ตอนที่ 35 สมรสพระราชทาน
เมื่อเมืองหลวงมีหิมะตกเป็นครั้งที่สองในฤดูหนาวนี้ พระราชโองการก็เดินทางมาถึงตระกูลเยียน
หลังจากผ่านความพยายามสานสัมพันธ์มานาน ยื่นมือช่วยเหลือผู้คนมากมาย พระราชโองการพระราชทานงานสมรสก็ยังคงมาถึง! ใบหน้าของเยียนอวิ๋นฉีซีดเผือด
เยียนอวิ๋นเกอกุมมือของเยียนอวิ๋นฉีแน่นเพื่อส่งพลังให้นาง เยียนอวิ๋นฉียิ้มอย่างขมขื่น “น้องสี่ไม่ต้องห่วง ข้าสบายดี ข้ารับได้ เพียงแค่ออกเรือนกับองค์ชายใหญ่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”
ประตูจวนเปิดกว้าง ตั้งโต๊ะเครื่องหอม คุกเข่าลงน้อมรับพระราชโองการ
นี่คือพระราชโองการพระราชทานงานสมรสจริงๆ
แต่คู่สมรสนั้นไม่ใช่องค์ชายใหญ่ แต่เป็นองค์ชายสอง!
เกิดอันใดขึ้น เยียนอวิ๋นฉีเบิกตากว้าง นางได้ยินผิดไปหรือว่าคนในพระราชวังเข้าใจผิด
“น้องสี่ ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่” นางถามอย่างประหม่า น้ำเสียงของนางสั่นเครือ
เยียนอวิ๋นเกอเกี่ยวนิ้วของนาง บอกให้นางไม่ต้องตื่นตระหนก
นางได้ยินถูกต้องแล้ว คู่สมรสคือองค์ชายสอง เยียนอวิ๋นฉีมีสีหน้าสับสน
พระราชโองการพระราชทานงานสมรสย่อมไม่มีทางผิดพลาดเรื่องชื่ออย่างแน่นอน เพราะมันมีความผิดถึงโทษฐานประหาร
เยียนอวิ๋นฉีตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อ
ราวกับว่าตัวลอยอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก รู้สึกตัวเบาหวิวอย่างมาก
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขันทีถ่ายทอดพระราชโองการจากไปเมื่อใด
เมื่อขันทีถ่ายทอดพระราชโองการจากไป เยียนอวิ๋นเกอแย่งพระราชโองการมาคลี่ออก บอกให้พี่สองอ่าน
สรุปแล้วหมั้นหมายกับองค์ชายสองจริงหรือไม่นั้น เนื้อหาเขียนอยู่ภายในพระราชโองการอย่างชัดเจน
พวกนางได้ยินไม่ผิด คู่สมรสเป็นองค์ชายสองจริงๆ
“เป็นไปได้อย่างไร” เยียนอวิ๋นฉีประหลาดใจและตกตะลึง
“ถ้าข้าจำไม่ผิด องค์ชายสองคือบุตรชายคนแรกของเถาฮองเฮา จะให้ข้าแต่งงานกับโอรสของเถาฮองเฮา นี่ๆๆ นี่มันเป็นไปไม่ได้! เถาฮองเฮาจะทรงอนุญาตให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร” เยียนอวิ๋นฉีมีสีหน้าสับสน
ไม่มีผู้ใดคาดคิดถึงเนื้อหาในพระราชโองการพระราชทานงานสมรสฉบับนี้มาก่อน
เกิดอันใดขึ้นกันแน่
เหตุใดภายในพระราชวังจึงเปลี่ยนการตัดสินใจอย่างกะทันหัน
…
เซียวฮูหยินส่งขันทีถ่ายทอดพระราชโองการจากไป นางเดินกลับมายังห้องโถงใหญ่ ก่อนจะเห็นบุตรสาวทั้งสองมองนางตาไม่กะพริบ
นางหัวเราะขึ้นมา “เหตุใดจึงทำท่าทางเช่นนี้ ตกใจหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอโบกพระราชโองการพลันชี้ไปยังตัวอักษรที่เขียนว่าองค์ชายสองเซียวเฉิงเหวิน เรื่องนี้เพียงพอที่จะทำให้คนตกตะลึงใช่หรือไม่
พระราชโองการพระราชทานสมรสกลายเป็นโอรสของเถาฮองเฮา เรื่องนี้ผิดปกติอย่างมาก
เซียวฮูหยินส่งเสียง “อ่อ” ก่อนจะยิ้มอย่างกระจ่าง “เรื่องนี้ข้าถามกงกงผู้ถ่ายทอดพระราชโองการแล้ว เขาบอกว่าองค์ชายสองยืนกรานจะสมรสกับอวิ๋นฉี อีกทั้งร่างกายเขาไม่ดี เถาฮองเฮาทรงโต้เถียงกับเขาไม่ได้ จึงทำได้เพียงทรงเกลี้ยกล่อมฝ่าบาท”
เยียนอวิ๋นฉีทำหน้าฉงน “องค์ชายสองไม่เคยพบกับข้า เหตุใดองค์ชายจึงอยากสมรสกับข้า หรือว่าองค์ชายกำลังขัดแย้งกับฮองเฮาจึงเสนอตัวแทนองค์ชายใหญ่ เป็นไปไม่ได้!” เมื่อครุ่นคิดเยียนอวิ๋นฉีก็ปฏิเสธความคิดของตนเอง
“องค์ชายสองเป็นโอรสของฮองเฮา เขาจะช่วยองค์ชายใหญ่ต่อกรกับฮองเฮาได้อย่างไร ท่านแม่ ท่านได้สืบเรื่องนี้หรือไม่”
เซียวฮูหยินส่ายหน้า “เวลานี้ยังไม่อาจสืบทราบเรื่องนี้ได้ อวิ๋นฉี เจ้าอย่าตื่นตระหนกนัก! ข้ากลับรู้สึกโล่งใจที่พระราชโองการออกมาแล้ว ไม่กลัวกลอุบายของเถาฮองเฮา กลัวแค่นางไม่ออกกลอุบายเสียที เวลานี้ฝ่าบาทพระราชทานเจ้าให้องค์ชายสองอาจเป็นเรื่องดีก็ย่อมได้”
เยียนอวิ๋นฉีขมวดคิ้ว “ฝ่าบาทพระราชทานข้าให้องค์ชายสอง ทางองค์ชายใหญ่จะทรงทำอย่างไร พี่น้องสองคนแย่งชิงสตรีที่มาจากชนบทอย่างข้าคนเดียว ฝ่าบาทไม่ทรงลงโทษข้า หากแต่พระราชทานงานสมรสให้ข้า ข้าคิดไม่ตกเสียจริงท่านแม่ ภายในใจของข้ากระวนกระวายยิ่งนัก”
เซียวฮูหยินยิ้ม “กลัวอันใด! ตอนที่ส่งกงกงทั้งสองท่านออกจากจวน ข้าได้สืบสถานการณ์ทางองค์ชายใหญ่มาบ้าง ทางองค์ชายใหญ่มีพระราชโองการเช่นเดียวกันในเวลานี้ หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด พระราชโองการนั้นก็เป็นการพระราชทานงานสมรสเหมือนกัน”
เอ๊ะ?
“ฝ่าบาททรงพระราชทานสตรีอีกนางให้องค์ชายใหญ่ในวันเดียวกัน พวกเขาหาสตรีที่เหมาะสมได้รวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ” เยียนอวิ๋นฉีตกตะลึงอย่างมาก
รวดเร็วเสียเหลือเกิน!
เวลาเพียงไม่นาน ภายในพระราชวังจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงนี้เชียวหรือ
หรือว่าการพระราชทานนางให้องค์ชายใหญ่ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นกลอุบายของเถาฮองเฮา
อันที่จริง ภายในใจของเถาฮองเฮามีสตรีที่เลือกไว้ให้องค์ชายใหญ่อยู่แล้ว
ส่วนนางก็เป็นเพียงเครื่องมือในมือของเถาฮองเฮาเพื่อบรรลุจุดประสงค์บางอย่าง
เมื่อคิดเช่นนี้ เยียนอวิ๋นฉีตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
ฐานะของนาง หากปะทะกับเถาฮองเฮาย่อมไม่มีทางชนะแม้แต่น้อย
สมรสกับองค์ชายสอง กลายเป็นสะใภ้ของเถาฮองเฮา อย่างไรก็มีแต่ทางตาย
นางกัดปากพลันครุ่นคิด “ท่านแม่ มีกำหนดการแล้วหรือไม่เจ้าคะ”
เซียวฮูหยินพูด “กำหนดการคือหลังฤดูใบไม้ผลิปีหน้า อวิ๋นฉี หากเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร อย่าเก็บไว้ในใจ”
เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างลังเล “ข้าสามารถพบกับองค์ชายสองสักครั้งได้หรือไม่ ข้าอยากเห็นคนที่ข้าจะสมรสด้วยว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งอยากถามเขาต่อหน้า เหตุใดจึงสมรสกับข้า”
เซียวฮูหยินทำสีหน้าลำบากใจ “องค์ชายสองนอนป่วยอยู่กับเตียงตลอดทั้งปี แทบจะไม่ออกมาพบผู้คน อยากจะพบหน้าเขาก่อนงานสมรส เกรงว่าคงจะเป็นเรื่องที่ยากมาก” เยียนอวิ๋นฉีทำหน้าผิดหวัง ความคิดมากมายเกิดขึ้นภายในหัว
เซียวฮูหยินปลอบนาง “อย่ากังวลไปเลย ทุกสิ่งมีข้าคิดแทนเจ้าแล้ว”
เยียนอวิ๋นฉีพยายามเค้นยิ้มออกมา “ขอบพระคุณท่านแม่ ท่านแม่ยังไม่บอกข้า ฝ่าบาทพระราชทานสตรีตระกูลใดให้องค์ชายใหญ่ ข้าอยากรู้ยิ่งนัก น้องสี่เองย่อมอยากรู้เช่นเดียวกัน”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า นางอยากรู้เสียจริง
