คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 100 ทวงความเป็นธรรม

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 100 ทวงความเป็นธรรม

ฤดูหนาวปีนี้ เยียนอวิ๋นเพ่ยดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น

เยียนอวิ๋นเกอใช้ชีวินอย่างสุขสบาย มีเกียรติยศ ส่วนนางหัวใจกำลังหยดไปด้วยเลือด

นางไม่เคยปิดบังความเกลียดที่มีต่อเยียนอวิ๋นเกอ

“สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม เหตุใดจึงต้องให้เยียนอวิ๋นเกอรักษาหาย!”

แต่ก่อนเยียนอวิ๋นเกอเป็นเด็กใบ้ นางมีความเหนือกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเยียนอวิ๋นเกอ

กำเนิดจากภรรยาหลวงแล้วอย่างไร นางก็เป็นใบ้อยู่ดี

แต่เวลานี้เยียนอวิ๋นเกอสามารถพูดได้แล้ว ไม่ได้เป็นใบ้อีกต่อไป นางจะมีความรู้สึกเหนือกว่าได้อย่างไร

ไม่ยอม!

ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่เยียนอวิ๋นฉวนยังมารังแกนาง

เยียนอวิ๋นฉวนบอกนาง บิดาและมารดาของนางจะเดินทางมาเยี่ยมนางที่เมืองหลวง แต่ไร้ที่อยู่

จวนองค์หญิง นางใช้นิ้วเท้าคิดยังรู้ว่าเซียวฮูหยินไม่มีทางให้สามีภรรยาจากบ้านรองพักเข้าไป

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครอบครัวเดียวกัน

แม้แต่เยียนอวิ๋นฉวนยังไม่ได้พักเข้าไป สามีภรรยาจากบ้านรองย่อมไม่มีศักดิ์ศรียิ่งกว่าเยียนอวิ๋นฉวน

ส่วนที่นี่คือเมืองหลวง ทั้งจวนองค์หญิง ทุกเรื่องล้วนตัดสินใจโดยเซียวฮูหยิน

นางไม่อนุญาตให้สามีภรรยาจากบ้านรองพักเข้าไป ถึงแม้สามีภรรยาจากบ้านรองจะโวยวายอย่างไร ก็อย่าได้คิดจะเหยียบย่ำเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียว

เกียรติยศ?

เหอะๆ!

เซียวฮูหยินไม่ใช่คนที่ยอมลำบากตัวเองเพื่อเกียรติยศ

ไม่อาจพักจวนองค์หญิงได้ จวนอีกหลังพื้นที่เล็ก ไม่สามารถพักได้จำนวนมาก

ทำอย่างไร

ไม่พักจวนตระกูลหลิง ก็ต้องซื้อจวนอีกแห่ง

เยียนอวิ๋นฉวนโยนโจทย์ยากให้เยียนอวิ๋นเพ่ย ให้นางหาทาง

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธมาก “ข้าเป็นหญิงที่แต่งออก คนจากตระกูลเดินทางมาสมควรต้อนรับ แต่ที่นี่คือเมืองหลวง จวนตระกูลหลิงในเมืองหลวงก็มีแค่นี้ จะให้พวกเขาพักเข้ามาได้อย่างไร”

“เจ้าออกเงินซื้อจวนเถิด!” เยียนอวิ๋นฉวนพูดอย่างเรียบเฉย

พูดถึงเรื่องเงินราวกับพูดว่าวันนี้จะกินอะไร

มุมปากของเยียนอวิ๋นเพ่ยกระตุก “คนตระกูลเยียนเข้าเมืองหลวง เหตุใดหญิงที่แต่งออกอย่างข้าต้องออกเงินซื้อจวน”

เยียนอวิ๋นฉวนถอนหายใจ “น้องอวิ๋นเพ่ย หรือว่าเจ้าอยากให้ฮูหยินออกเงินซื้อจวนหรือ เจ้าลองคิดดู ฮูหยินจะหยิบเงินออกมาซื้อจวนให้ท่านพ่อและท่านแม่ของเจ้าอยู่หรือ เจ้าอย่าลืม บ้านรองกับจวนโหวของพวกเราแยกจากกันนับแต่ท่านผู้เฒ่าจากไปแล้ว”

เยียนอวิ๋นเพ่ยน้อยใจ “แต่ข้าถูกจวนโหวเลี้ยงแล้ว ข้าก็เป็นคนของจวนโหว บ้านรองมาเมืองหลวง เกี่ยวอันใดกับข้า”

“น้องอวิ๋นเพ่ยคิดเช่นนั้นจริงหรือ ท่านลุงสองกับท่านป้าสองเป็นบิดามารดาผู้ให้กำนิดของเจ้า พวกเขาเดินทางนับพันลี้ในอากาศหนาวมาเมืองหลวงเพื่อเจ้า เจ้าจะตัดความสัมพันธ์จริงหรือ”

“แต่ข้าไม่มีเงิน!” เยียนอวิ๋นเพ่ยดวงตาแดงก่ำ “การมีจวนในเมืองหลวงไม่ง่าย ถึงแม้ข้าไม่เคยสืบราคาจวนในเมืองหลวง แต่ข้าก็รู้ว่าการมีจวนที่สมศักดิ์ศรีในเมืองหลวงไม่ง่าย อีกทั้งเรื่องของตระกูลเยียน เหตุใดจึงให้หญิงที่แต่งออกอย่างข้ารับผิดชอบ”

“เพราะว่าพวกเขาเป็นบิดามารดาของเจ้า เจ้ามีหน้าที่รับผิดชอบความเป็นอยู่ของพวกเขาในเมืองหลวง”

เยียนอวิ๋นฉวนพูดอย่างผ่าเผย เพื่อเงิน เขาพยายามสุดความสามารถ

เยียนอวิ๋นเพ่ยทำได้เพียงพูด “ข้าไม่มีเงิน!”

เยียนอวิ๋นฉวนเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง ถอนหายใจทีหนึ่ง “เอาอย่างนี้ เจ้าออกเจ็ดพันก้วน หลังจากนี้ไม่ว่าขาดเหลืออย่างไร ข้าโปะให้”

เยียนอวิ๋นเพ่ยเบิกตาโต “อะไรนะ เจ็ดพันก้วน พี่ใหญ่กำลังปล้นอยู่หรือ”

สีหน้าของเยียนอวิ๋นฉวนดำทะมึน “เจ้าเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลหลิง อย่าบอกว่าเจ้าไม่มีเงิน”

“ข้าไม่มีเงิน”

เยียนอวิ๋นฉวนขมวดคิ้ว “เจ้าออกได้มากน้อยเพียงใด”

ราคาสินค้าในเมืองหลวงช่างทำให้คนยากที่จะเข้าใจ

ประชาชนลำบาก สามัญชนไม่มีเงิน แต่ราคาจวนในเมืองหลวงกลับสูงจนน่ากลัว

ให้ความรู้สึกว่ายากเกินที่จะเอื้อมถึง

เยียนอวิ๋นเพ่ยส่งเสียงไม่พอใจ “อย่างมากข้าออกได้แค่หนึ่งพันก้วน”

“ไม่ได้! อย่างน้อยต้องหกพันก้วน”

“พี่ใหญ่บังคับให้ข้าไปตายเสียเถิด”

“เช่นนั้นก็ให้ท่านลุงสองกับท่านป้าสองพักในตระกูลหลิง”

เยียนอวิ๋นเพ่ยโกรธจนอยากร้องไห้

เวลานี้ ความดีใจที่ได้ยินว่าบิดามารดากำลังจะมาถึงเมืองหลวงหายลับไป

ปัญหาที่อยู่ทำให้นางเหนื่อยล้า

ภายในใจของนางเกิดความแค้นขึ้นมาเล็กน้อย

เหตุใดท่านพ่อท่านแม่จึงต้องมาเมืองหลวง

ทั้งที่รู้ว่าเมืองหลวงไม่มีที่พักยังเดินทางมา พวกเขาต้องการหวังพึ่งนางอย่างนั้นหรือ

นางก็อยู่อย่างลำบากเหมือนกัน!

การเดินทางมาของท่านพ่อท่านแม่ก่อปัญหาให้นางเพียงอย่างเดียว

หลังจากต่อราคาไปมา เยียนอวิ๋นฉวนเกลี้ยกล่อม เสนอความคิดต่างๆ นานา ในที่สุดเขาก็ได้เงินจากเยียนอวิ๋นเพ่ยห้าพันก้วน

หัวใจของเยียนอวิ๋นเพ่ยกำลังอาบเลือด ทำให้นางเจ็บปวดอย่างมาก

เยียนอวิ๋นฉวนยังปลอบนาง “น้องอวิ๋นเพ่ยอย่าคิดมาก เจ้าบอกเรื่องนี้กับน้องเขยฉางเฟิง เขามีเงิน เขาสามารถช่วยเจ้าได้”

เยียนอวิ๋นเพ่ยหัวเราะแห้ง คาดหวังหลิงฉางเฟิง นอกจากดวงอาทิตย์ออกมาจากทางตะวันตก

นางยังไม่สู้คาดหวังเงินหลวง

เยียนอวิ๋นฉวนทำภารกิจสำเร็จ ลาจากเยียนอวิ๋นเพ่ย มุ่งหน้าจวนองค์หญิงจู้หยาง

เยียนอวิ๋นเกอไม่คิดว่าเยียนอวิ๋นฉวนจะทำงานได้ราบรื่นเพียงนี้

สมกับเป็นคนที่มีความสามารถ

“พี่ใหญ่มีสัจจะ ข้าย่อมทำตามสัญญา เมื่อพี่สามมาเมืองหลวง ให้นางพักเข้ามาในจวนองค์หญิง”

“น้องสี่ต้องดีกับอวิ๋นจือ! วันนี้ เยียนอวิ๋นเพ่ยร้องไห้ไปหลายรอบ ร้องไห้จนข้าคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ชั่วร้ายอย่างมาก”

“เงินเพียงห้าพันก้วน ไม่ถึงแก่ชีวิตของเยียนอวิ๋นเพ่ย ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่เสียเกียรติถึงที่ต้องเปิดปากขอเงินจากนาง ข้ารับน้ำใจของท่าน วันนี้ท่านอยู่กินข้าวเย็นเถิด”

“ขอบใจน้องสี่!”

อยากกินอาหารเย็นมื้อหนึ่งในจวนองค์หญิงช่างยากเย็นเหลือเกิน

อาหารของจวนองค์หญิงไม่ได้อร่อยไปกว่าอาหารในจวนของตนเองนัก

แต่อาจเพราะว่าได้มายาก ดังนั้นจึงต้องการ

หลิงฉางเฟิงขุ่นเคืองอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเพ่ยถูกคนหลอกไปห้าพันก้วน ถึงแม้ไม่ใช่เงินของเขา แต่เขายังคงรู้สึกอับอาย

เขาด่าเยียนอวิ๋นเพ่ยก่อน “เรื่องใหญ่เพียงนี้ไม่รู้จักมาหารือกับข้าก่อนก็ถูกกลอกไปห้าพันก้วน”

เยียนอวิ๋นเพ่ยน้อยใจ พลางร้องไห้พลางแก้ตัว “ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ากำลังจะถึงเมืองหลวง ไร้ที่อยู่ พี่ใหญ่บอกว่าจะเอาเงินซื้อจวน ข้าคิดว่ามีเหตุผล จึง…”

“ถึงแม้จะซื้อจวนก็ไม่ถึงตาเจ้าออกเงิน เจ้าอย่าลืม เวลานี้เจ้าเป็นคนของตระกูลหลิง คนตระกูลเยียนมีที่พักหรือไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า อีกอย่าง เจ้าออกเงินซื้อจวน กรรมสิทธิ์ในจวนเป็นของเจ้าหรือ”

เยียนอวิ๋นเพ่ยผงะ ท่าท่าเสียใจ “ข้าลืมถามเรื่องกรรมสิทธิ์ในจวน เวลานั้นมัวแต่สนใจเรื่องเงิน”

“บอกว่าเจ้าโง่ เจ้าก็โง่เสียจริง เรื่องสำคัญเช่นนี้ยังไม่รู้จักถามสักคำ สมควรถูกคนหลอกเงินห้าพันก้วน”

เยียนอวิ๋นเพ่ยปล่อยโฮ

หลิงฉางเฟิงโกรธ เรื่องนี้ตระกูลเยียนทำไม่ถูกต้อง

เสียดายที่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเยียนอวิ๋นฉวนเป็นคนดี ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนชั่วที่มีเล่ห์เหลี่ยมจัด

เขาไปหาพี่ใหญ่หลิงฉางจื้อ บ่น

“พี่ใหญ่ ตระกูลเยียนร้ายกาจยิ่งนัก บังอาจหลอกตระกูลหลิง เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้”

หลิงฉางจื้อมีสีหน้าเรียบเฉย “เหตุการณ์ทั้งหมด ข้าได้ยินบ่าวรับใช้พูดแล้ว บิดามารดาของน้องสะใภ้กำลังจะเดินทางถึงเมืองหลวง นางมีใจกตัญญู ออกเงินเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

หลิงฉางเฟิงทำหน้าเหลือเชื่อ “พี่ใหญ่ไม่โกรธ? เยียนอวิ๋นฉวนรังแกมาถึงบนหัวแล้ว พี่ใหญ่ท่านทนได้? ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าเขาเป็นบุรุษที่เที่ยงธรรม แต่การกระทำวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเหลี่ยมตัด”

หลิงฉางจื้อเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังไม่เป็นธรรมแทนน้องสะใภ้ อยากได้เงินห้าพันก้วนคืน?”

หลิงฉางเฟิงมีความไม่พอใจเต็มท้อง “ไม่ได้หรือ คนตระกูลเยียนเดินทางมาเมืองหลวงเกี่ยวกับตระกูลหลิงหรือ เหตุใดซื้อจวนต้องมาขอเงินจากเยียนอวิ๋นเพ่ย เงินของนางล้วนเป็นเงินส่วนตัวของนาง ต้องเหลือไว้ให้ลูก เหตุใดจึงต้องถูกตระกูลเยียนหลอกเอาไป”

“เจ้าไม่ได้บอกว่าไม่มีบุตรกับน้องสะใภ้หรือ เวลานี้เจ้าเปลี่ยนใจอีกแล้ว”

“ไม่ว่าข้าจะมีบุตรกับนางหรือไม่ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ตระกูลเยียนจะรังแกคนได้ พี่ใหญ่ เรื่องนี้ปล่อยไปไม่ได้”

“เจ้าอยากทำอย่างไร”

“เอาเงินกลับมา จัดการกับเยียนอวิ๋นฉวน”

หลิงฉางจื้อส่ายหน้า “เรื่องนี้ เยียนอวิ๋นฉวนเป็นแค่คนทำงานแทน คนที่ออกความคิดคือเยียนอวิ๋นเกอ”

“นางอีกแล้ว!” หลิงฉางเฟิงโกรธ โกรธจนเจ็บปอด “เยียนอวิ๋นเกออยากเป็นศัตรูกับตระกูลหลิงหรือ นางหาที่ตาย!”

