ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ – ตอนที่ 699 ตัดบัวไม่ให้เหลือใย

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

เมื่อ​เห็น​ใบหน้า​รูปงาม​ปาน​สลัก​กำลัง​ยิ้ม​ร่า​ ​เสียน​เฟย​หลง​คิด​ว่า​ตนเอง​ได้ยิน​ผิด​ไป​ ​“​เจ้า​ว่า​อะไร​นะ​”

น้ำเสียง​ของ​อวี​้​จิ​่​นอ​่อ​นโย​นก​ว่า​เก่า​ ​แต่ทว่า​สายตา​กลับ​เย็นชา​แข็งขืน​ ​ชายหนุ่ม​เอ่ย​เน้น​ทีละ​คำ​ ​“​กระหม่อม​พูดว่า​ ​เหนียง​เหนียง​ทรง​คิด​เข้าข้าง​ตัวเอง​ฝ่าย​เดียว​ ​ถึง​ได้​หลง​คิด​ว่ายั​งมี​เยื่อใย​ระหว่าง​บุตร​และ​มารดา​หลงเหลือ​อยู่​มิใช่​หรือ​”

“​เจ้า​ ​ไหน​เจ้า​พูด​ใหม่​ซิ​!​”​ ​เสียน​เฟ​ยป​ราด​นิ้ว​ไป​ที่​อวี​้​จิ​่​นรา​วกับ​ว่า​ได้ยิน​เรื่อง​ที่​ไม่​คาดคิด​ที่สุด

ไม่น่า​แปลกใจ​ที่​เสียน​เฟย​ตะลึงงัน​กับ​สิ่ง​ที่​ได้ยิน

การ​ที่​บอกว่า​ความสัมพันธ์​มารดา​และ​บุตร​ของ​ทั้งคู่​ช่าง​บอบบาง​เป็นเรื่อง​ที่​รู้กัน​อยู่​แก่​ใจ​ ​แต่​นาง​ไม่​คิด​ว่า​อวี​้​จิ​่น​จะ​กล้า​พูด​ออกมา

บน​แผ่นดิน​ต้า​โจว​ยึดหลัก​ความกตัญญู​เป็น​สารัตถะ​ใน​การปกครอง​ ​ต่อให้​นาง​ทำผิด​มาร​้อย​ครั้ง​หรือ​พัน​ครั้ง​ ​แต่​สุดท้าย​แล้ว​คำ​ว่า​มารดา​ผู้ให้กำเนิด​ก็​ยังอยู่​เหนือ​เหตุผล​ทั้งปวง​ ​หนำซ้ำ​นาง​เอง​ก็​ไม่เคย​ทำผิด​จน​มีต​ราบาป​ติดตัว​ ​เพราะ​เดิมที​การ​สั่ง​ให้​เจ้า​เจ็ด​ออกจาก​วัง​หลวง​ตั้งแต่​ยัง​ไม่รู้​ความ​ก็​มิใช่​จุดประสงค์​ของ​นาง​แต่แรก

เจ้า​เจ็ด​เป็น​องค์​ชาย​ที่​ถูก​สั่ง​ให้​ออกจาก​วัง​หลวง​เพราะ​เป็น​เภทภัย​ต่อ​ฮ่องเต้​ ​หาก​นาง​แอบ​ติดต่อ​กับ​บุตรชาย​ลับหลัง​ก็​ถือเป็น​การ​ทรยศ​ฝ่า​บาท​ ​ฉะนั้น​หาก​เจ้า​เจ็ด​จะ​นำ​เรื่อง​นี้​มา​อ้าง​ก็​คง​ไม่มี​ผู้ใด​เข้าข้าง​เขา

ใน​มุม​ของเสียน​เฟย​ ​หาก​อวี​้​จิ​่​นมิ​ใช่​คนบ้า​ก็​เป็น​คนโง่​ถึง​ได้​กล้า​เอ่ย​วาจา​ร้ายกาจ​เช่นนี้

เสียงหัวเราะ​กรุ้มกริ่ม​สดใส​ประหนึ่ง​เสียง​ของ​น้ำพุ​ดัง​ขึ้น​

“​จะ​ให้​กระหม่อม​พูด​อีก​กี่​รอบ​ ​กระหม่อม​ก็​จะ​พูด​เช่น​เดิม​ว่า​ ​เสียน​เฟย​เหนียง​เหนียง​และ​กระหม่อม​มิได้​มีสา​ยสัม​พันธ์​ฉัน​มารดา​และ​บุตร​หลงเหลือ​อีกแล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​หาก​จะ​ให้​พูด​ ​เมื่อก่อน​กระหม่อม​เคย​คิด​ว่า​ ​อย่างน้อย​ๆ​ ​ใน​ร่างกาย​ของ​กระหม่อม​ครึ่งหนึ่ง​ก็​มาจาก​พระองค์​ ​แต่​ตั้งแต่​ที่​พระองค์​ลงมือ​กับ​คน​ของ​กระหม่อม​ ​กระหม่อม​ก็​ไม่​เหลือ​ความคิด​เช่นนั้น​อีกแล้ว​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ใบหน้า​งาม​ของเสียน​เฟย​ซีดเผือด​ ​“​ลงมือ​อะไร​ ​เจ้า​อย่า​มา​พูดจา​ไร้สาระ​!​”

มุม​ปากขอ​งอ​วี​้​จิ​่น​ยังคง​ยิ้ม​เสียด​เย้ย​ ​“​กระหม่อม​ยัง​ไม่ทัน​พูด​อะไร​ ​เหนียง​เหนียง​จะ​ทรง​ร้อนตัว​ไป​ไย​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

ใน​ใจ​ของเสียน​เฟย​ท่วมท้น​เกิน​จะ​กล่าว

ที่​เจ้า​เจ็ด​พูด​มา​หมายความว่า​อย่างไร​ ​หรือว่า​เขา​รู้เรื่อง​ที่นาง​วางแผน​ให้​สะใภ้​เจียง​ไป​ถวาย​ธูป​ที่​วัด​ไป๋​อวิ​๋น

ทันใดนั้น​ ​เสียน​เฟ​ยก​็​แสดงออก​ชัด​ว่า​กำลัง​ตื่นตระหนก​ ​ความ​เย็นเยือก​แผ่ซ่าน​จาก​ก้นบึ้ง​หัวใจ​ ​สะใภ้​เจียง​รู้เรื่อง​นี้​งั้น​หรือ

หาก​จะ​บอกว่า​สะใภ้​เจียง​ทราบ​เรื่อง​นี้​ ​และ​รอ​เจ้า​เจ็ด​กลับมา​ก่อน​แล้ว​ฟ้อง​เขา​ก็​คง​ไม่​แปลก

นาง​นึกถึง​เจียง​ซื่อ​ที่​รู้เรื่อง​แต่​ไม่ได้​ตีโพยตีพาย​แล้ว​รู้สึก​ตงิด​ขึ้น​มา​ใน​ใจ​ ​นาง​คิด​ว่านา​งคง​ต้อง​ทำความรู้จัก​อีก​ฝ่าย​เสีย​ใหม่

นาง​คง​สะเพร่า​เกินไป​ ​เจียง​ซื่อ​และ​หลี​่​ซื่อ​ไป​ถวาย​ธูป​ที่​วัด​ด้วยกัน​ ​คนที​่​วางแผน​ทำร้าย​อีก​คน​เกือบ​เอาชีวิต​ไม่รอด​ ​แต่​คนที​่​เป็น​เหยื่อ​กลับ​สบายดี​ ​แล้ว​เหตุใด​นาง​ถึง​ประเมิน​เจียง​ซื่อ​ต่ำ​เช่นนั้น

เจียง​ซื่อ​หญิง​ชั่ว​ต้อง​กำลัง​สงสัย​นาง​อยู่​เป็นแน่

“​เจ้า​เจ็ด​ ​นี่​คือ​วิธี​ที่​เจ้า​ปฏิบัติ​กับ​ข้า​ที่​เป็นมา​รดา​อย่างนั้น​หรือ​ ​แค่​เพียง​ลมปาก​ของ​สตรี​ไม่​กี่​คำ​ ​เจ้า​ก็​ลืม​มารดา​บังเกิด​เกล้า​ของ​เจ้า​ไป​สิ้น​เลย​รึ​”

อวี​้​จิ​่​นขำ​พรืด​ ​“​เหนียง​เหนียง​ก็​ชรา​จน​ใกล้​จะ​ลง​โลง​อยู่​แล้ว​ ​กล้า​ทำ​ยัง​ไม่กล้า​รับ​อีก​ ​หรือ​คิด​ว่า​อายุ​ขนาด​นี้​แล้ว​ ​เลย​ไม่มี​อะไร​ให้​ต้อง​อาย​หรือ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

สีหน้า​ของเสียน​เฟย​เขียว​คล้ำ​ขึ้น​ทันใด​ ​นาง​ชี้นิ้ว​ไป​ที่​อวี​้​จิ​่​นพร​้​อม​แผดเสียง​ ​“​เนรคุณ​…​”

อวี​้​จิ​่น​เอี่ยว​ตัว​หลบ​นิ้ว​ของเสียน​เฟย​ ​“​เจ้า​คิด​ว่า​ข้า​เป็น​พวก​โดน​คน​รังแก​แล้ว​จะ​อยู่​เฉย​งั้น​หรือ​ ​หรือ​คิด​ว่า​เป็น​คน​ให้กำเนิด​แล้ว​จะ​ทำ​อะไร​ก็ได้​อย่างนั้น​หรือ​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่​ถนัด​เรื่อง​เสแสร้ง​แกล้งทำ​ ​ฉะนั้น​แล้ว​ขอ​ประกาศ​ชัด​ตรงนี้​เลย​แล้วกัน​ว่า​ ​ต่อไปนี้​อย่า​ได้​ทำตัว​เป็น​พญา​อินทรี​ต่อหน้า​ข้า​อีก​ ​เพราะ​ใครก็ตาม​ที่​ถือวิสาสะ​ต่อหน้า​ข้า​ ​ข้า​จะ​จับ​ถอนขน​ให้​หมด​”

ครั้น​กล่าว​มาถึง​ตรงนี้​ ​อวี​้​จิ​่​นก​็​ลุกขึ้น​ยืน​และ​มอง​ลงมา​ที่​เสียน​เฟย​ที่​ยัง​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้ยาว​พลาง​เอ่ย​แผ่วเบา​ ​“​และ​ถึง​จะ​เป็น​เจ้า​ ​ข้า​ก็​ไม่​เว้น​”

ใน​ช่วง​ก่อนที่​เขา​จะ​อายุ​สิบสอง​ปี​ ​อวี​้​จิ​่น​เติบโต​มาก​ลาง​ป่า​กลาง​เขา​ ​แม้​จะ​มี​คน​คอย​อบรมสั่งสอน​ ​แต่​เมื่อ​เป็น​โอรส​ของ​ฮ่องเต้​ก็​ไม่มีใคร​กล้า​เข้าใกล้​ ​การ​ที่​ผู้ใหญ่​จะ​ตี​ตัว​ออกหาก​เพื่อให้​เด็ก​รู้สึก​แปลกแยก​มิใช่​เรื่อง​ยาก​ ​อีกทั้ง​ยัง​ไม่มี​ผู้ใด​กล่าวโทษ​ได้​ ​หลังจาก​เลย​อายุ​สิบสอง​ปี​มา​แล้ว​ ​อวี​้​จิ​่น​ได้​ผ่าน​การฝึกฝน​ใน​สนามรบ​ ​ใน​ช่วงเวลา​หลาย​ปีนั​้น​ทำให้​เขา​แข็งแกร่ง​ขึ้น​และ​เรียนรู้​ที่จะ​ปกป้อง​ตัวเอง​ให้​รอด​ปลอดภัย

ประสบการณ์​ใน​วัยเด็ก​และ​ใน​ช่วง​วัยรุ่น​ตอนต้น​บ่ม​เพาะ​ให้​เขา​มีบุ​คลิก​ลักษณะ​บางอย่าง​ที่​อาจ​ไม่​สอดคล้อง​กับ​โลก​ ​หาก​มี​ใคร​ผ่าน​มา​ได้ยิน​สิ่ง​ที่​เขา​กล่าว​แก่​เสียน​เฟย​ ​อาจ​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่​ยุติธรรม​ต่อ​เสียน​เฟย​ ​แต่​สำหรับ​อวี​้​จิ​่น​ ​นี่​เป็นการ​แสดง​ความจริงใจ​อย่าง​ถึงที่สุด​แล้ว

เมื่อ​กล่าว​จบ​ ​อวี​้​จิ​่​นรู​้​สึก​ผ่อนคลาย​ยิ่งนัก​ ​ชายหนุ่ม​ยิ้ม​ตาหยี​ ​ประสานมือ​คารวะ​เสียน​เฟ​ยพร​้​อม​เอ่ย​ฉะฉาน​ ​“​ในเมื่อ​เหนียง​เหนียง​รู้สึก​ไม่​ค่อย​สบาย​ก็​ควร​ถนอม​พระวรกาย​ไว้​หน่อย​เถิด​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​คนอื่น​จะ​ได้​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​”

เมื่อ​เห็น​ว่า​อวี​้​จิ​่​นที​่​กำลัง​ยิ้มเยาะ​เตรียม​หมุนตัว​เดิน​กลับ​ออก​ไป​ ​ความ​เดือด​พล่าน​จาก​ทุก​ส่วน​ใน​ร่างกาย​เสียน​เฟ​ยก​็​ปะทุ​ขึ้น​ทันที​ ​เสียงแหลม​สูง​ดังลั่น​ ​“​ลูก​เนรคุณ​ ​หยุด​เดี๋ยวนี้​…​”

ยัง​ไม่ทัน​จบ​ประโยค​ ​ร่าง​ของ​หญิงสาว​ก็​เซ​และ​ล้ม​ลง​กับ​พื้น

เสียง​นั้น​ทำให้​บ่าว​รับใช้​ที่​เฝ้า​อยู่​ด้านนอก​พรวดพราด​เข้ามา​ ​แต่​คนที​่​ตอบสนอง​เร็ว​กว่านั​้​นคื​ออ​วี​้​จิ​่น

ในขณะที่ห​มัว​มัว​คนสนิท​กำลัง​รี่​เข้ามา​เป็นจังหวะ​เดียวกัน​กับ​ที่​อวี​้​จิ​่น​เอื้อมมือ​ข้าง​หนึ่ง​ไป​พยุง​เสียน​เฟย​ ​ส่วน​มือ​อีก​ข้าง​ก็​ตบ​เบา​ๆ​ ​เข้าที่​หลัง​ของ​นาง​ ​ชายหนุ่ม​กล่าว​ร้อง​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​ ​“​เหนียง​เหนียง​ ​เป็น​อะไร​ไป​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

“​เจ้า​ ​เจ้า​…​”​ ​เสียน​เฟย​ไม่​คิด​ว่า​อวี​้​จิ​่น​จะ​เปลี่ยน​ได้​เร็ว​ถึง​เพียงนี้​ ​อีกทั้ง​ยัง​ดู​เป็นธรรมชาติ​เสียด​้วย​ ​ร่างกาย​ของ​นาง​สั่นสะท้าน​จน​พูดไม่ออก​เลย​สัก​คำ​เดียว

ห​มัว​มัว​คนสนิท​มารับ​ช่วงต่อ​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​ให้​บ่าว​ดูแล​ต่อ​เถิด​เพ​คะ​”

เมื่อ​อวี​้​จิ​่น​เห็น​ว่า​เสียน​เฟย​โกรธ​เกรี้ยว​จน​กลาย​สภาพ​เป็น​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​ไม่มี​ท่าที​รีบร้อน​อีกแล้ว​ ​ชายหนุ่ม​ยืน​นิ่ง​ๆ​ ​พร้อม​แสดงท่าที​เป็นห่วง​เป็น​ใย​ ​“​กระหม่อม​ทราบ​ว่า​เหนียง​เหนียง​กริ้ว​กระหม่อม​ ​เพียงแต่ว่า​ความรู้สึก​เช่นนั้น​อาจ​ทำให้​พระวรกาย​ของ​พระองค์​ทรุด​หนัก​ ​พระองค์​ว่า​กระหม่อม​พูด​ถูก​ไหม​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

เสียน​เฟ​ยก​ลอก​ตา​ใส่​บุตรชาย​ด้วย​ความโกรธ​จัด​ ​เพราะ​นอกจาก​อวี​้​จิ​่น​จะ​ไม่ยอม​กลับ​แล้ว​ ​เขา​ยังอยู่​ยั่วโมโห​นาง​ต่อ

ห​มัว​มัว​คนสนิท​ของเสียน​เฟย​ร้อนใจ​จึง​แผดเสียง​สั่ง​นางใน​ ​“​ยืน​บื้อ​อยู่​ทำไม​ ​รีบ​ไป​ตาม​หมอ​หลวง​เร็ว​เข้า​!​”

เสียง​ของห​มัว​มัว​คนสนิท​ทำให้​เสียน​เฟย​ได้สติ​ ​นาง​รีบ​เอ่ย​แทรก​ ​“​เชิญ​…​เชิญ​ฝ่า​บาท​มา​…​”

“​เหนียง​เหนียง​…​”​ ห​มัว​มัว​ลังเล​ ​นาง​อยาก​ให้​เสียน​เฟย​เปลี่ยนใจ

เมื่อเช้า​ก็​เพิ่ง​เชิญ​ฮ่องเต้​มาที​่​นี่​ ​หาก​ไป​เชิญ​มา​อีก​ตอนนี้​ ​จะ​ไม่​ถี่​ไป​หรือ

“​ไป​ซิ​!​”​ ​ร่าง​ของเสียน​เฟ​ยสั​่น​เทา​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​ย่ำแย่​เกิน​จะ​กล่าว​ ​ประหนึ่งว่า​พร้อม​จะ​หมดลม​หายใจ​ได้​ทุกเมื่อ

ห​มัว​มัว​คนสนิท​ไม่กล้า​รั้งรอ​ ​นาง​รีบ​สั่ง​ให้​คน​ไป​กราบทูล​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้

เสียน​เฟย​รู้สึก​รุ่มร้อน​ดั่ง​มี​เพลิงกัลป์​สุม​อยู่​ใน​ทรวง​ ​แต่​นาง​ไม่​อาจ​ขยับตัว​ ​จึง​ทำได้​เพียง​ส่งสายตา​แค้น​อาฆาต​ไป​ที่​อวี​้​จิ​่น

ไอ้​ลูก​ทรพี​ ​รอ​ฝ่า​บาท​เสด็จ​มาก​่อน​เถอะ​ ​นาง​จะ​ฟ้อง​ว่า​เขา​เป็น​คน​อกตัญญู​!

ใบหน้า​ของ​อวี​้​จิ​่น​ยังคง​แสดงออก​ชัด​ว่า​เป็นกังวล​ ​แต่​แววตา​กลับ​นิ่ง​สงบ​ประหนึ่ง​ธาร​น้ำ​ไหล

จะ​ฟ้อง​เสด็จ​พ่อ​อย่างนั้น​หรือ​ ​หึๆ​ ​เขา​กำลัง​รอ​อยู่​เลย

ขณะที่​คน​ของ​ตำหนัก​อวี​้​เฉวียน​มาถึง​มายัง​ตำหนัก​หย่าง​ซิน​ ​หัน​หราน​ ​ผู้บัญชาการ​หน่วย​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​เพิ่งจะ​เข้าไป​ได้​ไม่นาน​ ​และ​ขณะนี้​กำลัง​สนทนา​ธุระ​อยู่​กับ​ฮ่องเต้

เสียงเคาะ​ประตู​ขัดจังหวะ​การ​สนทนา​ของ​ทั้งคู่

“​มีเรื่อง​อะไร​”​ ​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​มอง​ไป​ที่​พาน​ไห่​อย่าง​ไม่สบอารมณ์

พาน​ไห่​นับถือ​ความกล้าหาญ​ของ​คน​จาก​ตำหนัก​อวี​้​เฉวียน​เหลือเกิน​ ​“​กราบทูล​ฝ่า​บาท​ ​พระตำหนัก​อวี​้​เฉวียน​ส่ง​คน​มา​เชิญ​ให้พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ที่นั่น​ ​เพราะ​พระ​อาการ​ของเสียน​เฟย​ไม่​สู้​ดี​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​…​”

“​ไม่​สู้​ดี​?​”​ ​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​ชะงักงัน​ ​“​เมื่อเช้า​ข้า​ก็​เพิ่ง​ไป​ที่นั่น​มา​ ​ไม่​สู้​ดี​อีกแล้ว​รึ​”

“​คน​จาก​ตำหนัก​รายงาน​ว่า​ได้​เรียก​หมอ​หลวง​มาดู​แล้ว​ ​แต่​พระ​อาการ​ของเสียน​เฟย​เหนียง​เหนียง​ยังคง​ทรุด​ลง​เรื่อยๆ​ ​จึง​เห็น​ว่า​ควร​มาก​ราบ​ทูล​ให้​ฝ่า​บาท​ทรง​ทราบ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

“​ปวดหัว​ขึ้น​มา​อีกแล้ว​รึ​”​ ​จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​เพิ่ง​สนทนา​กับ​หัน​หราน​ได้​ไม่นาน​ ​ไม่ต้องการ​ให้​บทสนทนา​นี้​ถูก​ขัดจังหวะ​ ​ฉะนั้น​จึง​สั่ง​ให้​พาน​ไห่​พา​คน​ของ​ตำหนัก​อวี​้​เฉวียน​เข้ามา​สอบถาม​อาการ

คนที​่​มาแจ้ง​คือ​ขันที

“​เหนียง​เหนียง​ของ​พวก​เจ้า​เป็น​เช่นไร​บ้าง​”

ขันที​ก้ม​ศีรษะ​ต่ำ​พลาง​เอ่ย​เสียงสั่น​ ​“​เหนียง​เหนียง​…​เหนียง​เหนียง​กริ้ว​เพราะ​เยี​่​ยน​อ๋อง​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​…​”

จิ​่ง​หมิง​ฮ่องเต้​ผงะ​ไป​เพราะ​เพิ่ง​นึกออก​ว่า​อวี​้​จิ​่​นน​่า​จะ​อยู่​ที่​ตำหนัก​อวี​้​เฉวียน

นี่​เจ้า​เจ็ด​ทำให้​เสียน​เฟย​โมโห​จน​โรค​กำเริบ​งั้น​หรือ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติกยุคโบราณ-แนวแต่งงาน ดราม่าในอดีตจะหายไป รักใหม่สุดหวานซึ้งจะเริ่มต้น…กับคนเดิม?!ชาติที่แล้วเพราะนาง ‘เจียงซื่อ’ คุณหนูสี่แห่งตระกูลตงผิงปั๋วดวงตามืดบอดทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรจนถึงแก่ความตายเมื่อได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตที่สองนางจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดซ้ำอีกต่อไปคนที่หวังดีกับนางจากใจจริงนางล้วนเข้าใจและพร้อมตอบแทนด้วยสิ่งเดียวกันคนที่คิดร้ายวางแผนทำลายนาง นางก็พร้อมจะเอาคืนเป็นทบเท่าพันทวีชีวิตการแต่งงานที่ไม่สมหวังในชาติก่อนทำให้นางเข็ดขยาดไม่คิดจะมีความรักอีกแต่เหตุใดกัน ‘อวี้จิ่น’ สามีคนที่สองของนางในชาติก่อนกลับมาคอยตามตอแยนางไม่หยุดเช่นนี้!แม้ชาติก่อนข้าจะเคยชอบเจ้า แต่ชาตินี้อย่าหวังจะทำให้ข้าเสียน้ำตาได้อีกเป็นหนที่สองนางต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าคนเลวนั่นไว้ ยิ่งไกลยิ่ง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท