ตอนที่ 83 ขาดทุนครึ่งเก็บเกี่ยวครึ่ง
ฤดูใบไม้ร่วง อากาศปลอดโปร่งเย็นสบาย!
เรือนพักร่ำรวยเกณฑ์ผู้อพยพที่ทำงานคล่องแคล่ว รวมกลุ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูใบไม้ร่วง
เมื่อฤดูใบไม้ผลิ ปลูกข้าวสาลีหนึ่งหลุม และปลูกข้าวหนึ่งหลุม
ข้าวสาลีมีผลผลิตต่ำกว่าที่คนคาดการณ์ ไม่บรรลุเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้แม้แต่น้อย
เยียนสุยกลุ้มใจอย่างมาก
ข้าวสาลีหลายพันไร่ แต่ผลผลิตต่ำมาก เฉลี่ยหนึ่งไร่เก็บได้ครึ่งหนึ่งหายครึ่งหนึ่ง
ขาดทุนอย่างมหาศาล
เยียนอวิ๋นเกอบอกให้เขาไม่ต้องกลุ้มใจ “ผลผลิตน้อย คงเป็นเพราะความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินไม่เพียงพอ ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
ข้าวสาลีผลผลิตไม่เพียงพอ แต่ผลผลิตของข้าวทำให้ทุกคนตกตะลึง
ปีนี้เก็บเกี่ยวข้าวได้เป็นจำนวนมาก
เฉลี่ยหนึ่งไร่มีผลผลิตบรรลุสามหาบครึ่ง
ไร่ที่มีผลผลิตมากที่สุดเกือบเก็บเกี่ยวได้ห้าหาบ
ต่ำสุดก็มีสามหาบ
ข้าวมีผลผลิตดี ทุกคนต่างดีใจ
เยียนอวิ๋นเกอรวบรวมประสบการณ์ “ใช้ตะกอนทับถมดินให้อุดมสมบูรณ์ ผลลัพธ์จะดีกว่าอย่างมาก”
ตอนบุกเบิกในฤดูใบไม้ผลิ ตะกอนที่ขุดขึ้นมาจากคลอง ล้วนกองอยู่ในแปลงนาปลูกข้าว
ใช้ตะกอนทับถมดินให้อุดมสมบูรณ์ เมื่อแปลงนามีความอุดมสมบูรณ์เพียงพอ ผลผลิตข้าวจึงสูงกว่าที่คาดการณ์ เป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่เยียนอวิ๋นเกอไม่ได้ดีใจเป็นเวลานานนัก
ดังที่กล่าวว่า ไม่มีความกังวลในระยะไกล ย่อมมีความวิตกในระยะใกล้
นางเตือนเยียนสุย “ไม่อาจคาดหวังกับการใช้ตะกอนทับถมดินให้อุดมสมบูรณ์ตลอดไป ตะกอนย่อมมีจำกัด หากตะกอนไม่เพียงพอ ไม่ต้องรออนาคต ผลผลิตข้าวในปีหน้าย่อมตกลงมา หากต้องการเก็บเกี่ยวให้ได้ผลผลิตที่ดี คงจะยาก! เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน พวกเราต้องหาวิธีอื่น หาสิ่งอื่นที่สามารถรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินได้อย่างต่อเนื่อง”
“คุณหนูมีความคิดอย่างไร รับสั่งมาได้เลยขอรับ” เยียนสุยเชื่อใจเยียนอวิ๋นเกออย่างมาก
เพียงแค่ความคิดการให้เช่าแปลงนาราคาถูกก็ถือว่าเป็นความคิดอัจฉริยะแล้ว
เขาเชื่อว่าครานี้ เยียนอวิ๋นเกอสามารถคิดหาวิธีที่ดี จัดการปัญหาความอุดมสมบูรณ์ของดินไม่เพียงพอได้
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด “มีสองวิธี หนึ่งขุดหลุมหมักหญ้า ขี้เถ้า ของเสียของเน่า อุจจาระสัตว์เพื่อทำเป็นปุ๋ย ซึ่งสามารถทำได้ในเวลานี้ สองคือแถบนครบาลมีเมืองยี่สิบแห่ง หากดำเนินการได้ดี ล้วนสามารถเป็นแหล่งปุ๋ยของพวกเรา”
