ตอนที่ 119 ความจริงใจ
เยียนอวิ๋นเกอต้มชาด้วยตนเอง
“ชาใหม่ของปีนี้ ตู้ซินแสลองชิม ให้ความคิดเห็นข้าหน่อย”
“ขอบคุณคุณหนูสี่ที่รับรอง”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา “ตู้ซินแสยากที่จะเกรงใจเพียงนี้”
“ฮ่าๆๆ …ต่อหน้าคุณหนู เกรงใจเกินไปจะเสียเปรียบง่าย!”
ตู้ซินแสพูดจากใจจริง
เริ่มแรกเขาเกรงใจเกินไป สุดท้ายเรื่องยืดเยื้อจากปีที่แล้วจนถึงปีนี้
ในฐานะที่ปรึกษา เขาล้มเหลวอย่างมาก
เขาไม่คาดคิดว่า คุณหนูสี่ที่อารมณ์ร้อนในความทรงจำของผู้คนจะสุขุมได้มากเพียงนี้
กลับตาลปัตรอย่างยิ่ง!
แต่ก็แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาทุกคนดูถูกคุณหนูสี่เกินไป
อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาคุณหนูสี่พูดไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้กำปั้นแสดงความคิดเห็น
เยียนอวิ๋นเกอคุยสัพเพเหระ “บ่าวรับใช้หาต้นชาในป่าได้หลายต้น นี่เป็นชาใหม่ที่เก็บได้ในปีนี้ ตู้ซินแสคิดว่ารสชาติเป็นอย่างไร หากรสชาติดี ข้าคิดจะปลูกต้นชาอีกหลายต้น ต่อจากนี้ในจวนย่อมไม่ขาดแคลนใบชา”
ตู้ซินแสลิ้มรสเป็นเวลานานก่อนจะพูดว่า “ข้าขอพูดตามตรง แม้ว่าบนภูเขาจะผลิตชาได้เล็กน้อย แต่รสชาติก็ยังไม่ดีเท่าใบชาที่ผลิตในภาคใต้”
เยียนอวิ๋นเกอลองชิมชาใหม่แล้วพยักหน้า “ซินแสพูดถูก แม้จะเป็นชาในป่าก็ไม่อาจเทียบชาที่ผลิตในภาคใต้ได้ ดูท่าทางการปลูกต้นชาคงต้องพักเอาไว้ก่อน”
ตู้ซินแสกล่าว “หากคุณหนูต้องการใบชา ส่งคนไปซื้อมาจากโรงชาทางใต้ย่อมได้ หากดำเนินการได้ดี ย่อมเป็นรายรับอีกทาง”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ไม่มีเงิน!”
ตู้ซินแสผงะ สนทนาแบบนี้ได้อย่างไร พวกเขาจะสนทนาต่อไปได้อย่างไร
เยียนอวิ๋นเกอกลับหัวเราะ “ตู้ซินแสมาเมืองหลวงไม่ง่ายนัก ท่านพ่อข้าย่อมต้องให้เงินท่านมาจำนวนมาก”
พูดตรงประเด็น
ตู้ซินแสวางถ้วยชาลง พูดอย่างจริงจัง “เรื่องเงินย่อมเจรจากันได้ เพียงแต่เงินของท่านโหว คุณหนูจะรับไปอย่างไม่มีผลตอบแทนไม่ได้”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “ข้ารู้ว่าท่านพ่อต้องการมีส่วนร่วมเพื่อเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของข้า แต่เหตุใดข้าต้องรับปากเขา กว่าข้าจะดำเนินการเรือนพักนี้ขึ้นมาได้ สุดท้ายกลับเป็นประโยชน์ต่อแม่ลูกตระกูลเฉิน เป็นผลประโยชน์ต่อเยียนอวิ๋นฉวน ข้าโง่นักหรือ”
ตู้ซินแสมุมปากกระตุก เขาไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้
โดยทั่วไปการเจรจามักจะเป็นไปอย่างอ้อมค้อมเป็นนัย ไม่มีผู้ใดตรงไปตรงมาเหมือนคุณหนูสี่เช่นนี้
ตู้ซินแสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดขึ้น “ท่านโหวรู้ถึงความกังวลของคุณหนูดี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณหนูแซ่เยียน ท่านแอบทำกิจการใหญ่ในเมืองหลวงลับหลังท่านโหว ขนส่งเสบียงให้ผู้อื่น มันไม่เป็นประโยชน์ต่อท่านโหว!
คุณหนูมีชีวิตที่ปลอดภัยในเมืองหลวงได้ ท้ายที่สุดก็เป็นเพราะมีท่านโหวเป็นที่พึ่ง หากมีผู้หนึ่งเสียหาย อีกคนย่อมเสียหายตาม หากมีผู้หนึ่งรุ่งโรจน์ อีกคนย่อมรุ่งโรจน์ตาม ท่านโหวลงทุน คุณหนูให้มีส่วนร่วมบางส่วน ต่อจากนี้ท่านโหวจะได้สนับสนุนคุณหนูต่อไป”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วพลันยิ้ม “ท่านขู่ข้าหรือ”
ตู้ซินแสปฏิเสธ “คุณหนูเข้าใจผิดแล้ว! คุณหนูตรงไปตรงมา ข้าย่อมต้องจริงใจตอบ พรรณาผลดีและผลเสียให้คุณหนูทราบ ส่วนสถานการณ์ที่คุณหนูกังวลนั้นย่อมสามารถวางใจได้
ท่านโหวต้องการมีส่วนร่วม แต่จะไม่แทรกแซงการบริหาร ท่านจะไม่โอนให้เฉินฮูหยิน อีกทั้งไม่ส่งคนมาแทรกแซงกิจการ ท่านโหวเพียงแค่ต้องการหลักประกัน ต้องการให้คุณหนูลำเลียงเสบียงไปยังแคว้นซ่างกู่บ้าง แคว้นซ่างกู่เป็นพื้นที่ยากแค้น ปริมาณการผลิตเสบียงต่ำมาก ตกอยู่ในสถานการณ์ขาดแคลนเสบียงตลอดทั้งปี ไม่อาจเทียบกับความสมบูรณ์ในเมืองหลวงได้
คุณหนูคงรู้ดี ท่านโหวยอมปรองดองกับตระกูลหลิง เป้าหมายใหญ่สุดก็เพื่อซื้อเสบียงจากตระกูลหลิง แต่อย่างไรตระกูลหลิงก็ไกลเกินไป ระหว่างทางขนส่งเสียหายไปหกส่วนจากสิบส่วน เหลือเพียงสี่ส่วน ความเสียหายมากมายเกินไป ท่านโหวเสียดายอย่างมาก หากสามารถลำเลียงเสบียงจากเมืองหลวงกลับแคว้นซ่างกู่ อย่างมากเสียหายเพียงสี่ส่วน ยังเหลือเสบียงอีกหกส่วน ประหยัดกว่าการซื้อจากตระกูลหลิงอย่างมาก”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “ขอบคุณตู้ซินแสที่บอกกล่าวความจริง ข้าเห็นความจริงใจของท่านแล้ว แต่ความจริงใจของท่านพ่อข้า ข้าไม่เห็นแม้แต่น้อย คำมั่นสัญญาเพียงลมปาก ข้าไม่อาจเชื่อได้ เขารักใคร่พี่ใหญ่เพียงนั้น มีสิ่งใดดีล้วนเก็บไว้ให้พี่ใหญ่ หากข้ายอมรับการลงทุนจากท่านพ่อ อีกไม่กี่ปี เรือนพักร่ำรวยคงต้องเปลี่ยนเถ้าแก่เป็นเยียนอวิ๋นฉวน”
“คุณหนูล้อเล่นเก่งเสียจริง”
ตู้ซินแสยิ้มขมขื่น
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้ว “ข้าไม่ได้ล้อเล่น ตู้ซินแสคงรู้ดีกว่าข้า”
ตู้ซินแสครุ่นคิดเล็กน้อย “ต้องทำอย่างไร คุณหนูจึงจะยอมรับการลงทุนของท่านโหว”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “เงินให้ข้า แต่ไม่ได้มีส่วนร่วม แต่ข้าสามารถสัญญาได้ว่าจะส่งเสบียงสองพันหาบไปแคว้นซ่างกู่ทุกปี รอปีหน้าการลำเลียงเสบียงสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสามพันหาบ”