หลิงฉางจื้อสีหน้าเรียบเฉย ไม่โกรธแม้แต่น้อย “หากพูดให้ถูกต้อง เยียนอวิ๋นเกอเป็นศัตรูกับพวกเจ้าสองคน นางกับตระกูลหลิงยังมีความร่วมมือกัน”

หลิงฉางเฟิงได้ยิน อยากกระอักเลือด

“พี่ใหญ่ ข้าเป็นน้องชายของท่าน น้องชายร่วมมารดาของท่าน! เยียนอวิ๋นเกอเป็นศัตรูกับข้า พี่ใหญ่จะมองดูเฉยๆ หรือ เรื่องคราก่อนข้าฟังท่าน ไม่ถือสานาง แต่นางกลับดี เหยียบจมูกขึ้นหน้า ครานี้วางแผนหลอกลวงเยียนอวิ๋นเพ่ย เรื่องนี้ทนไม่ได้”

หลิงฉางจื้อยิ้มเย็น “เจ้าไม่ทนนางได้ แต่ก่อนอื่นเจ้าชนะนางได้หรือ คราก่อน เจ้านำทหารบุกล้อมจวนองค์หญิงลับหลังข้า หากไม่ใช้ขาไปทันเวลา เจ้าคงตายในมือของเยียนอวิ๋นเกอแล้ว

เจ้าเป็นผู้แพ้ของนาง ย่อมต้องมีท่าทีของผู้แพ้ ยืนรับการโจมตีแต่โดยดี เพราะเงินเพียงห้าพันก้วน หรือว่าเจ้าจะให้ข้าไปทะเลาะกับเยียนอวิ๋นเกอ หรืออยากให้ตระกูลหลิงกลายเป็นศัตรูกับตระกูลเยียน ทำสงครามขึ้นมา”

ในฐานะหลานชายคนโตของตระกูลหลิง เงินทุนที่สามารถเคลื่อนไหวได้ในมือของหลิงฉางจื้อมีจำนวนมหาศาล

ดังนั้นเงินเพียงห้าพันก้วนในสายตาคนอื่นอาจเป็นจำนวนมาก แต่ในสายตาของเขาเป็นแค่เม็ดฝน

เพื่อเม็ดฝนเพียงเล็กน้อย ทำสงครามกับเยียนอวิ๋นเกอ เขาคงบ้าไปแล้ว

ดังนั้น เขาทำได้เพียงจัดการอย่างใจเย็นกับไฟโกรธของหลิงฉางเฟิง

ผู้ใดให้เยียนอวิ๋นเพ่ยโง่เขลา เพียงแค่เยียนอวิ๋นฉวนหลอกนิดหลอกหน่อย ก็เอาเงินไปจากนางได้

ทำได้เพียงบอกว่า เยียนอวิ๋นเกอรู้จักเยียนอวิ๋นเพ่ย

รู้ขีดจำกัดของเยียนอวิ๋นเพ่ย รู้นิสัยชองนาง ทำให้ได้เงินห้าพันก้วนอย่างง่ายดาย

หลิงฉางเฟิงโหวกเหวกเสียงดังราวกับสัตว์ที่ถูกขัง

เขาไม่ยอม ไม่อยากยอม…

เขาพูดกับหลิงฉางจื้อ “พี่ใหญ่ไม่ยอมออกหน้าแทนข้า ข้าไปทวงความยุติธรรมกับเยียนอวิ๋นเกอด้วนตนเอง ข้าจะทำให้นางรู้ ข้าไม่ได้ถูกรังแกง่าย นาวอย่าคิดจะเหยียบจมูกขึ้นหน้า”

หลิงฉางจื้อเด็ดขาดอย่างมาก “เจ้าไปทวงความยุติธรรมกับเยียนอวิ๋นเกอได้! แต่ไม่อนุญาตให้นำกองกำลังส่วนตัวเดินทางไป เจ้ามีความสามารถเพียงใด ก็ทำเรื่องใหญ่เพียงใด กองกำลังส่วนตัว ไม่มีคำสั่งของข้า ไม่มีทางเชื่อฟังเจ้า ดังนั้นเจ้าล้มเลิกความคิดที่จะใช้กองกำลังลับหลังข้า”

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท