ตอนที่ 113 เขาร้อนใน!
เมื่อท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาตาย ฮ่องเต้หย่งไท่จึงมีคำอธิบายต่อเหล่าท่านอ๋องทั่วแผ่นดิน
ข้ออ้างที่เหล่าท่านอ๋องทั่วแผ่นดินใช้เพื่อก่อกบฏ กำจัดขุนนางชั่วข้างฮ่องเต้!
เฮอะๆ !
กำจัดขุนนางชั่วข้างฮ่องเต้!
ผู้ที่เหล่าท่านอ๋องทั่วแผ่นดินต้องการกำจัดก็คือตระกูลเถา
ทุกคนต่างเข้ามาดู
ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาผู้เป็นนายใหญ่ของตระกูลเถา ผู้ที่หลอกลวงจักรพรรดิ ถูกคนทั่วทั้งแผ่นดินเคียดแค้นได้ตายไปแล้ว!
ศรีษะของเขาถูกตัด ตายจนไม่อาจตายได้อีก
นับแต่นี้ต่อไป ตระกูลเถามีแต่จะตกต่ำ
เหล่าท่านอ๋องทั่วแผ่นดิน เป้าหมายในการกำจัดขุนนางชั่วข้างฮ่องเต้ของพวกเจ้าบรรลุแล้ว ในที่สุดก็บีบเค้นจนท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาต้องตาย
ดังนั้น พวกเจ้ายังมีหน้าก่อกบฏอีกหรือ ไม่กลัวคนทั่วแผ่นดินก่นด่าหรือ
ข่าวการตายของท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาแพร่ไปทั่วแผ่นดิน
ทั้งเมืองหลวง ราชสำนัก ฮ่องเต้ล้วนกำลังรอคอยปฏิกิริยาของเหล่าท่านอ๋อง
เหล่าท่านอ๋องไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด หากแต่ขบวนย่อยที่บุกเข้าแถบนครบาลของจวนท่านอ๋องตงผิงนั้นถอยทัพไปกว่าพันลี้อย่างเอิกเกริก
เมื่อกองกำลังย่อยขบวนนี้ถอยทัพ กองกำลังอื่นที่บุกเข้าพื้นที่นครบาลต่างมองหน้ากัน
ทุกคนต่างถอยไปพร้อมกันดีหรือไม่!
ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาตายแล้ว ต่อจากนี้ไม่มีผู้ใดหลอกลวงฮ่องเต้ได้อีก
คิดว่าฮ่องเต้คงไม่กระทำการเข่นฆ่าเหล่าท่านอ๋องอันเป็นความผิดใหญ่หลวงอีก
กองกำลังต่างเคลื่อนไหว เหล่าท่านอ๋องนั่งไม่ติด
ถอยทัพ หรือ ไม่ถอย
กว่าจะบุกเข้าพื้นที่แถบนครบาลได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ช่างน่าเสียดายหากถอยทัพในเวลานี้
แต่ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาตายแล้ว คนที่ต้องการกำจัดถูกประหารแล้ว หากไม่ถอยทัพแล้วบุกโจมตีเมืองหลวงต่อ เกรงว่าจะก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน
ประชาชนทางใต้ของแผ่นดินต้าเว่ยถูกสงครามห้อมล้อม
พวกเขาต่างรู้ว่าต้องประหารขุนนางชั่วข้างกายฮ่องเต้ แต่ข่าวการประหารท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาถูกแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินในเวลานี้ เพื่อใจคน เพื่อความศรัทธาของคน เกรงว่าคงจะทำได้เพียงถอยทัพชั่วคราว
ถึงแม้จะไม่เต็มใจนักก็เถิด!
แต่ก็ทำได้เพียงถอยทัพชั่วคราว จากนั้นค่อยวางแผนต่อไป
สงครามในครั้งนี้ยังไม่ถึงเวลาสิ้นสุด
ทุกคนต่างรู้ดี การกำจัดขุนนางชั่วข้างกายฮ่องเต้เป็นเพียงผ้าปิดบังความอาย
เป้าหมายที่แท้จริงของสงครามในครั้งนี้ก็เพื่อก่อกบฏล้มฮ่องเต้หย่งไท่
เมื่อเหตุผลในการกำจัดขุนนางชั่วหมดไปแล้ว ปัญหาใหญ่ที่อยู่ต่อหน้าท่านอ๋องในเวลาต่อมาก็คือหาสาเหตุในการออกกองกำลังทำสงครามกับราชสำนัก อีกทั้งยังต้องเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผล ทำให้ผู้คนไม่อาจเอาผิดได้
ฮ่องเต้ทรงได้รับราชบัลลังก์อย่างไม่เหมาะสมอาจเป็นเหตุผลได้
…
หลังจากที่เซียวกั้วได้รับข่าวจากเซียวอี้ เขาก็นำทัพถอยกลับไปในเวลาแรก อีกทั้งถอยไปกว่าพันลี้
เมื่อปักหลักค่ายทหารลง ทหารส่งสารมาส่งข่าว บอกว่าท่านอ๋องเรียกพบ
เซียวกั้วตอบ “รู้แล้ว” เขาตั้งสติ ก่อนจะเปลี่ยนชุดทั่วไปเพื่อเดินทางไปพบท่านอ๋องตงผิง
ระยะนี้ท่านอ๋องตงผิงมีเกียรติอย่างมาก
บุตรชายคนโตของเขานำทัพบุกเข้าเมืองแถบนครบาลก่อน อีกทั้งยังโจมตีอำเภอเมืองสองแห่งลงมาได้ กลายเป็นเรื่องน่าชื่นชมต่อหน้าของเหล่าท่านอ๋อง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาได้รับการเยินยออย่างมาก
แต่ว่าดีใจได้ไม่นาน เซียวกั้วก็นำกองกำลังถอยทัพออกมาก่อน
ทำให้ท่านอ๋องตงผิงกลายเป็นคนผิด เหล่าท่านอ๋องต่างตำหนิว่าเขาก่อกวนกำลังใจของกองกำลัง
ความโกรธนี้ทำให้เขา…
ดังนั้นเมื่อเซียวกั้วเพิ่งกลับมา เขาจึงส่งคนไปเรียกตัว
เมื่อพ่อลูกพบหน้ากัน ไม่มีความอบอุ่นระหว่างบิดากับบุตร มีเพียงเรื่องงาน
ท่านอ๋องตงผิงนั่งด้วยความสง่าผ่าเผย เอ่ยถามขึ้น “ไม่มีคำสั่งของข้า เหตุใดเจ้าจึงถอยทัพ”
เซียวกั้วก้มหน้า ตอบอย่างเคารพ “ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาถูกประหาร เป้าหมายในการกำจัดตายแล้ว หากข้าอยู่ในนครบาลต่อย่อมไร้ประโยชน์ เกรงว่าจะทำให้ชื่อเสียงของท่านอ๋องเสื่อมเสีย ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจถอยทัพด้วยตนเอง”
ปัง!
ท่านอ๋องตงผิงตบโต๊ะ พลันตวาดเสียงดัง “ถึงแม้เจ้าจะอยากถอยทัพ แต่ก็ควรปฏิบัติตามคำสั่งของข้า ข้าอนุญาตให้เจ้าถอยทัพ เจ้าจึงจะถอยทัพได้ เจ้าบังอาจถอยทัพเอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำให้ข้ากลายเป็นฝ่ายถูกกระทำมากเพียงใด ระยะนี้ผู้ที่มาคาดโทษข้ามีต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า”
“ข้าผิดไปแล้วขอรับ! แต่ว่าท่านพ่อไม่ใช่เครื่องประดับของผู้ใด การกระทำเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการเห็นด้วยจากผู้อื่น เหตุใดพวกเขาจึงต้องคาดโทษท่านพ่อ”
“ไม่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้ ท่านอ๋องทั่วแผ่นดินล้วนมีใจหนึ่งเดียว พวกเราต้องเป็นเชือกเส้นเดียวกัน ภารกิจจึงจะสำเร็จได้”
เซียวกั้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ท่านพ่อมั่นใจหรือว่าท่านอ๋องทั่วแผ่นดินมีใจเป็นหนึ่งเดียว หากมีวันหนึ่ง พวกเราสามารถบุกเข้าเมืองหลวงได้ ผู้ใดจะเป็นผู้นำ ผู้ใดจะยึดถือผู้ใดเป็นหลัก เวลานี้ท่านพ่อยอมทุกอย่าง เมื่อรอวันที่บุกเข้าเมืองหลวงจะไม่มีโอกาสแล้วนะขอรับ”
“เจ้า…” ท่านอ๋องตงผิงสับสนเล็กน้อย เขายังเป็นบุตรชายคนโตที่ซื่อตรงอยู่หรือ เขาถูกเซียวอี้เข้าสิงหรืออย่างไร
ท่านอ๋องตงผิงส่ายหน้าระรัว เหตุใดเขาจึงนึกถึงลูกทรพีอย่างเซียวอี้ขึ้นมากัน
ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!
เขาพูดอย่างรำคาญ “ข้าจะทำเรื่องใด ทำอย่างไร ยังไม่ต้องให้เจ้ามาชี้นิ้ว เจ้าออกไปเถิด! ต่อจากนี้ไม่มีคำสั่งของข้า อย่าได้ออกกองกำลังโดยพลการอีก”
“ข้ารับคำสั่ง!”
เซียวกั้วถอยออกจากกระโจมอย่างเด็ดเดี่ยว แต่กลับพบกับน้องสองผู้เป็นบุตรชายคนโตของพระชายาท่านอ๋องตงผิงคนปัจจุบันที่กำลังเดินมุ่งหน้าเข้ามา
“พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว!”
เซียวซวิ้นเดินเข้าไปหาเซียวกั้วด้วยสีหน้ากระตือรือร้น “ได้ยินว่าพี่ใหญ่นำทัพบุกเข้าเมืองนครบาล ทำให้กลัวจนต้องประหารท่านผู้เฒ่าตระกูลเถา ข้าศรัทธาท่านอย่างมาก คืนนี้ ข้าจะเตรียมอาหารเอาไว้ พวกเราพี่น้อง ไม่เมาไม่กลับ ดีหรือไม่”
เซียวกั้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบใจน้ำใจของน้องสอง! ข้าเพิ่งกลับมา มีเรื่องที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย เปลี่ยนเป็นวันอื่นเถิด! วันอื่นข้าจะเป็นเจ้ามือ เชิญน้องๆ ทั้งหลายมา ทุกคนจะได้สนิทกันมากขึ้น”
เซียวซวิ้นทำหน้าดีใจ “ตกลงตามนี้! ข้ารอดื่มสุราของพี่ใหญ่ พี่ใหญ่อย่ากลับคำเชียว”
เซียวกั้วพูด “ย่อมไม่กลับคำ!”
…
เมืองหลวง
เนื่องจากเหล่าท่านอ๋องถอยทัพ วิกฤตของเมืองแถบนครบาลได้รับการแก้ไข ทั้งประชาชนและขุนนางราชสำนักต่างโล่งใจ
เมื่อถึงเวลาประชุมในท้องพระโรงก็มีขุนนางยืนออกมาเยินยอฮ่องเต้อย่างเปิดเผย
บอกว่าฮ่องเต้ทรงมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ทรงมีความเด็ดขาด วิกฤตในนครบาลจึงได้รับการแก้ไข
อีกทั้งยังมีขุนนางออกมาทูลขอพระราชโองการให้ประหารตระกูลเถาทั้งตระกูล
อย่างไรท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาก็ตายแล้ว ตระกูลเถาไร้เสาหลัก ถึงเวลาที่ต้องจัดการตระกูลเถาอย่างสิ้นเชิงเสียที
เมื่อเป็นเช่นนี้ เถาฮองเฮาก็สูญเสียการสนับสนุนจากคนในตระกูล
ตำแหน่งขององค์ชายสาม…
เฮอะๆ !
ถึงเวลานั้นคงต้องมีการเปลี่ยนแปลง
แต่ฮ่องเต้ไม่ได้ทรงรับปากจะประหารตระกูลเถา
“ท่านผู้เฒ่าตระกูลเถาใช้การตายของตัวเองทำให้พวกท่านทั้งหลายสมดังปรารถนาแล้ว เขาถือเป็นขุนนางผู้จงรักภักดี พวกท่านทั้งหลายจะบีบเค้นตระกูลเถาให้ตายได้อย่างไร พวกท่านกำลังบีบเค้นให้ข้ากลายเป็นคนไร้คุณธรรม! ต่อจากนี้อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเถาอีก!”
ทันทีที่สิ้นเสียงฮ่องเต้หย่งไท่ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบสิ้นลง
วิกฤตของตระกูลเถาถูกแก้ไขไปชั่วคราว เวลานี้ยังคงปลอดภัย
แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรคงจะพูดยาก
ไม่แน่ว่าวันใดสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงจนต้องผลักตระกูลเถาออกมารับหน้าอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตาม ตระกูลเถาก็กลายเป็นแพะรับบาปที่ใหญ่ที่สุดไปแล้ว
ความผิดทุกอย่างล้วนผลักไปไว้ที่ตระกูลเถาย่อมไม่ผิด
ต่ำช้าหรือ
ไร้ยางอายหรือ
โหดร้ายหรือ
ต่ำช้ามาก ไร้ยางอายมาก โหดร้ายมากก็จริง
แต่การแย่งชิงในราชสำนักเป็นเช่นนี้เสมอมา
ไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มทับอีกฝ่ายหนึ่ง ก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่งล้มทับอีกฝ่ายหนึ่ง
ตระกูลเถาสูงส่งมาสิบกว่าปีแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกำจัดเสียที
โดยเฉพาะสุนัขรับใช้ของตระกูลเถา ต้องหาโอกาสขับไล่พวกเขาออกจากราชสำนักให้หมด
…
เถาฮองเฮาไม่ได้อยู่เฉย นางใช้โอกาสที่ฮ่องเต้ทรงเอ่ยปากปกป้องตระกูลเถา ส่งคนติดต่อขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ยึดมั่นใจคน
ในเวลาเดียวกัน เถาฮองเฮาก็ก่อเกิดพายุในวังหลังขึ้นมา
นางใช้ข้ออ้างในการลงโทษพระสนมหลายคน
เดิมทีคิดว่าตระกูลเถาล้มลงแล้ว เถาฮองเฮาใกล้จะสูญเสียความโปรดปราน บรรดาพระสนมจึงคิดหาวิธีทูลฟ้องต่อหน้าฮ่องเต้หย่งไท่
แต่ฮ่องเต้หย่งไท่กลับเอ่ยแค่เพียง “เรื่องในวังหลังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินใจ”
เมื่อมีพระดำรัสของฮ่องเต้ เถาฮองเฮายิ่งไร้ความเกรงกลัว
เมื่อพระมเหสีรองเรียกความสนใจจากฮ่องเต้
เถาฮองเฮาทรงรับสั่งให้ประหารทันที!
พระมเหสีรองตายแล้ว!
ทุกคนคิดว่าครานี้ฮ่องเต้ไม่มีทางอดทนกับเถาฮองเฮาได้อีก
แต่ความจริงทำให้พวกนางผิดหวังอีกครั้ง
ฮ่องเต้ไม่ได้ถามถึงการตายของพระมเหสีรอง
พระมเหสีรองตายเปล่า!
เถาฮองเฮารู้สึกโล่งใจ อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
นางใช้วิธีการที่แข็งกร้าวแสดงออกถึงบารมีของตนเอง ตักเตือนคนบางคน อย่าคิดจะรังแกตระกูลเถา
หากนางมีชีวิตอยู่ ตระกูลเถาก็จะไม่ล้ม
ไม่ว่าพระสนมหรือองค์ชายใดก็อย่าคิดจะก้าวข้ามพวกนางแม่ลูกได้
ผู้ใดบังอาจท้าทายตำแหน่งของนาง มีเพียงจุดจบเดียวคือ ‘ตาย’
วิธีการที่แข็งกร้าวมีผลต่อการผูกมัดใจคน
ขุนนางที่กำลังมองดูสถานการณ์ หรือกำลังเตรียมหานายใหม่นั้นรวมตัวอยู่ฝ่ายตระกูลเถาอีกครั้งด้วยความแน่วแน่
ภายนอก พวกเขากำลังสนับสนุนตระกูลเถา ความจริงแล้วพวกเขากำลังสนับสนุนเถาฮองเฮาและองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้
องค์ชายสามควรจะถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท นี่คือเป้าหมายของพวกเขา
…
องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ก็ไม่ได้อยู่เฉย เขาทูลขอพระราชโองการไปฝึกฝนตนเองในกองทัพเหนือ
ฮ่องเต้หย่งไท่มองเขาด้วยสายตาซับซ้อน “เจ้ายังไม่อภิเษกก็อยากไปฝึกฝนในกองทัพเหนือหรือ”
“ขอเสด็จพ่อโปรดทรงอนุญาต!” เซียวเฉิงอี้คุกเข่าอ้อนวอนอยู่บนพื้น
ฮ่องเต้หย่งไท่ตรัสถาม “มันเป็นความคิดของเจ้าเอง หรือว่าของเสด็จแม่เจ้า”
เซียวเฉิงอี้ทูลอย่างหนักแน่น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเสด็จแม่ เป็นความคิดของกระหม่อมเอง เหล่าท่านอ๋องมีใจอันไม่จงรักภักดีมาเป็นเวลานานแล้ว การกำจัดขุนนางชั่วเป็นเพียงข้ออ้างที่พวกเขาใช้ก่อกบฏเท่านั้น หากกระหม่อมต้องทนดูเหล่าท่านอ๋องก่อความวุ่นวายในแผ่นดินโดยไม่ทำสิ่งใด กระหม่อมคงจะรู้สึกผิดอย่างมาก ดังนั้นขอเสด็จพ่อโปรดทรงอนุญาตให้กระหม่อมเดินทางไปฝึกฝนในกองทัพเหนือ ประหารเหล่าท่านอ๋อง”
ฮ่องเต้หย่งไท่พยักหน้า คำพูดนี้ทำให้เขาพอใจอย่างมาก
เขาชื่นชม “ดีมาก! เจ้ามีความทะเยอทะยานเช่นนี้ ไม่เสียแรงที่ข้าสั่งสอนเจ้ามา ข้าอนุญาตให้เจ้าไปฝึกฝนในกองทัพเหนือภายใต้แม่ทัพใหญ่ จำเอาไว้ เจ้าอย่าได้ใช้ตำแหน่งองค์ชายกระทำการเหลวไหล หากให้ข้ารู้ว่าเจ้าทำให้กองทัพเหนือปั่นป่วน ทำให้กองทัพเหนือเหลวไหล ข้าย่อมไม่ให้อภัยเจ้า”
เซียวเฉิงอี้ตอบเสียงดังฟังชัด “กระหม่อมจดจำคำสอนของเสด็จพ่อ! เมื่ออยู่ภายใต้แม่ทัพใหญ่ กระหม่อมย่อมเป็นทหารของท่านแม่ทัพ กระหม่อมย่อมจะเข้มงวดกับตนเอง ไม่ทำให้เสด็จพ่อทรงต้องอับอาย!”
ฮ่องเต้หย่งไท่หัวเราะ มีบุตรเช่นนี้ ข้าดีใจยิ่งนัก
ข่าวที่องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้กำลังจะมุ่งหน้าไปฝึกฝนในกองทัพเหนือถูกแพร่กระจายออกไปทั่วราชสำนัก
มีคนชื่นชม มีคนดูถูก มีคนมองดู แต่ก็มีคนร้อนใจ
องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่เกิดร้อนในขึ้นบริเวณมุมปาก เขากินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ
เขาเป็นร้อนใน!