แต่ว่าสิ่งที่นางอยากรู้มากกว่าคือองค์ชายสองที่ไม่เคยปรากฏตัว
ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหน้า แต่เยียนอวิ๋นเกอกลับมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
นางเชื่อว่า งานสมรสเป็นเรื่องที่องค์ชายสองพยายามไขว่คว้ามาด้วยตนเอง
จุดประสงค์ของเขาคืออะไร
นางแทบจะรอไม่ไหวที่จะพบกับองค์ชายสองผู้ที่จะมาเป็นพี่เขยรองท่านนี้ นางอยากทดสอบความสามารถของอีกฝ่าย
เซียวฮูหยินบอกบุตรสาวทั้งสอง “ฝ่าบาทพระราชทานคุณหนูตระกูลหลี่ให้องค์ชายใหญ่”
“ตระกูลหลี่ไหนเจ้าคะ”
เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “จะตระกูลหลี่ไหนได้อีก ย่อมต้องเป็นตระกูลหลี่ที่เป็นตระกูลของมารดาองค์ชายใหญ่ ก่อนเข้าเมือง ข้าได้ยินว่าตระกูลหลี่อยากให้บุตรสาวสมรสกับองค์ชายใหญ่ เวลานี้ตระกูลหลี่สมดังปรารถนาแล้ว เกรงว่าต้องดีใจจัดงานเลี้ยงสามวัน ไม่แน่ว่าพวกเราอาจได้รับจดหมายเทียบเชิญจากตระกูลหลี่”
…
เซียวฮูหยินเดาได้อย่างแม่นยำ
วันรุ่งขึ้นจดหมายเทียบเชิญของตระกูลหลี่ถูกส่งมา เรียนเชิญแม่ลูกตระกูลเยียนเข้าร่วมงานเลี้ยงชมดอกเหมย
ดอกเหมยในสวนของตระกูลหลี่ออกดอกแล้ว อาศัยความปิติยินดีที่บุตรสาวถูกพระราชทานให้องค์ชายใหญ่ จึงจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชมดอกเหมยขึ้น
ได้ยินว่า ตระกูลในเมืองหลวงทั้งหมดล้วนได้รับจดหมายเทียบเชิญจากตระกูลหลี่ เยียนอวิ๋นฉีพลิกดูจดหมายเทียบเชิญ “ตระกูลหลี่ทำเช่นนี้ไม่กลัวจะทำให้ภายในพระราชวังไม่พอใจหรือ?”
เซียวฮูหยินยิ้ม “ตระกูลหลี่ตกต่ำมาสิบยี่สิบปี ต้องการงานมงคลอันยิ่งใหญ่มาลบล้างความโชคร้าย จะมีเรื่องใดน่ายินดียิ่งกว่าบุตรสาวถูกพระราชทานให้องค์ชายใหญ่ งานเลี้ยงชมดอกเหมยของตระกูลหลี่นี้มีสองจุดประสงค์ หนึ่งเพื่อเฉลิมฉลอง สองเพื่อสร้างตัวตนต่อหน้าเหล่าตระกูลชนชั้นสูง พวกเขาบอกกับทุกคนว่าตระกูลหลี่กลับมาอยู่ในวงชนชั้นสูงของเมืองหลวงแล้ว”
เยียนอวิ๋นฉีไม่เข้าใจนัก “องค์ชายใหญ่เป็นแค่คนขี้ขลาด ตระกูลหลี่คิดจะใช้การสมรสกลับคืนสู่วงสังคมชนชั้นสูง พวกเขาคิดง่ายเกินไปหรือไม่ นับแต่เข้าเมืองหลวงมา ข้ามักมีความรู้สึกว่าองค์ชายใหญ่ไม่มีฐานะแม้แต่น้อย ในราชสำนักยิ่งไม่มีปากเสียงใด”
เซียวฮูหยินส่ายหน้าระรัว “เจ้าดูถูกองค์ชายใหญ่เกินไป หากองค์ชายใหญ่ไม่เป็นภัยคุกคามจริง ไร้ปากเสียงจริง เหตุใดเถาฮองเฮาจึงพยายามกำจัดเขา หากองค์ชายใหญ่ไร้ฐานะจริง เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ยอมแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นองค์รัชทายาทเสียที ตระกูลเถาวิ่งเต้นอยู่ทั้งวัน ไม่ใช่เพื่อให้องค์ชายสามสามารถขึ้นครองราชย์ในสักวันหรือ แต่ตระกูลเถาดิ้นรนมานานเพียงนี้มีผลหรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉีตกตะลึง “ท่านแม่หมายความว่า เบื้องหลังขององค์ชายใหญ่มีคนสนับสนุน เถาฮองเฮาเกิดความกลัวภายในใจ ดังนั้นจึงพยายามแทรกแซงเรื่องคู่ครองขององค์ชายใหญ่”
เซียวฮูหยินพยักหน้า “เจ้าคอยดูเถิด! การพระราชทานสมรสเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความสนุกยังอยู่ภายหลัง”