“ดำเนินการอย่างไรหรือขอรับ” เยียนสุยสงสัย
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “ติดต่อกับส่วนราชการแต่ละพื้นที่ พวกเราออกเงินสร้างห้องน้ำหลวงให้พวกเขา นักการให้ความร่วมมือเรียกร้องให้สามัญชนเข้าห้องน้ำหลวง ไม่สามารถถ่ายอุจจาระตามใจ หากพบเห็นจะลงโทษด้วยการโบย ถูกโบยหลายครั้งก็ย่อมรู้ผิดชอบ ปุ๋ยในห้องน้ำหลวงเป็นของพวกเรา นักการยอมช่วยเหลือ พวกเราให้ผลประโยชน์ได้ อาทิให้เสบียง ให้เงิน แต่รายละเอียดการแลกเปลี่ยนเจ้าไปเจรจา เรื่องนี้ เจ้าทำได้หรือไม่”
เยียนสุยผงะ “สร้างห้องน้ำหลวง รวบรวมปุ๋ย?”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “เมืองมากมาย ประชากรรวมกันอย่างน้อยก็มีหลายแสน คนนับแสนกินดื่มถ่ายอุจจาระ กองเป็นปุ๋ย โดยทั่วแล้วไปคงจะเพียงพอต่อความต้องการของแปลงนา”
นี่ๆๆ …
เยียนสุยสับสนเล็กน้อย “คุณหนู วิธีนี้เป็นไปได้หรือ”
“ได้หรือไม่ ต้องลองถึงจะรู้ เจ้าดูชุมชนสุ่ยจื๋อนี้มีคนนับหมื่นคนรวมตัว ตอนเริ่มแรก ชายหญิง คนชราหรือเด็กล้วนถ่ายอุจจาระตามใจ ผู้ใดล้วนไม่มีสำนึกว่าต้องเข้าห้องน้ำหลวง แต่เจ้าดูเวลานี้ ไม่ต้องจับตาเฝ้าดู ทุกคนต่างเข้าห้องน้ำหลวงด้วยตนเอง ไม่เพียงรวบรวมปุ๋ยได้ ยังสามารถรับรองความสะอาด ครึ่งปีนี้ คนจำนวนมากรวมตัวกัน เคยมีโรคระบาดหรือไม่ เคยมีไข้หวัดขนาดใหญ่หรือไม่”
เยียนสุยส่ายหน้าระรัว
นับแต่การบุกเบิก สิ่งที่ทำให้เขาภูมิใจที่สุดสองเรื่องคือ หนึ่งเปลี่ยนที่ดินเปล่าให้กลายเป็นแปลงนา สองคือความเป็นอยู่ของคนนับหมื่น ไม่มีโรคระบาดขนาดใหญ่เกิดขึ้น
ยาจำนวนมากที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าล้วนไม่ได้ใช้
เห็นได้ชัด ไม่มีการเกิดของโรคร้ายแรง มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้ามการดื่มน้ำที่ไม่ผ่านการต้ม และการเข้าห้องน้ำหลวง
เขาครุ่นคิด “หากจะรวบรวมปุ๋ย อันที่จริงเมืองหลวงเหมาะสมที่สุด เมืองหลวงมีประชากรหลายแสนคน ครั้งหนึ่งสามารถรวบรวมปุ๋ยได้ไม่น้อย”
เยียนอวิ๋นเกอโบกมือ คัดค้าน “ไม่สามารถรวบรวมปุ๋ยที่เมืองหลวงได้ เมืองหลวงมีคนมีความสามารถมาก คนที่อยู่ในพระราชวังเป็นคนขี้ระแวง สร้างห้องน้ำในเมืองหลวง รวบรวมปุ๋ย มีความเป็นไปได้ที่จะดึงดูดความสนใจและปัญหาอย่างมาก การเดินทางไปรวบรวมปุ๋ยในแต่ละเมือง ถึงแม้จะยุ่งยาก ระยะทางยาวไกล แต่ปลอดภัย ไม่ดึงดูดสายตา”
“คุณหนูกังวลมากไปหรือไม่ขอรับ” เยียนสุยยังคงเสียดายปุ๋ยในเมืองหลวง
การกินดื่มขับถ่ายของประชากรนับแสนคน อีกทั้งยังอยู่ในเมืองเดียว เพียงแค่การขนย้ายปุ๋ยก็สะดวกมากกว่า
หากละทิ้งปุ๋ยในเมืองหลวง น่าเสียดายอย่างมาก!
เยียนอวิ๋นเกอพูด “เจ้าต้องรู้ว่าเหล่าชนชั้นสูงในเมืองหลวงล้วนมีแปลงนาขนาดใหญ่ แปลงนาของพวกเขาก็ต้องการปุ๋ยเช่นเดียวกัน ถึงแม้ข้าไม่เคยสำรวจ แต่ก็พอจะนึกออก ปุ๋ยของเมืองหลวงย่อมต้องถูกตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหลวงเหมาหมด
พวกเราวิ่งไปสร้างห้องน้ำหลวง รวบรวมปุ๋ยในเมืองหลวงเท่ากับกำลังแย่งเสบียงของผู้อื่น จะเป็นการดีได้อย่างไร ถึงแม้สถานการณ์ไม่ร้ายแรงเหมือนที่ข้าพูด แต่มีน้อยเรื่องดีกว่ามีมากเรื่อง อย่างไรก็ตาม พวกเราต้องเลี่ยงเมืองหลวง”
เยียนสุยพยักหน้า “คุณหนูพูดมีเหตุผล รอการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงเสร็จสิ้น จัดการเรื่องบุกเบิกแล้ว ข้าจะนำคนมุ่งหน้าไปเจรจาเรื่องสร้างห้องน้ำหลวงในเมืองต่างๆ”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ลำบากเจ้าแล้ว พยายามวิ่งหลายเมือง สร้างห้องน้ำหลวงให้มากขึ้น หากต้องการรับสมัครคนเฝ้าห้องน้ำหลวง สามารถรับสมัครในท้องถิ่นโดยตรง ให้โอกาสคนเหล่านั้นหาเงิน ดังที่กล่าวว่าให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นย่อมเป็นการให้ความสะดวกแก่ตัวเอง ผูกมิตรให้มาก เรือนพักร่ำรวยของพวกเราย่อมรุ่งเรือง”
เยียนสุยตอบรับ “ข้าฟังคุณหนู”
แผนการปุ๋ยกำหนดลงแล้ว เยียนอวิ๋นเกอก็เบนสายตาไปทางเศรษฐกิจของประชาชน
…
ระยะนี้เหล่าผู้อพยพในชุมชนสุ่ยจื๋อมีความสุขอย่างมาก
เพราะเหตุใดหรือ
เพราะพวกเขาได้กินเสบียงใหม่ในปีนี้
ครึ่งปีที่ผ่านมาพวกเขากินแต่เสบียงเก่า
ทุกคนต่างรู้ดีว่ารสชาติของเสบียงเก่าไม่ดีนัก ขึ้นราเป็นเรื่องที่พบเป็นประจำ
เสบียงล้ำค่า แม้จะขึ้นราก็ต้องกิน
ไม่กินก็ต้องอด
เสบียงที่ขึ้นราต้มสุกแล้วยังคงกินได้ ดีกว่าอดข้าวหรือกินเปลือกไม้
การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุดลง ข้าวสาลีผลผลิตไม่ดี แต่ข้าวมีผลผลิตดี
เหล่าพ่อบ้านและคนงานต่างดีใจ
ผู้อพยพส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าเรื่องการเก็บเกี่ยวไม่เกี่ยวกับพวกเขา
เสบียงเป็นของเถ้าแก่ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้
ถึงแม้จะเคยฝันว่าปีนี้จะได้แบ่งเสบียงที่เก็บเกี่ยวใหม่
แต่ไม่คิดว่าจะมีวันที่ฝันเป็นจริง
เถ้าแก่โอบอ้อมอารี นับแต่การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุดลง พวกเขามารับเสบียงหลังจากทำงานเสร็จในวันหนึ่ง
เอ๊ะ?
