ตอนที่ 112 แพ้ไม่ได้!
หนาว!
เถาฮองเฮารู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว!
หนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก!
สายตาที่นางมององค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินฉายแววอาฆาตอย่างชัดเจนในชั่วขณะหนึ่ง
นางคิดว่าเขาเป็นเพียงคนป่วยกระเซาะกระแซะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนป่วยกระเซาะกระแซะที่เย็นชาเพียงนี้
เขาพูดแบบนั้นออกมาอย่างเย็นชาได้อย่างไรกัน
เขายังมีหัวใจอยู่หรือไม่
เถาฮองเฮาหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะมองไปทางองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้อีกครั้ง “เจ้าสาม เจ้ามีความคิดเหมือนกับเจ้าสองอย่างนั้นหรือ เจ้าก็คิดว่าข้าไม่ควรนอนทุกข์อยู่บนเตียง ควรเข้มแข็งเพื่อหลอมรวมใจคนในทันทีอย่างนั้นหรือ”
องค์ชายสามหลุบตาทูล “ท่านตาเสียชีวิต เสด็จแม่ทรงเจ็บปวดอย่างมาก ข้าเองก็เจ็บปวดใจไม่น้อย ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดเรื่องจึงมาถึงขั้นนี้ เสด็จแม่ พระองค์ทรงไขความสงสัยของข้าได้หรือไม่”
ตอบไม่ตรงคำถาม แต่องค์ชายสามก็ยังคงแสดงออกถึงความคิดเห็นของตนเองอย่างอ้อมค้อม
เขาเหมือนกับองค์ชายสอง อยากให้เถาฮองเฮาเข้มแข็งขึ้นมา
เถาฮองเฮาหัวเราะเสียงเย็น “พยุงข้าขึ้นมานั่ง!”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ยื่นมือออกไปพยุงเถาฮองเฮาขึ้นมา
เถาฮองเฮาพิงหัวเตียง กระแอมไอเบาๆ สองที “พวกเจ้าแค่กลัวข้าเสียใจเกินไปจนไม่อาจกลับมาเข้มแข็งได้ ทำให้อนาคตของพวกเจ้าพัง”
“ข้ามีความผิด!” องค์ชายสามโน้มตัวรับโทษ
“เสด็จแม่ไม่กลัวจะทำให้อนาคตของน้องสามจบสิ้นอย่างนั้นหรือ”
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินเอ่ยขึ้น
น้ำเสียงที่เขาใช้เอ่ยวาจาออกมานั้นทั้งเย็นชาทั้งโหดร้าย ทำให้หัวใจของผู้ฟังเย็นยะเยือก
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินยังไม่ทันพูดจบ
เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ไม่รอเถาฮองเฮาระเบิดความโกรธก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ท่านตาเสียชีวิต ทุกคนล้วนเสียใจอย่างมาก เพียงแต่ชีวิตไม่ได้มีเพียงความเสียใจในเวลานี้ แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เมื่อท่านตาเสียชีวิต ความสามารถของตระกูลเถาย่อมได้รับผลกระทบ เหมือนดั่งคำที่ว่าคนป่วยตาเพราะโรค ต่อจากนี้สถานการณ์ในราชสำนักย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ย่อมต้องมีคนกระโดดออกมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของตระกูลเถา
ราชสำนักกับวังหลังไม่อาจตัดขาดจากกันได้ เมื่อราชสำนักมีการเคลื่อนไหว พระสนมใสนวังหลังย่อมต้องช่วงชิงโอกาสที่เสด็จแม่ทรงไร้กำลังสนใจเคลื่อนไหวขึ้นมา
เมื่อถึงเวลานั้น รากฐานที่เสด็จแม่ทรงลำบากสร้างขึ้นมาย่อมต้องถูกผู้อื่นร่วมมือกันกลืนกินจนหมดสิ้น
อีกทั้งท่าทีของเสด็จพ่อทรงไม่ชัดเจน หลังจากนี้อีกหนึ่งปี เสด็จแม่ยังทรงสามารถรักษาข้อได้เปรียบในเวลานี้ได้หรือไม่คงเป็นเรื่องที่พูดยาก”
เมื่อสิ้นคำพูดของเขา ภายในห้องบรรทมเงียบสงัด
องค์หญิงติ้งเถาก้มหน้าไม่พูดสิ่งใด
องค์ชายสามอ้าปากเหมือนอยากพูดบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินเม้มปาก กระแอมไอเสียงเบา “เสด็จพ่อไม่ทรงเปลี่ยนพระดำริ สถานการณ์มีแต่จะยิ่งเลวร้ายลง ข้าพูดเพียงเท่านี้ เสด็จแม่โปรดทรงคำนึงอย่างรอบคอบ วันนี้ข้าออกมาเป็นเวลานานแล้ว บัดนี้ขอทูลลากลับจวน วันอื่นข้าจะไปสักการะรำลึกท่านตา ร่างกายข้าไม่ดีนัก คงไม่อาจไปงานศพได้”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้น
ร่างกายที่อ่อนแอราวกับจะล้มลง จบชีวิตในทุกเวลา!
“เสด็จพี่สอง!”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้เรียกองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินเอาไว้
องค์ชายสองหันกลับมามองเขา
“เสด็จพี่สองทรงมีแผนการอย่างไร” เซียวเฉิงอี้เอ่ยถามอย่างกะทันหัน
องค์ชายสองเซียวเฉิงอี้หัวเราะขึ้นมา “ข้าย่อมต้องหลบพักรักษาร่างกายอยู่ในจวน ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ดอกไม้นานาชนิดเบ่งบาน ข้าไม่อาจสูดดมเกสรดอกไม้หรือกลิ่นดอกไม้ได้ ย่อมต้องรักษาร่างกายให้ดี! มิฉะนั้นคงไม่อาจเห็นงานอภิเษกของน้องสามกับติ้งเถาแล้ว”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้อ้าปากกล่าว “ขอบพระทัยเสด็จพี่สอง!”
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “เหตุใดจึงขอบคุณข้า พวกเราเป็นพี่น้องกัน ติ้งเถา เจ้าไม่ไปหรือ”
ติ้งเถาฉงน พยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า
เซียวเฉิงเหวินไม่ได้บังคับองค์หญิงติ้งเถา เขาเดินออกจากตำหนักบรรทมไป
เถาฮองเฮาไม่ได้เอ่ยปากรั้งเขาเอาไว้แม้แต่น้อย
สายตาของนางเย็นชา ฉายแววเกลียดแค้น
ถึงแม้สิ่งที่องค์ชายสองพูดล้วนถูกต้อง แต่คำพูดนี้ไม่ควรออกมาจากปากของเขา
หลังจากเงียบไปเป็นเวลานาน องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้จึงพูดขึ้น “เสด็จแม่ พี่สองตรัสอย่างมีเหตุผล”
เถาฮองเฮายิ้มอย่างมีนัย “เขาย่อมพูดมีเหตุผล แม้ฟ้าจะหล่นทับลงมาก็ไม่ถึงคราวโชคร้ายของเจ้า ส่วนเจ้าจะกลายเป็นเป้า”
เซียวเฉิงอี้ก้มหน้า “ข้าได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากทุกฝ่ายเสมอมา หากกลายเป็นเป้าย่อมสมเหตุสมผล ข้าไม่สนใจว่าจะกลายเป็นเป้า”
เถาฮองเฮาจับข้อมือของเขาเอาไว้ “เจ้ารู้หรือไม่ พี่สองของเจ้าต้องการให้เจ้ากลายเป็นเป้า”
เซียวเฉิงอี้กลับพูด “หากไม่ทำตามที่เสด็จพี่สองตรัส ข้าก็จะไม่กลายเป็นเป้าอย่างนั้นหรือ เสด็จแม่ ไม่ว่าเสด็จพี่สองจะมีเจตนาอย่างไร เขาก็ยังเป็นโอรสของพระองค์ เป็นพี่ชายของข้า ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้ายข้า เสด็จแม่ก็ควรทรงเชื่อมั่นในตัวของเสด็จพี่สองให้มากขึ้น”
“หุบปาก!” เถาฮองเฮาตะหวาดเสียงดัง
หน้าอกของนางขึ้นลงอย่างแรง นางไม่ชอบบุตรชายคนโต
ทั้งที่เป็นองค์ชายแต่กลับไม่มีร่างกายที่แข็งแรงเพียงพอ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สามารถแบกรับหน้าที่ขององค์ชายได้
แต่เวลานี้องค์ชายสองกลับแสดงออกถึงความฉลาด ทำให้เถาฮองเฮาไม่พอใจอย่างมาก
นางรับรู้ได้!
รับรู้ได้ถึงความเย็นชาไร้เยื่อใยขององค์ชายสอง!
เขาไม่มีหัวใจ!
ในสายตาของเขามีเพียงผลประโยชน์
มันน่ากลัวอย่างมาก!
นางจับข้อมือขององค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้แน่น
บุตรชายตนเล็กฉลาด อีกทั้งยังเป็นคนที่มีคุณธรรมในเวลาเดียวกัน
เมื่อมีคุณธรรมย่อมไม่มีทางตลบหลัง!
นางกล่าวอย่างหนักแน่น “เจ้าวางใจ เสด็จแม่จะเข้มแข็งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนวางใจ เจ้าก็ต้องพยายาม! ตระกูลเถาพ่ายแพ้ได้ แต่เจ้าพ่ายแพ้ไม่ได้ จำได้หรือไม่”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าจดจำคำสอนของเสด็จแม่ ข้าจะไม่พ่ายแพ้!”
“ดีมาก!”
ชะงักไปสักพัก นางเอ่ยถามขึ้น “หากมีวันหนึ่ง…เจ้าตัดสินใจได้หรือไม่”
สีหน้าของเซียวเฉิงอี้เปลี่ยนไป เขาลังเลเป็นเวลานาน “เพื่อเสด็จแม่ เพื่อชนะสงครามในครั้งนี้ ข้าจะตัดสินใจ”
องค์หญิงติ้งเถาสับสนเล็กน้อย
สงครามใดกัน
ย่อมไม่ใช่สงครามทางใต้
หรือหมายถึงการเปลี่ยนแปลงในวังหลวง
นางตกใจอย่างมาก!
นางกลั้นหายใจเอาไว้ สายตากระวนกระวาย
ราวกับพืชน้ำที่ไร้ที่ยึดเกาะ
เถาฮองเฮากวาดตามองไปด้วยสีหน้าดำทะมึน ถามเสียงดุ “ติ้งเถา เจ้ากำลังคิดเรื่องใด”
“ข้า ข้าไม่ได้คิดเรื่องใดเพคะ” ติ้งเถาไม่อาจตอบได้ภายใต้ความตื่นตระหนก
น้ำเสียงของเถาฮองเฮาดุขึ้น “ข้าจะฟังความจริง!”
ติ้งเถาหวาดกลัว ไร้หนทาง แบกรับความเกรงขามไม่ไหว จึงร้องไห้โฮออกมา
นางกระโจนไปข้างเตียง “เสด็จแม่ เหตุใดเรื่องจึงกลายเป็นเช่นนี้ เหตุใดเสด็จพ่อจึงโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้น เหตุใดจึงต้องเดินมาถึงทางตัน”
เถาฮองเฮาลูบหลังของนางแผ่วเบา “เจ้าอยากรู้ว่าเหตุสใด ข้าสามารถบอกเจ้าได้ เพราะทุกสิ่งล้วนถูกลิขิตเอาไว้ เสด็จพ่อของเจ้าเป็นโอรสสวรรค์ เพื่ออำนาจ เพื่อแผ่นดิน เขาย่อมสละภรรยาและบุตรได้ ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่ตระกูลเถา ตระกูลเถาไม่สำคัญในใจของเสด็จพ่อเจ้า เพียงแค่สุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ ในเมื่อเป็นสุนัข ย่อมสามารถฆ่าได้ทุกเวลา”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่า!” เถาฮองเฮาพูดขัดองค์หญิงติ้งเถา
มือของนางค่อยๆ ออกแรงกดหลังขององค์หญิงติ้งเถาเอาไว้
“เจ้าต้องจำไว้ อย่าได้พูดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตำหนักบรรทมในวันนี้ออกไป หากให้ข้ารู้ว่าเจ้าพูดจาเหลวไหลอยู่ภายนอก ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า หากเจ้าคิดจะทูลฟ้องเสด็จพ่อของเจ้า เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเสด็จพ่อของเจ้า ข้าว่าเจ้าอย่าเสียเวลา เสด็จพ่อเจ้าไม่เคยโปรดปรานเจ้า! แต่ก่อนเป็น เวลานี้ก็ยังเป็น ต่อจากนี้ก็จะเป็น!”
ติ้งเถาอยากเงยหน้า แต่ก็ถูกเถาฮองเฮากดเอาไว้
แรงที่มากมายเพียงนี้ไม่สมควรที่จะอยู่บนร่างกายของคนป่วย
ติ้งเถาก้มหน้าด้วยความฉงน
เสด็จพ่อไม่โปรดนางหรือ
นางสามารถรับรู้ได้เล็กน้อย แต่นางไม่เคยพิสูจน์เรื่องนี้
แต่ก่อนนางมักจะคิดว่านางกำเนิดจากฮองเฮา เสด็จพ่อไม่โปรดนางจะโปรดผู้ใด
แต่เมื่อความจริงออกมาจากปากของเสด็จแม่ ติ้งเถาไม่อาจไม่เชื่อ นางไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะโต้แย้ง
บนโลกนี้ ไม่มีผู้ใดรู้จักเสด็จพ่อดีกว่าเสด็จแม่อีกแล้ว
นางบอกว่าเสด็จพ่อไม่โปรดตนเองย่อมต้องเป็นความจริง
ติ้งเถาร้องไห้!
หากแต่ไม่ได้ปล่อบโฮตามอารมณ์เหมือนแต่ก่อน นางพยายามอดกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้
นางร้องไห้อย่างแผ่วเบา ไหล่ทั้งสองข้างกระตุก ภายในใจยิ่งเต็มไปด้วยบาดแผล
เหตุใดต้องเปิดเผยความจริงอย่างโหดร้ายเพียงนี้
หัวใจของนางเจ็บปวดอย่างมาก!
นางแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว!
นางไม่ทันสังเกตว่าแรงบนไหล่หายไปแล้ว
“น้องหญิง อย่าร้องไห้เลย!”
องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้เอ่ยปลอบ
ติ้งเถาไม่อาจไม่ร้องไห้ได้ นางร้องไห้จนควบคุมตนเองไม่ได้
เถาฮองเฮาพูด “ให้นางร้องเถิด! ถึงเวลาที่นางต้องเติบโตแล้ว ไม่อาจเอาแต่ใจได้อีกต่อไป ภายหลังหากพวกเราไม่อาจปกป้องนางได้ นางทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง”
เซียวเฉิงอี้พยักหน้า “เสด็จแม่ตรัสมีเหตุผล!”
ติ้งเถาร้องไห้เหนื่อยจนหลับไป
คนในวังอุ้มนางเข้าไปในตำหนักด้านข้าง
เถาฮองเฮาเรียบเรียงทุกต่างๆ เอาไว้ พยายามเข้มแข็งขึ้นมา
สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก!
นางไม่มีเวลานอนเศร้าอยู่บนเตียงได้อีก
นางพูดกับเซียวเฉิงอี้ “ท่านตาของเจ้าเสียชีวิต งานอภิเษกของเจ้า เฮ้อ ค่อยหารือเถิด!”
เซียวเฉิงอี้ประหลาดใจ “เสด็จแม่อยากให้ข้าถอนหมั้นหรือ ตระกูลเถาอยู่ในช่วงเวลาที่มีเรื่องมาก กำลังต้องการแรงสนับสนุนและช่วยเหลือ ถอนหมั้นในเวลานี้ อาจต้องสงสัยทับถมคนล้ม อีกทั้งหากแพร่ออกไป ชื่อเสียงของข้าจะเสียหาย”
เถาฮองเฮาถอนหายใจ “ข้าเสียใจที่หมั้นหมายให้เจ้าเร็วเกินไป เรื่องบนโลกยากที่จะคาดการณ์ ผู้ใดจะคิดว่าท่าตาของเจ้าจะ…”
เมื่อนึกถึงศีรษะของบิดาผู้ให้กำเนิดถูกตัดลงมา เถาฮองเฮาก็เจ็บปวดยิ่งนัก!
นางพยายามตั้งสติ “หากตระกูลเถาเอ่ยถึงเรื่องอภิเษก เจ้าผลักมาที่ตัวข้า ให้พวกเขามาหาข้า เจ้าไม่ต้องตอบแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องให้คำมั่นสัญญาอันใด”
“ข้าจดจำคำสอนของเสด็จแม่”
“ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าออกไปเถิด!”
“ข้าขอทูลลา!”