การแท้งบุตรเมื่อตอนต้นปีส่งผลให้ร่างกายของพระชายาฉีทรุดลงไปมากทีเดียว สภาพจิตใจของนางห่อเหี่ยวเฉื่อยชา แต่ครั้นได้ทราบข่าวที่จิ้นอ๋องถูกลงโทษ นางกลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ “ท่านอ๋อง จิ้นอ๋องถูกลงโทษให้ไปเฝ้าอยู่ที่สุสานหลวงจริงๆ หรือเพคะ”
ฉีอ๋องส่งยิ้มพลางบอก “เรื่องแบบนี้จะล้อเล่นได้อย่างไร ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ทั้งภรรยาและลูกชายและลูกสาวก็ไปอยู่ที่นั่นด้วย แม้แต่พระสนมอันผู้เสวยสุขอยู่ในวังหลวงยังถูกเสด็จพ่อขับออกจากวัง”
“ดีเหลือเกิน ดีเหลือเกินเพคะ!” พระชายาฉีอ๋องลูบท้องแบนราบของตัวเองและครางออกมา “ลูกแม่ เจ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่ พ่อของเจ้าแก้แค้นแทนเจ้าแล้ว!”
เด็กที่เสียชีวิตไปกลายเป็นเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงฉีอ๋องครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดจะแตะต้องมัน และเขาก็ไม่ต้องการเห็นพระชายาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ย “คนที่ทำร้ายลูกของเราก็ได้รับโทษแล้ว เจ้าเองก็ปล่อยวางเสีย และหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี ลูกก็จะกลับมาหาพวกเราอย่างแน่นอน”
พระชายาฉีอ๋องปาดน้ำตา รอยยิ้มปรากฏขึ้นเเม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีให้เห็นไม่บ่อยนัก “อื้ม หม่อมฉันจะเชื่อท่านอ๋อง เพราะท่านอ๋อง คนที่ทำร้ายลูกของพวกเราถึงได้รับกรรมที่ก่อไว้”
อายุของนางยังไม่ถึงสามสิบปี หากดูแลร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ก็มีโอกาสตั้งครรภ์อีกครั้ง
“ต้องอย่างนี้สิ” ฉีอ๋องโอบไหล่พระชายาฉีอ๋องพลางตบแผ่วเบา
เจ้าสามแพ้แล้ว โอกาสของเขาก็จะเพิ่มขึ้น แต่ถึงเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่ควรประมาทและไม่ควรปล่อยให้พระชายาที่เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายคอยถ่วงอยู่ข้างหลัง
……
อวี้จิ่นกลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋องแล้วก็ตรงไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ผู้เป็นภรรยา
แต่เจียงซื่อกลับตื่นเต้นกับเรื่องที่อวี้จิ่นกู้ชีพฉุนเกอเอ๋อร์เสียมากกว่า
“เป่าลมปราณเข้าไปเพื่อต่อชีวิต อัศจรรย์ยิ่งนัก”
จริงตามที่อวี้จิ่นบอก ที่ทางใต้มีแหล่งน้ำอยู่มาก ฉะนั้นจึงมีคนจมน้ำอยู่เนืองๆ นางเองก็เคยเห็นกับตาหลายครั้ง ทว่าไม่เคยเห็นใครเป่าลมปราณเข้าไปในร่างเพื่อช่วยชีวิตเลยสักครั้ง
ราวกับว่านางและอาจิ่นอยู่กันคนละหนานเจียงอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ จึงทำให้ดูใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ลมหายใจของเขาร้อนรุ่ม ทว่าสายตาร้อนรุ่มยิ่งกว่า
“อาซื่อถ้าเจ้าสงสัยพวกเราลองทำกันดูดีไหม”
เจียงซื่อผงะไป นางเห็นเปลวไฟในแววตาคู่งาม
นางอดคิดถึงจี้หมัวมัวที่ยืนขยับเท้าอยู่ต่อหน้านางไม่ได้
ใบหน้าเคร่งขรึมของจี้หมัวมัวกล่าวกับนางอย่างตรงไปตรงมา “ท่านอ๋องยังหนุ่มยังแน่น พระชายาจะใจไม้ไส้ระกำปล่อยให้ท่านอ๋องข่มกลั้นไปตลอดหรือเพคะ พระชายาไม่ต้องการใช้นางกำนัลเจี้ยวอิ่นจากในวังก็ไม่เป็นไร แต่ถึงอย่างไร พระองค์ก็ควรเลือกคนที่มีคุณสมบัติดีและไว้ใจได้สักคนสองคนมาปรนนิบัติท่านอ๋อง ดีกว่าปล่อยให้ท่านอ๋องเที่ยวไปเสาะหาจากข้างนอก เพราะหากถึงเพลานั้น พระชายานั่นแหละเพคะที่จะเป็นคนที่ร้องไม่ออก…”
ท้ายที่สุดจี้หมัวมัวผู้หวังดีแต่กล่าวถ้อยคำแสลงหูก็ถูกอวี้จิ่นสั่งให้ไปขัดส้วม รอจนนางพูดเรื่องดีๆ ได้ก่อนถึงจะยอมปล่อยตัวออกมา
เจียงซื่อยื่นมือไปรั้งคอของอวี้จิ่นที่กำลังโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากขบเข้ากับฟันขาว “ลองดูก็ได้”
นางเคยแอบศึกษาเรื่องนี้มาแล้วว่า แม้สตรีมีครรภ์ก็สามารถทำได้ เพราะอย่างไรนางก็ไม่มีวันหาคนอื่นให้อาจิ่น!
ทว่าอวี้จิ่นกลับกระเด้งตัวหนีไปกว่าครึ่งจั้งด้วยความตื่นตระหนกพลางกล่าวอย่างขัดเขิน “อาซื่อเรามาคุยกันดีๆ เถอะ”
เจียงซื่อหัวเราะร่า “ไม่ลองแล้วรึ”
“ไม่ลองแล้ว รออีกหน่อยคงยังไม่สาย” อวี้จิ่นปาดเหงื่อ เมื่อหวนคิดถึงหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำของตัวเองเมื่อครู่ ชายหนุ่มก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นกับตัวเอง
ก่อนที่ลูกจะคลอดออกมา เขาจะไม่ล้อเล่นกับอาซื่ออีกแล้ว เพราะสุดท้ายคนที่จะแย่เอาก็เป็นเขา
“แล้วเมื่อไหร่ลูกจะออกมาเสียที” อวี้จิ่นยื่นมือไปลูบหน้าท้องพองๆ ของเจียงซื่อ
เจียงซื่อเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก่อน จึงต้องฟังคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น “หมอเหลียงก็บอกแล้วว่าถ้าไม่ปลายเดือนห้าก็ต้นเดือนหก”
เมื่อเอ่ยถึงกำหนดคลอด เจียงซื่อรู้สึกกังวลใจอยู่ประมาณหนึ่ง “แต่หากจะให้ดีก็ควรเป็นเดือนหก”
“ทำไมรึ” อวี้จิ่นฉงนหนัก “กว่าจะถึงเดือนหกอากาศก็ร้อนแล้ว หากเจ้าต้องอยู่ไฟช่วงนั้นคงลำบากแย่”
เจียงซื่อพิศมองชายหนุ่ม “เจ้าลืมไปแล้วรึว่า เขาเชื่อกันว่าเด็กที่เกิดเดือนห้าจะโชคไม่ดี ยิ่งตรงกับเทศกาลตวนอู่ยิ่งแล้วใหญ่”
อวี้จิ่นหัวเราะแห้ง “อาซื่อเจ้าเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ”
เจียงซื่อลูบท้องน้อยๆ ของตนเองพลางถอนหายใจ “คงเป็นเพราะกำลังจะเป็นแม่คนกระมัง แม้ข้าจะไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดเห็นกับข้าเช่นไร แต่สำหรับบุตรที่กำลังจะเกิดมา ข้าก็อยากให้มีอุปสรรคน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้”
อวี้จิ่นจ้องไปที่ท้องของนางพลางยิ้ม “ข้าหวังให้ลูกเป็นผู้ชาย”
“ทำไมรึ”
“เด็กผู้ชายหนังหนา เผชิญความลำบากเล็กๆ น้อยๆ ก็มิใช่เรื่องใหญ่” อวี้จิ่นยิ้มตาหยี พลางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “เหมือนข้า ตั้งแต่เล็กข้าถูกหาว่าเป็นผู้ที่จะมาล้มล้างประมุขของประเทศ หากเทียบกับเด็กที่เกิดในเดือนห้าแล้ว เรื่องนั้นเล็กน้อยนัก เจ้าก็เห็นมิใช่หรือว่า ข้าโตมาอย่างดีในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ไม่มีใครสู้ข้าได้เลยสักคน ไม่มีพี่น้องคนใดรวยเท่าข้า และไม่มีภรรยาของพี่น้องคนใดสวยสู้ภรรยาของข้า…”
ถ้อยคำของเขาพรั่งพรูออกมายกใหญ่ หยอกเย้าจนเจียงซื่อหัวเราะไม่หยุด ความวิตกกังวลในใจพลันหายวับไปสิ้น
ในตอนนั้นอาเฉี่ยวเข้ามารายงานว่า จิ้งหยวนส่งของกำนัลมาให้
จิ้งหยวนส่งของขวัญมามากมาย ถึงขนาดที่ต้องใช้รถม้าลากมา พ่อบ้านมาพร้อมกับของกำนัล เพื่อมาแสดงความขอบคุณทั้งสองก่อนจะขอลากลับไป
“เจ้ารองรู้จักให้ของดีกับคนอื่นด้วยหรือนี่ โตขึ้นมากจริงๆ”
เจียงซื่อเลือกของกำนัลที่ไม่ประณีตนักแบ่งให้เหล่าคนรับใช้ นางถอนหายใจ “จิ้งอ๋องซื่อจื่อถูกทำร้ายคราวนี้ ไม่แน่อีกไม่นาน จิ้งอ๋องคงได้หวนกลับสู่ตำแหน่งอีกครั้ง”
แต่แม้จะได้หวนคืนสู่ตำแหน่ง แต่เขาก็หนีไม่พ้นมรสุมใหญ่ ถึงคราวนั้น ก็ไม่มีโอกาสให้กลับตัวอีกแล้ว สงสารก็แต่พระชายาจิ้งอ๋อง…
ครั้นคิดถึงจุดจบของพระชายาจิ้งอ๋องเมื่อชาติก่อน เจียงซื่อก็รู้สึกหนักอึ้งในอก
ของกำนัลที่จิ้งหยวนส่งมาคราวนี้มีของใช้สำหรับเด็กหลายชิ้น เห็นได้ชัดว่าตั้งใจเตรียมมาอย่างดี
เจียงซื่อกลับรู้สึกดีกับพระชายาจิ้งอ๋องมากกว่าตอนที่นางยังเป็นพระชายาไท่จื่อเสียอีก
นั่นคงเป็นเพราะเข้าใจหัวอกของสตรีด้วยกัน น่าเสียดายตรงที่นางดันเจอคนชั่วก็เท่านั้น
ในจุดนี้เจียงซื่อรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
บนโลกนี้มีสตรีที่เพียบพร้อมตั้งมากมาย เพียงแค่พวกนางออกเรือน เกียรติและศักดิ์ศรีทั้งหมดที่สั่งสมมาก็ขึ้นอยู่กับผู้เป็นสามีแต่เพียงผู้เดียว
แท้จริงแล้วช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย หากนางมีอำนาจ นางคงลงมือทำอะไรสักอย่าง
“จะได้พลิกชะตาอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ เพราะต่อให้จะพลิกชะตาสักกี่ครั้ง สุดท้ายก็เป็นแค่ปลาเน่า” อวี้จิ่นคร้านจะสนทนาเรื่องของอดีตไท่จื่อ จึงดึงเจียงซื่อให้ไปที่ห้องอาหาร
……
หยางฟู่เสนาบดีกรมพิธีการและภรรยาได้โอกาสไปเยี่ยมหลานชาย พร้อมทั้งพบหน้าจิ้งอ๋องและพระชายา
หยางฟู่กำลังสนทนาอยู่กับอดีตไท่จื่อในห้องตำรา
“ท่านพ่อตา ท่านเกือบจะไม่มีโอกาสเห็นหน้าหลานชายอีกแล้ว จิ้นอ๋องเป็นพวกระยำโดยแท้!”
ถ้อยคำกักขฬะของจิ้งอ๋องทำให้หยางฟู่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ลูกเขยคนนี้ช่างไม่รู้จักเก็บอารมณ์เอาเสียเลย!
“เคราะห์ดีที่ฉุนเกอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรมาก ส่วนท่านอ๋องเองก็คงได้รับโชคจากเคราะห์ร้ายคราวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“รับโชคจากเคราะห์ร้ายงั้นหรือ” อดีตไท่จื่อชะงักไป
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องลองคิดดู จิ้นอ๋องทำร้ายฉุนเกอเอ๋อร์หมายจะชิงตำแหน่งไท่จื่อ ฝ่าบาทคงเห็นแล้วว่า การปล่อยให้ตำแหน่งองค์รัชทายาททิ้งว่างเช่นนั้นรังแต่จะสร้างปัญหาตาม ฉะนั้นพระองค์ไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อออกไปอีกแล้ว กระหม่อมคิดว่า อีกไม่นานฝ่าบาทคงตัดสินพระทัยให้มีการแต่งตั้งไท่จื่อ ซึ่งก็หมายความว่า โอกาสของท่านอ๋องกำลังจะมาถึงมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
อดีตไท่จื่อกะพริบตาพลางถามเพราะยังคิดไม่ตก “แล้วหากเสด็จพ่อแต่งตั้งคนอื่นขึ้นแทนจะทำอย่างไร”
หยางฟู่ดึงมุมปากพลางถามอดีตไท่จื่อ “เช่นนั้น ท่านอ๋องคิดว่าผู้ใดมีโอกาสจะได้เป็นไท่จื่อมากที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
อดีตไท่จื่อขบคิดก่อนจะโยนหินถามทาง “ฉีอ๋อง?”
หยางฟู่ส่ายศีรษะก่อนจะไขข้อสงสัยของอดีตไท่จื่อให้กระจ่างแจ้ง “ท่านอ๋องกล่าวผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่มีโอกาสจะได้เป็นไท่จื่อมากที่สุดคือ พระองค์นั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ!”