ครึ่งหนึ่งเป็นเสบียงเก่า ครึ่งหนึ่งเป็นเสบียงใหม่
“ข้าวและข้าวสาลีที่เก็บใหม่ในปีนี้”
ชาวนาชรากอดตะกร้าเสบียง ร้องไห้ด้วยความดีใจ
ทำนามาหลายสิบปี เขาแทบไม่เคยได้กินเสบียงใหม่
ไม่คิดว่าการมาบุกเบิกที่ชุมชนสุ่ยจื๋อ จะมีโอกาสได้กินเสบียงใหม่
เสบียงใหม่แพง เสบียงเก่าถูก
เพื่อแลกเปลี่ยนเสบียงที่มากขึ้น ปีก่อนชาวนาชรามักนำเสบียงใหม่ที่เก็บเกี่ยวได้แลกเปลี่ยนเป็นเสบียงเก่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ เสบียงย่อมกินได้เป็นเวลานาน
ดังนั้น ชาวนาชราทำนามาหลายสิบปี จำนวนครั้งที่กินเสบียงใหม่สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ
คนที่ร้องไห้ไม่ใช่เพียงชาวนาชรา เหล่าสตรีน้อยใหญ่ต่างร้องไห้ ร้องไห้ปนหัวเราะ
หัวเราะด้วยความสุข หัวเราะด้วยความดีใจ
ลำบากมาครึ่งปี ได้กินเสบียงใหม่ คุ้มค่าแล้ว!
มีสตรีที่ประหยัดมัธยัสถ์พูดกับบุตรสาว “เสบียงใหม่กินมื้อเดียว ลิ้มรสชาติก็พอ ต่อจากนี้เสบียงใหม่ที่ได้มากักตุนเอาไว้ รออากาศหนาว ใช้เสบียงใหม่แลกผ้าห่มสองผืนกับชุดใหม่สองชุด”
เมื่อได้ยินคำว่าชุดใหม่ เหล่าสตรีน้อยใหญ่ต่างเบิกตาโต ดวงตาลุกวาว
เสบียงใหม่ล้ำค่า แต่ราคาของชุดใหม่ยิ่งสูง
เพื่อชุดใหม่ ไม่กินเสบียงใหม่ก็ไม่เป็นอันใด
“แลกชุดใหม่ได้จริงหรือ”
“แลกได้! ข้าไปถามพี่จี้แห่งร้านผ้าแล้ว เขาบอกเสบียงใหม่ราคาสูง ใช้เสบียงใหม่แลกชุดคุ้มค่ายิ่งกว่า ข้าดูให้พวกเจ้าแล้ว ชุดนุ่นหยาบแค่เจ็ดสิบเหวิน กักตุนสักครึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือน ย่อมสามารถแลกได้สองสามชุด ต่อจากนี้ทำงานให้คล่องแคล่ว ทำได้มากจึงแลกเสบียงได้มาก”
เหล่าสตรีน้อยใหญ่ต่างพยักหน้า
เพื่อชุดใหม่ พวกนางสู้!
…
คนงานจี้เสี่ยวซื่อแห่งร้านผ้าสี่ฤดูยุ่งมากในหลายวันนี้
เมื่อถึงตอนพักเที่ยงหรือตอนเลิกงานยามเย็น เหล่าสตรีน้อยใหญ่ต่างหลั่งไหลเข้ามาในร้านผ้า
พวกนางเพียงแค่ดูแต่ไม่ซื้อ
จี้เสี่ยวซื่อไม่อาจไล่คนออกไปได้ อีกทั้งยังต้องต้อนรับอย่างดี ตอบทุกคำถาม
ค้าขายไม่สำเร็จ แต่เปลืองน้ำลายไม่น้อย
ตอนไม่ยุ่ง หนึ่งวันไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว
แต่เมื่อยุ่งขึ้นมา คนก็เยอะเกินไปเสียหน่อย
เขารู้ว่าพวกนางล้วนถูกเสบียงใหม่กระตุ้น
เพียงแค่ขยันทำงาน แต่ละครอบครัวล้วนกักตุนเสบียงได้
หลังจากกักตุนมาระยะหนึ่ง หลังจากเพียงพอต่อความต้องการด้านการกินแล้ว ผู้คนก็เริ่มสนใจชุดที่อบอุ่น อีกทั้งยังคาดหวังว่าจะมีชุดที่สมศักดิ์ศรีเมื่อออกไปข้างนอก
เพื่อดูแลความต้องการของผู้อพยพส่วนใหญ่ ชุดของร้านผ้าสี่ฤดูมีครบทุกรูปแบบ ราคาเป็นธรรม
สามารถตอบสนองแต่ละชนชั้น แต่ละความต้องการได้
อีกทั้งเพื่อต้อนรับฤดูที่กำลังจะมาถึง เถ้าแก่ตัดสินใจขยายร้านผ้า
ชุดสำเร็จรูปแยกเป็นห้องลูกค้าชาย ห้องลูกค้าหญิง ไม่ยุ่งเกี่ยวซึ่งกันและกัน
ก่อนจะแยกพื้นที่ตามราคา แบ่งออกเป็นพื้นที่ราคาทั่วไป พื้นที่ราคาสูง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวนาและบัณฑิตเข้าร้านซื้อชุดพร้อมกัน ทั้งสองฝ่ายมองไม่เห็นซึ่งกันและกัน ไม่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์
การแบ่งแยกเช่นนี้ ไม่มีคนโหวกเหวกว่าเป็นการดูหมิ่น
หากแต่คิดว่าร้านผ้าสี่ฤดูคำนึงได้อย่างรอบคอบ แบ่งแยกพื้นที่จับจ่าย ถึงแม้ทุกคนจับจ่ายสินค้าในร้านเดียวกัน แต่หลีกเลี่ยงความกระอักกระอ่วนในการพบหน้า
แต่ว่าในพื้นที่ราคาทั่วไปย่อมมีชุดราคาสูงบางรูปแบบปะปน
ภายในพื้นที่ราคาสูงนั้นก็มีชุดทั่วไปที่รูปแบบแตกต่างกันปะปน
ช่างรอบคอบและเห็นอกเห็นใจ
…
หวังซินแสเป็นคนชุมชนเดียวกันกับหานฉีจง เขาถูกหานซินแสแนะนำมายังเรือนพักร่ำรวย อีกทั้งรับหน้าที่เป็นบัญชีและซินแสสอนหนังสือ
เขาฟังสิ่งที่หานฉีจงพูด ตั้งใจทำงานอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นการนับจำนวนการบุกเบิกที่ดินแปลงนากลางพระอาทิตย์ หรือว่าการสอนหนังสือในตอนกลางคืน ถือว่าทำตามหน้าที่ได้อย่างสุดความสามารถ
ไม่ประหลาดใจ หลังจากเขาทำงานหนึ่งเดือน เขาได้รับเงินเดือนห้าก้วนอย่างราบรื่น
หลังจากได้รับเงินเดือน สิ่งแรกที่เขาทำคือซื้อชุดที่สมศักดิ์ศรีของตนเอง
ครอบครัวของหวังซินแสยากจนเสียยิ่งกว่าครอบครัวของหานฉีจงภาระก็หนักกว่า
แต่ก่อนเขาก็หาเงิน เพียงแต่หาได้น้อย
เขาอยากจะเกาะเกี่ยวตระกูลร่ำรวย แต่อีกฝ่ายดูถูกวิชาของเขา
เขาทำได้เพียงรับงานเขียนทั่วไป แต่ละเดือนมีรายได้ไม่แน่นอน
เขาลำบากทางการเงินมานาน
ครานี้มีเงินแล้ว ฮือๆๆ ดีใจ!
ในที่สุดเขาก็สามารถซื้อชุดใหม่ให้ตนเอง
ภายในใจของเขามีความคิด ชุดใหม่ของตนเอง ไม่อาจดีกว่าหานฉีจง
อย่างไรก็ตาม หานฉีจงเป็นคนแนะนำเขามา หากใส่ดีกว่าหานฉีจงคงไม่เหมาะสม
หากหานฉีจงถือสา คงจะเป็นการทำลายจิตใจของเขา
ดังนั้น เมื่อเขาเดินเข้าไปในร้านผ้าสี่ฤดู เขาถามทันที “มีชุดที่ดีน้อยกว่าชุดของหานซินแสหรือไม่”
มีๆๆ !
ย่อมมี!
จี้เสี่ยวซื่อยิ้มจนเห็นฟัน ไม่เห็นตา
หวังซินแสตรงหน้าเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่!
เขาต้อนรับอย่างตั้งใจและกระตือรือร้น!