบที่สะท้อนใบหน้า พลางหัวเราะเยาะกับตัวเอง
เสียใจงั้นหรือ ในเมื่อเขาคิดจะแย่งตำแหน่งนั้น เขาไม่มีสิทธิ์เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากจะรู้สึกผิด ก็คงรู้สึกผิดต่อภรรยาและบุตรเท่านั้น