ตู้ซินแสส่ายหน้าระรัว ไม่อาจยอมรับเงื่อนไขนี้ได้
เสบียงสามพันหาบมีแรงดึงดูดอย่างมาก แต่ท่านโหวเน้นย้ำว่าต้องมีส่วนร่วมในเรือนพักร่ำรวยให้ได้
ตู้ซินแสยิ้มขมขื่น “คุณหนูกำลังทำให้ข้าลำบากใจ! เงินให้แล้ว แต่ไม่ให้มีส่วนร่วม หลังจากกลับไป ท่านโหวต้องประหารข้าแน่”
เยียนอวิ๋นเกอกลับหัวเราะขึ้นมา “ตู้ซินแสพูดเล่นเก่งเหลือเกิน ท่านเป็นถึงที่ปรึกษาคนสนิทของท่านพ่อ เขาอาจตัดหัวข้า แต่ไม่มีทางตัดหัวท่าน หัวของท่านเขาโปรดปรานยิ่งนัก ท่านวางใจได้”
ตู้ซินแสทำหน้าหมดหนทาง “คุณหนูพูดเล่นเก่งเหลือเกิน เงินให้ไปแล้ว อย่างไรท่านก็ต้องให้คนมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อย ไม่สำคัญที่จำนวน แต่ต้องมี”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา “ซินแสมักบอกว่าข้าทำให้ท่านลำบากใจ แต่ไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วท่านกำลังทำให้ข้าลำบากใจ เรือนพักของข้านี้ หลังจากผ่านการโยกย้าย นอกจากติดหนี้บุญคุณคนแล้ว ยังติดเงินถึงจะจัดตั้งขึ้นมาได้ เมื่อเห็นว่ากำลังจะมีผลประกอบการ ซินแสก็จะมาขอแบ่งผลประโยชน์ ท่านมีสิทธิ์ใด สิทธิ์ที่ข้าแซ่เยียนหรือ เงินข้าอยากได้ แต่ข้าไม่ต้องการเงินที่เปื้อนยาพิษ”
ตู้ซินแสลำบากใจ “หากคุณหนูทำเช่นนี้ ข้าไม่อาจส่งมอบงานได้”
เยียนอวิ๋นเกอเปลี่ยนประเด็นอย่างกะทันหัน “ดูจากสถานการณ์บนแผ่นดิน ซินแสคิดว่าเมืองหลวงจะสงบสุขได้อีกนานเพียงใด”
ตู้ซินแสผงะ
เยียนอวิ๋นเกอพูดต่อ “หากวันหนึ่งเมืองหลวงเกิดความโกลาหล ซินแสคิดว่าเรือนพักร่ำรวยยังจะรักษาต่อไปได้หรือไม่”
ตู้ซินแสรีบพูด “เรือนพักร่ำรวยห่างไกลจากเมืองหลวง อีกทั้งไม่ใช่พื้นที่แย่งชิง ถึงแม้เมืองหลวงจะเกิดความโกลาหล แต่เรือนพักย่อมไม่มีปัญหาหากอาศัยองครักษ์ของเรือนพัก อีกทั้งนอกเมืองหลวงมีแปลงนาอุดมสมบูรณ์มากมาย ผู้คนต่างย่อมต้องแย่งชิงแปลงนาที่อยู่ใกล้เมืองหลวงก่อน
เรือนพักร่ำรวยมีชื่อเสียง แต่เนื่องจากห่างไกลเกินไป อย่างมากพวกเขาอาจส่งกองกำลังย่อยมาปล้นชิง กองกำลังย่อยเพียงขบวนเดียว จากความสามารถในการต่อสู้ขององครักษ์ตำหนักบูรพา ย่อมไม่เป็นปัญหา”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณตู้ซินแสที่ให้ความมั่นใจแก่ข้า แต่หากพ่ายแพ้ย่อมเกิดการสูญเสียอย่างสาหัส แต่หากชนะได้ เกรงว่าจะดึงดูดกองกำลังที่ใหญ่ขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น องครักษ์เพียงไม่กี่คนคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกองกำลังใหญ่”
ตู้ซินแสถามกลับ “คุณหนูคิดว่าเมืองหลวงจะเกิดความวุ่นวายหรือ”
“ซินแสคิดว่าเมืองหลวงจะสงบตอดไปอย่างนั้นหรือ”
ตู้ซินแสลูบเครา ถาม “ในเมื่อคุณหนูมั่นใจว่าเมืองหลวงจะเกิดความโกลาหล เหตุใดจึงยังต้องเปลืองแรงบุกเบิก”
เยียนอวิ๋นเกอถอนหายใจ ท่าทางระอา “เพราะต้องกินข้าว!”
หากไม่ใช่เพื่อกินข้าว เหตุใดนางจึงต้องวิ่งมาบุกเบิกให้เปลืองแรง
ตู้ซินแสผงะ “คุณหนูไม่กังวลว่าเรือนพักยังไม่คืนทุน เมืองหลวงก็เริ่มวุ่นวายหรือ”
“กังวล! ดังนั้นข้าจึงพยายามติดหนี้ หากวันใดเมืองหลวงเกิดความโกลาหล ข้าชิงหนีเสีย หนี้สินทุกอย่างล้วนมีเหตุให้หมดลงได้”
ตู้ซินแสได้ยินจึงปากกระตุก อยากก่นด่าเสียเหลือเกิน
คงมีเพียงเยียนอวิ๋นเกอที่พูดเรื่องการติดหนี้ การหนีหนี้ได้อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
ตู้ซินแสหมดคำพูด
เพราะว่าอีกฝ่ายพูดไปหมดแล้ว
เยียนอวิ๋นเกอเคาะโต๊ะเบาๆ “ซินแสบอกท่านพ่อของข้าได้ เขาไม่จำเป็นต้องลงทุนกับเรือนพักร่ำรวย เพราะมันเป็นการสิ้นเปลืองเงินเปล่าๆ หากมีเงินสู้ซื้อเสบียงให้มากขึ้น หากซินแสไม่สะดวกออกหน้าซื้อเสบียงในเมืองหลวง ข้าสามารถทำแทนได้
การสิ้นเปลืองเสบียงในเรือนพักแต่ละวันล้วนเป็นตัวเลขมหาศาล ซื้อเสบียงมากขึ้น ก่อนจะแอบลำเลียงกลับแคว้นซ่างกู่ ระวังเสียหน่อยย่อมทำได้ หากเขาโกรธ ท่านก็บอกเขา หากวันใดเมืองหลวงเกิดความโกลาหล ข้าหนีขึ้นมา เงินที่เขาลงทุนคงลอยไปตามน้ำ ความคิดที่จะสะสมสมบัติให้เยียนอวิ๋นฉวนก็ต้องล้มเลิก”
ตู้ซินแสยิ้มขมขื่น “ท่านโหวไม่ได้มีความคิดจะสะสมสมบัติให้นายน้อยใหญ่”
เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วเป็นเชิงว่า ท่านพูดเถิด อย่างไรข้าก็ไม่เชื่อ
ตู้ซินแสหมดหนทาง
หากจะบอกว่าผู้ใดนิสัยเหมือนท่านโหวที่สุดย่อมต้องเป็นเยียนอวิ๋นเกอ
เรื่องที่นางตัดสินใจไปแล้ว แม้จะใช้วัวเก้าตัวก็ลากไม่กลับ มีความคิดเป็นของตนเองอย่างมาก
ตู้ซินแสยิ้มอย่างระอา “คุณหนูคงจะเข้าใจดี ท่านโหวต้องการมีส่วนร่วมในเรือนพักร่ำรวยย่อมมีวิธี วันนี้คุณหนูขับไล่ข้า วันอื่นย่อมมีผู้อื่นมารบกวนคุณหนู ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจใช้วิธีการรุนแรงบีบบังคับให้คุณหนูยอมจำนน
กว่าคุณหนูจะมีสมบัติเป็นของตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย ท่านคงไม่ต้องการประสบกับการกดดันจากท่านโหวใช่หรือไม่! คุณหนู ข้าขอพูดความจริงประโยคหนึ่ง ถึงแม้ตัวของท่านโหวจะอยู่ในแคว้นซ่างกู่ที่ห่างไกลกว่าพันลี้ แต่เขายังคงมีวิธีบีบเค้นคุณหนู ข้าไม่อยากเห็นเหตุการณ์นั้น หวังว่าคุณหนูจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบ”
เยียนอวิ๋นเกอเงียบ
ตู้ซินแสพูดต่อ “ท่านหญิงสามารถปกป้องคุณหนูได้ก็จริง แต่ตราบใดที่ท่านโหวติดต่อราชสำนัก ปลดปล่อยเจตนาไม่ดี คุณหนูคิดว่าราชสำนักจะยืนอยู่ฝ่ายท่านหญิง หรือท่านโหว
เพียงแค่คิดก็รู้ ราชสำนักย่อมต้องให้ความสำคัญกับอำนาจทางการทหารในมืองของท่านโหวมากกว่า เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งคุณหนูและท่านหญิงย่อมต้องตกเป็นผู้ถูกกระทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ สู้คุณหนูนำการมีส่วนร่วมบางส่วนออกมาปลอบท่านโหวเสียดีกว่า
ท่านโหวขี้ระแวง เขาต้องการควบคุมทุกสิ่ง หากคุณหนูไม่ให้การมีส่วนร่วม ท่านโหวย่อมไม่สบายใจ ย่อมต้องเกิดเรื่อง คุณหนูก็คงไม่อยากให้ท่านโหวแทรกแซงเรื่องในเมืองหลวงใช่หรือไม่!”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา “ซินแสกำลังวางแผนแทนข้าหรือ อย่างนั้นซินแสอยู่ช่วยข้าต่อเสียดีกว่า! สวัสดิการที่ท่านพ่อข้าให้ท่าน ข้าก็ให้ได้”
ตู้ซินแสได้ยินจึงหัวเราะร่า “ขอบคุณคุณหนูที่เห็นค่า! ข้าไม่คิดจะทรยศท่านโหวแล้วหานายใหม่ แต่ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อคุณหนู อีกทั้งไม่อยากเห็นคุณหนูประสบกับความยากลำบาก แต่กลับอยากให้เรือนพักร่ำรวยของคุณหนูเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “เจตนาดีของซินแส ข้ารับรู้แล้ว ท่านพูดถูก ท่านพ่อขี้ระแวง ข้าให้เขามีส่วนร่วมได้ แต่ว่าเงินห้าหมื่นก้วนน้อยเกินไป ท่านเขียนจดหมายให้เขา บอกให้เขาเพิ่มอีกห้าหมื่นก้วน เรื่องมีส่วนร่วมเจรจาได้”