คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 105 บำรุงสมอง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 105 บำรุงสมอง

เซียวฮูหยินที่ผ่านมาเป็นคนที่รักษาฐานะ มีความเกรงอกเกรงใจ

แต่เซียวฮูหยินในเวลานี้ใช้ชีวิตอย่างตามใจตนเองเมื่อหลุดพ้นจากจวนโหวและเยียนโส่วจ้าน

เมื่อได้ยินสองสามีภรรยาบ่น นางยิ้มเย็น “ข้าจะให้ผู้ใดพักจวนท่านหญิงต้องให้พวกเจ้าสองสามีภรรยาออกความเห็น?”

“ไม่กล้า ไม่กล้า! พี่สะใภ้ใหญ่เข้าใจผิดแล้ว! พวกเราพักด้านนอกดีแล้ว”

นายท่านรองตระกูลเยียนรู้เท่าถึงการณ์อย่างมาก

ซุนฮูหยินมีความขุ่นเคือง

แต่ก่อนนางดูถูกเซียวฮูหยิน คิดว่าเซียวฮูหยินครองฐานะฮูหยินจวนโหวอย่างเสียเปล่า แต่ไม่มีศักดิ์ศรีที่ฮูหยินจวนโหวควรมี

แต่เวลานี้ให้นางก้มหน้าต่อเซียวฮูหยิน ช่างยากเย็นแสนเข็นอย่างมาก!

เซียวฮูหยินยิ้มอย่างมีนัย “ดูท่าทางน้องสะใภ้รองมีเรื่องไม่พอใจข้าอย่างมาก เอาเถิด วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว กลับห้องไปพักผ่อนก่อน มีสิ่งใดที่ต้องการก็บอกเจ้าใหญ่ เจ้าใหญ่เป็นคนซื่อสัตย์ ย่อมต้องรับรองทั้งสองคนอย่างดี”

เอ๊ะ?

เซียวฮูหยินจะไปแล้ว

เพิ่งพบหน้า คุยกันไม่กี่ประโยคก็บอกว่าเหนื่อยล้า เห็นได้ชัดว่าไม่อยากรับรองพวกเขาสองสามีภรรยา

“นี่ๆๆ …”

นายท่านรองตระกูลเยียนอยากรั้ง แต่พูดไม่ออก

ทำได้เพียงมองเซียวฮูหยินจากไปภายใต้การรายล้อมของบ่าวรับใช้

เขาบ่นซุนฮูหยิน “เป็นเพราะเจ้า! ไม่พูดเรื่องดีแม้แต่ประโยคเดียวก็ทำให้คนจากไปด้วยความโกรธแล้ว”

ซุนฮูหยินไม่ยอม บ่นเสียงเบา “เห็นได้ชัดว่าพี่สะใภ้ใหญ่ใจแคบ”

“ข้าจะว่าเจ้าอย่างไรดี เรื่องที่พูดกับเจ้าเมื่อคืน เจ้าลืมไปหมดแล้วหรือ”

ซุนฮูหยินรู้ว่าตนเองผิด จึงไม่พูดอีก

นายท่านรองตระกูลเยียนส่งเสียงไม่พอใจ “เรื่องดีไม่เคยทำ ทำแต่เรื่องล้มเหลว”

เซียวฮูหยินไม่อยากรับมือกับสองสามีภรรยาบ้านรอง ดังนั้นจึงฉวยโอกาสกลับเรือนด้านหลัง

สองสามีภรรยาบ้านรองมอบหมายให้เยียนอวิ๋นฉวนรับมือ

ภายในใจของนางไม่พอใจต่อเยียนโส่วจ้านอย่างมาก

เอาแต่สร้างปัญหาให้นาง

ก่อนหน้าให้เยียนอวิ๋นฉวนมาเมืองหลวง

เวลานี้เป็นสองสามีภรรยาบ้านรอง อีกทั้งยังมีเยียนอวิ๋นจือ

ต่อจากนี้จะเป็นผู้ใดอีก

อย่างไร เยียนโส่วจ้านคิดว่าจวนท่านหญิงของนางเป็นจวนตระกูลเยียน เรียกร้องให้นางทำสิ่งใดก็ได้หรือ

เงินให้มาไม่มาก ยังคิดจะให้นางปูทางแทนตระกูลเยียน เซียวฮูหยินยิ้มเย็น เยียนโส่วจ้านเอาความมั่นใจมาจากที่ใด

นางปูทางแทนบุตร แต่นางไม่มีทางปูทางแทนเยียนโส่วจ้าน

เพราะว่าผลประโยชน์ของสองสามีภรรยาไม่เหมือนกันตั้งแต่แรก

เมื่อมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ รอยร้าวจึงเกิดขึ้น

“ท่านแม่โกรธหรือ” เยียนอวิ๋นเกอกังวลอย่างมาก

เซียวฮูหยินส่ายหน้าพลันยิ้ม “เหตุใดจึงไม่ไปเล่นกับอวิ๋นจือ”

“พี่สามไร้เดียงสา อีกทั้งยังมีคำถามมากมาย ข้าถูกนางถามจนรำคาญ จึงให้สาวรับใช้พานางไปเดินเล่น”

เซียวฮูหยินได้ยิน หัวเราะขึ้นมา “เจ้าน่ะ มักขาดความอดทนเมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ไม่ชอบ”

เยียนอวิ๋นเกอไม่เห็นด้วย “ความอดทนของลูกดีไม่น้อย เพียงแค่อารมณ์ร้อนในบางครั้ง ท่านอาสองกับท่านอาสะใภ้สองพูดสิ่งใดไม่เข้าหูใช่หรือไม่”

เซียวฮูหยินส่ายหน้า “ไม่ได้พูดสิ่งใดที่ไม่เข้าหู เพียงแค่ไม่พอใจที่เจ้าสามพักเข้ามาในจวนท่านหญิงได้ ส่วนพวกเขาพักในจวนท่านหญิงไม่ได้”

“พวกเขายังคิดจะพักจวนท่านหญิงจู้หยาง หน้าของพวกเขาต้องใหญ่เพียงใด ท่านแม่ไม่ติดหนี้พวกเขา อีกทั้งแยกจวนตั้งนานแล้ว พวกเขามีหน้าบ่นได้อย่างไร”

“ไม่ต้องสนใจพวกเขา หลังจากวันนี้ วันหลังก็ยากที่จะพบหน้ากัน ตู้ซินแสมาหาเจ้าแล้วหรือไม่”

เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “ข้าให้คนไปบอกตู้ซินแส ให้เขาอย่ารีบร้อน นานๆ มาเมืองหลวงครั้งหนึ่ง ไปเดินเล่นดูก่อน มีเรื่องใดค่อยว่ากันวันหลัง”

“เจ้าคิดจะปล่อยเขาเอาไว้”

“เขาเป็นคนของท่านพ่อ ข้าต้องรู้ขีดจำกัดของเขาก่อน หากเขาจะคุย ข้าก็คุยย่อมเป็นการแสดงให้เห็นถึงข้าคุยง่ายไม่ใช่หรือ เมื่อถึงเวลาหากเขาเรียกร้องมากเกิน ยื้อกันไปมาคงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก ไม่สู้ข้าปล่อยเขาไว้ก่อน ให้เขากังวลใจ ข้าจึงจะครอบครองสิทธิ์ฝ่ายรุกได้”

“เรื่องนี้เจ้าจัดการเถิด! ในเมื่อเยียนอวิ๋นจือพักเข้ามาแล้ว เจ้าต้องอดทนกับนางให้มากหน่อย”

“ท่านแม่วางใจ ทางพี่สามข้ารู้ขอบเขต”

เยียนอวิ๋นฉวนไม่คิดว่า เซียวฮูหยินไม่ยอมแม้แต่เสแสร้ง ให้เขาออกหน้ารับรองสองสามีภรรยาบ้านรองโดยตรง

การกระทำนี้เท่ากับฉีกหน้า ต่อจากนี้ไม่ไปมาหาสู่กันแล้วหรือ

เฮ้อ!

เขาถอนหายใจหนึ่งที!

เขาที่อยู่ตรงกลางช่างยากลำบาก

ห้องครัวจัดเตรียมอาหารโต๊ะหนึ่ง อุดมสมบูรณ์ ถือว่าจริงใจอย่างมาก

นายท่านรองตระกูลเยียนดื่มน้ำแกงเหลือง ก่อนจะบ่นกับเยียนอวิ๋นฉวน

ต่อหน้าคนรุ่นหลัง นายท่านรองตระกูลเยียนไร้ความกังวล มีสิ่งใดพูดสิ่งนั้น

เขาบ่นท่านโหวเยียนโส่วจ้าน บ่นพี่สะใภ้ใหญ่เซียวฮูหยิน บ่นระหว่างทางเหน็ดเหนื่อยเพียงใด บ่นตู้ซินแสยโสโอหัง

เยียนอวิ๋นฉวนฟังเขาบ่นจนเหงื่อท่วมหัว

ตอบรับก็ไม่ใช่ ไม่ตอบรับก็ไม่เชิง

ทำได้เพียงกรอกสุรา พยายามทำให้นายท่านรองตระกูลเยียนเมาโดยเร็ว

ห้องโถงด้านข้าง เยียนอวิ๋นเกอเป็นเจ้ามือ ร่วมทานอาหารกับเยียนอวิ๋นจือและซุนฮูหยิน

ซุนฮูหยินไม่เห็นเซียวฮูหยิน จึงถามขึ้น “อวิ๋นเกอ ท่านแม่เจ้าเล่า?”

เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาสะใภ้สองโปรดอภัย ท่านแม่ข้าไม่สบายนัก กลัวจะติดผู้อื่นจึงไม่ออกมา วันนี้ข้าเป็นผู้รับรอง ท่านอาสะใภ้สองอย่ารังเกียจที่ข้าอายุน้อย อย่างน้อยข้าก็ดื่มได้สองจอก”

ซุนฮูหยินมองเยียนอวิ๋นเกอ “ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเจ้าพูดได้แล้ว ข้ายังคิดว่าเหลวไหล ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง เพียงแต่เสียงของเจ้า ไม่ชัดเจนนัก”

เสียงของเยียนอวิ๋นเกอแหบพร่า รักษาจนถึงบัดนี้ ได้เพียงนี้ก็ดีที่สุดแล้ว

หากต้องการน้ำเสียงที่กระจ่าง เกรงว่าจะไร้หนทาง

นางตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาสะใภ้สองไม่ดีใจกับข้าหรือ เป็นใบ้มาหลายปี วันนี้เปิดปากพูดได้แล้ว ไม่ต้องทำท่าทางไม่ต้องเขียนหนังสือ ข้าอยากพูดสิ่งใดก็พูดได้โดยตรง พวกท่านก็ประหยัดเวลาในการเดาความคิดข้า”

ซุนฮูหยินยิ้มเก้อ “อาย่อมดีใจแทนเจ้า! เดิมทีคิดว่าหมดหวังแล้ว ไม่คิดว่ามาถึงเมืองหลวงจะรักษาหาย เห็นได้ชัดว่าเมืองหลวงเป็นสถานที่นำโชคของเจ้า”

“ท่านอาสะใภ้สองพูดถูกต้อง ข้าก็รู้สึกว่าเมืองหลวงเป็นสถานที่นำโชคของข้า”

รับรองซุนฮูหยินเสร็จ เยียนอวิ๋นเกอก็เริ่มสนใจเยียนอวิ๋นจือ “พี่สาม เหตุใดท่านไม่กิน อาหารไม่ถูกปากหรือ”

เยียนอวิ๋นจือส่ายหน้าระรัว “อาหารถูกปากมาก ข้าแค่ดีใจแทนน้องสี่ ในที่สุดน้องสี่ก็พูดได้แล้ว ข้าควรมอบของขวัญใดจึงเหมาะสม”

เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “ที่แท้พี่สามกำลังกลุ้มใจเรื่องของขวัญ อันที่จริงไม่จำเป็น เพียงแค่คำว่ายินดี ข้าก็ดีใจแล้ว”

“มันเป็นการขอไปทีหรือไม่! ข้าพักเข้ามาในจวนท่านหญิงได้ เพราะน้องสี่พูดแทนข้าต่อหน้าฮูหยิน ไม่ว่าอย่างไรข้าต้องขอบคุณน้องสี่ อีกทั้งยินดีกับน้องสี่ที่พูดได้”

“ให้สิ่งใดไม่สำคัญ มีน้ำใจก็พอ”

ฟังจากบทสนทนาของสองพี่น้อง ซุนฮูหยินถึงได้รู้ว่า เยียนอวิ๋นจือพักเข้ามาในจวนองค์หญิงได้ ล้วนเป็นความชอบของเยียนอวิ๋นเกอ

นางรู้สึกเหลือเชื่อ

เยียนอวิ๋นจือกับเยียนอวิ๋นเกอเป็นพี่น้องต่างมารดา แต่ก่อนตอนอยู่ในจวนโหวมักปะทะกัน ยากที่จะอยู่อย่างสันติ

เหตุใดเพียงชั่วพริบตา ทั้งสองคนราวกับเปลี่ยนนิสัย มีพูดคุยมีหัวเราะ ราวกับเป็นพี่น้องร่วมมารดา

แปลกเหลือเกิน!

เยียนอวิ๋นจือไร้เดียงสายังพอเข้าใจได้

เยียนอวิ๋นเกอกลายเป็นคนพูดง่ายตั้งแต่เมื่อใด

นางพูดขัดคนทั้งสอง “อวิ๋นเกอ เจ้าเป็นคนโน้มน้าวพี่สะใภ้ใหญ่ ให้อวิ๋นจือพักเข้ามาในจวนท่านหญิงจริงหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอท่าทางอ่อนโยนมีมารยาท ความร้ายกาจบนตัวเก็บซ่อนเอาไว้มิดชิด มีเพียงรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความน่าเอ็นดู

นางพยักหน้า พูด “พี่สามเป็นคุณหนูจะพักในจวนด้านนอกกับบรรดาบุรุษได้อย่างไร ดังนั้น ข้าจึงโน้มน้าวท่านแม่ ให้พี่สามพักเข้ามาในจวนท่านหญิง”

เยียนอวิ๋นจือซาบซึ้งอย่างมากอีกครั้ง ภายในใจตื่นเต้นอย่างมาก “ขอบคุณน้องสี่ แต่ก่อนข้าเข้าใจเจ้าผิด เจ้าเป็นคนดี คนที่ดีมาก”

มุมปากของเยียนอวิ๋นเกอกระตุก

นางไม่คิดว่าตนเองจะได้รับบัตรคนดี

สีหน้าของซุนฮูหยินไม่เป็นธรรมชาตินัก บิดเบี้ยวเล็กน้อย

ราวกับนางได้ยินเรื่องที่น่าขบขันที่สุดในโลก แต่เยียนอวิ๋นจือกลับเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

ดูท่าทางซาบซึ้งของเยียนอวิ๋นจือ ซุนฮูหยินดูอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าเยียนอวิ๋นเกอจะใจดี

ในนี้ย่อมต้องมีเรื่องที่นางไม่รู้

ฮึ!

แผ่นดินอาจเปลี่ยนง่าย แต่นิสัยเปลี่ยนยาก!

นางไม่เชื่อว่าเยียนอวิ๋นเกอจะเปลี่ยนนิสัย

แต่ภายนอก นางยังคงพูด “พวกเจ้าสองคนพี่น้องรักกันดีเสียจริง! อวิ๋นจือ เจ้าเตรียมตัวเดินทางไปจวนองค์ชายสอง เยี่ยมพี่สองของเจ้าเมื่อใด”

เห็นได้ชัดว่าเยียนอวิ๋นจือผงะไป นางเหลือบมองเยียนอวิ๋นเกอ “เรื่องนี้ข้าฟังฮูหยิน”

ซุนฮูหยินยิ้มมีนัย “เจ้าไม่อยากพบพี่สองของเจ้าหรือ จากกันมาปีกว่า คิดถึงแย่”

เยียนอวิ๋นจือพูดอย่างจริงจัง “จวนองค์ชายสองกฎระเบียบเข้มงวด ไม่ใช่สถานที่ที่ข้าอยากไปก็ไปได้ หรือว่าท่านอาสะใภ้สองอยากรีบพบพี่สอง”

ซุนฮูหยินหัวเราะ “ข้าพบนางทำอันใด อวิ๋นฉีเป็นถึงพระชายา ข้าดีใจแทนนาง แต่ว่านางไม่ใช่บุตรสาวของข้า ข้าคงไม่ไปรบกวนนาง อวิ๋นจือ เมื่อเจ้าพบพี่สองของเจ้า อย่าลืมทักทายแทนข้า คนในตระกูลต่างระลึกถึงนาง”

เยียนอวิ๋นจือตอบรับด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาสะใภ้สองวางใจ ข้าจะส่งคำพูดนี้ไปให้พี่สอง”

“เช่นนี้ย่อมดี”

ซุนฮูหยินมองไปทางเยียนอวิ๋นเกอ “โอย ดูสมองของข้า อวิ๋นเกอเป็นน้องสาวของอวิ๋นฉี ข้าควรจะวานให้อวิ๋นเกอนำไปบอกอวิ๋นฉี ข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ให้อวิ๋นจือบอกต่อ คนแก่แล้ว สมองไม่ดีนัก”

เยียนอวิ๋นเกอยังไม่ทันทำอันใด สีหน้าของเยียนอวิ๋นจือก็บึ้งตึงขึ้น

คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการสร้างความบาดหมาง

แต่เยียนอวิ๋นจือหลงกล

เยียนอวิ๋นเกอกวาดตามองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม นางไม่สนใจท่าทีของเยียนอวิ๋นจือ นางเพียงแค่เกลียดที่มีคนสร้างความบาดหมางต่อหน้านางเท่านั้น

นางใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งวางลงในชามของซุนฮูหยิน

“ท่านอาสะใภ้สองกินปลา บำรุงสมอง วันนี้ท่านกินให้มาก พยายามบำรุงสมองที่มันหายไประหว่างทาง”

สีหน้าของซุนฮูหยินดำทะมึน

“อวิ๋นเกอ ตอนที่เจ้าพูดไม่ได้ทำให้คนชอบมากกว่า”

เวลานี้พูดได้แล้ว คนเรียบร้อยขึ้น แต่ปากของนางร้ายกาจ ไม่ไว้หน้าคนแม้แต่น้อย

ซุนฮูหยินยอมให้เยียนอวิ๋นเกอยังคงเป็นเยียนอวิ๋นเกอเหมือนแต่ก่อน ที่ลงมือเมื่อพูดจาไม่ลงรอย

นางอยากดูว่าหากคนผู้น้อยตีผู้อาวุโสจะเป็นอย่างไร

แต่…

เวลานี้เยียนอวิ๋นเกอไม่ตีคน หากแต่เริ่มเสียดสียิ้มเยาะ ร้ายกาจยิ่งนัก

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มขึ้นมา “คนอื่นต่างบอกว่า หลังจากที่ข้าพูดได้น่าเอ็นดูขึ้นมาก แต่ท่านอาสะใภ้สองแตกต่างจากผู้อื่น ดูท่าทาง ท่านอาสะใภ้สองยังต้องกินปลาให้มาก ปลาจานนี้มอบให้ท่านอาสะใภ้สองทั้งหมดดีกว่า”

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท