ตอนที่ 126 แย่งคน
เดือนหก!
อากาศร้อนอบอ้าว!
ตู้ซินแสเดินทางมาถึงจวนท่านหญิง
คราวนี้ เขานำจดหมายตอบกลับของท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านมาด้วย
เยียนอวิ๋นเกอเชิญเขานั่งที่ห้องโถง
นางพินิจอีกฝ่าย ตู้ซินแสดำขึ้นอย่างน้อยสามระดับ อีกทั้งยังดูชรามากขึ้น
“ระยะนี้ตู้ซินแสกำลังยุ่งเรื่องใดหรือ ได้พักผ่อนหรือไม่”
ตู้ซินแสลูบเครา หัวเราะเสียงเบา “ข้าทำงานให้ท่านโหว ไม่กล้าเลียนแบบคุณหนูสี่ทำตัวสบาย”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ พลันทักทาย “ซินแสเชิญดื่มชา”
นางรู้ว่าตู้ซินแสกำลังยุ่งเรื่องใด
ตู้ซินแสออกจากเมืองหลวงไปรอบหนึ่งเพื่อติดต่อแม่ทัพแทนเยียนโส่วจ้าน
เขาทำอย่างระมัดระวัง
หากเยียนอวิ๋นเกอไม่ได้ส่งคนจับตาดูเขา ก็คงไม่รู้ว่าเขาเดินทางไปติดต่อแม่ทัพ
ช่างใจกล้าเสียจริง!
บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านมีความคิดที่จะเคลื่อนไหวขึ้นมาแล้ว
เพียงแต่เสบียงถูกคนกักเอาไว้ ไม่มีความสามารถในการขยายกองกำลัง จะเคลื่อนไหวอย่างไร
ไม่กลัวตายจริงหรือ
หนึ่งปีอย่างมากได้เสบียงจากที่นาสองแปลง อย่างน้อยต้องกักตุนเสบียงที่เพียงพอต่อสองปี เก็บค่าเช่าแปลงนาในราคาสูง ถึงจะสามารถเปิดศึกสงครามที่ใช้ระยะเวลาหนึ่งปีขึ้นไปได้
หากสงครามมีระยะเวลาห้าถึงสิบปี…
เป็นไปไม่ได้
คนตายหมดแล้ว แรงงานหนุ่มล้วนถูกเกณฑ์ไปทำสงคราม แปลงนาไม่มีคนปลูก จะมีเสบียงได้อย่างไร
แต่ว่าดูจากสถานการณ์ในเวลานี้…
หากเปรียบแผ่นดินนี้เป็นหม้อใบหนึ่ง ภายใต้ฝาหม้อคงเริ่มคุกกรุ่นแล้ว
เพียงแต่ปิดฝาเอาไว้ ผู้คนจึงคิดว่าแผ่นดินนี้ยังสงบ
เยียนอวิ๋นเกอยกแก้วชา ความคิดวนเวียนไปมา
ตู้ซินแสเดินทางมาพร้อมภารกิจล
เขาพูดขึ้นก่อน “ครั้งก่อนเจรจากับคุณหนู ข้าได้เขียนจดหมายฉบับหนี่งไปให้ท่านโหว หลายวันก่อนได้รับจดหมายตอบกลับจากท่านโหว มีฉบับหนึ่ง จวนโหวกำชับให้ข้าต้องส่งถึงมือของคุณหนูให้ได้”
โอ๊ะ?
เยียนอวิ๋นเกอรับจดหมายจากมือของตู้ซินแสมาคลี่ออกเพื่ออ่าน
โอย นางใช้ไพ่บุตรร้องขอเงินแต๊ะเอีย ไม่คิดว่าบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านจะเลียนแบบนาง อ้างความเป็นบิดาในจดหมาย พร้อมทั้งร้องทุกข์ถึงความยากจน
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา
นางยอมรับว่าความสามารถในการเรียนรู้ของบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านร้ายกาจมาก
ดูเนื้อหาในจดหมายที่พรรณนาด้วยความจริงใจ…
โอย แต่งเรื่องต่อไม่ได้แล้ว
นางเก็บจดหมายลง พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้อ่านจดหมายแล้ว แต่ข้ายังคงคำเดิม ข้าให้หุ้นได้ เงินหนึ่งแสนก้วนให้ข้ามา เวลานี้ก็ลงนามสัญญาได้ หากเป็นไปตามคาด เรือนพักร่ำรวยจะมีผลประกอบการมากในการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ เวลานี้ลงนามสัญญา เมื่อถึงการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงย่อมสามารถรับส่วนแบ่งเสบียงได้ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้คนลำเลียงเสบียงกลับแคว้นซ่างกู่ หรือตู้ซินแสท่านจะเตรียมคนลำเลียงเสบียงเองย่อมได้”
ตู้ซินแสพยักหน้า “หลายวันก่อนเดินทางผ่านเรือนพักร่ำรวย ข้าไม่ได้เข้าไป เพียงแค่ดูอยู่ด้านนอก แปลงนาเต็มพื้นที่ช่างยิ่งใหญ่ ปีนี้สวรรค์เมตตา ลมฝนตกตามฤดูกาล เป็นปีที่จะได้ผลประกอบการมากเสียจริง เพียงแค่การเก็บเสบียงก็ทำให้เรือนพักร่ำรวยมีรายได้มหาศาลแล้ว”
เยียนอวิ๋นเกอได้ยิน จึงรีบร้องบอกความยากจน “ไม่ปิดบังตู้ซินแส เรือนพักร่ำรวยดำเนินการพร้อมหนี้สินเสมอมา รอการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง เจ้าหนีก็ถึงเวลาเก็บหนี้แล้ว เหตุใดข้าจึงต้องขอเงินหนึ่งแสนก้วนจึงจะยอมให้หุ้น เพราะว่าต้นทุนในการดำเนินเรือนพักร่ำรวยสูงมาก เพียงแค่ผู้ลี้ภัยก็มีหลายหมื่น เสบียงที่ต้องใช้ในแต่ละวันก็เป็นจำนวนตัวเลขมหาศาลแล้ว ตู้ซินแส ข้าก็ยากลำบากมาก!”
มุมปากของตู้ซินแสกระตุก
เขาเข้าใจแล้ว สิ่งที่คุณหนูสี่เชี่ยวชาญที่สุดไม่ใช่การบุกเบิกแปลงนา หากแต่เป็นการร้องทุกข์ถึงความยากจน
เขาเลิกคิ้วพลันพูด “เงินหนึ่งแสนก้วนให้ได้ แต่ต้องเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อ เงินหนึ่งแสนก้วนนี้ ไม่เพียงลงทุนแค่เรือนพักร่ำรวย หากแต่เป็นเรือนพักทั้งหมดในนามของคุณหนูสี่”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ในนามของข้ามีเพียงเรือนพักร่ำรวย”
ตู้ซินแสลูบเครา ท่าทางยิ้มแย้ม
“เชื่อว่าในอนาคต ในนามของคุณหนูสี่จะมีแปลงนาหรือเรือนพักอื่นอีก ซึ่งหมายความว่า ท่านโหวไม่เพียงแต่ลงทุนกับปัจจุบันของคุณหนู แต่ยังลงทุนกับอนาคตของคุณหนู เพียงแค่มีแปลงนาหรือเรือนพักอื่นในนามของคุณหนู ท่านโหวล้วนต้องการหุ้นส่วนหนึ่ง
ท่านโหวไม่ต้องการเงิน ต้องการแค่เสบียง ใช้เสบียงแทนการแบ่งปันกำไร หากท่านโหวต้องการซื้อเสบียง คุณหนูต้องขายเสบียงให้ท่านโหวด้วยราคาที่ต่ำกว่าตลาด หากคุณหนูรับปาก ข้าจะให้คนขนเงินมาทันที”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านคำนึงไว้รอบคอบเสียจริง
ลงทุนเวลานี้ แต่ยังคิดจะเอาอนาคตของนางอีก
เขามั่นใจว่าในอนาคตนางจะทำเรือนพักอีกได้อย่างไร
เขามั่นใจว่าชีวิตนี้นางเป็นได้เพียงเกษตรกรที่ร่ำรวยจากการปลูกนาได้อย่างไร
นอกจากปลูกนาแล้ว นางทำอย่างอื่นไม่ได้หรือ
เป้าหมายของบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านชัดเจนมาก เขาต้องการแค่เสบียง เขาต้องการครอบครองพื้นที่ผลิตเสบียงไว้ในมือของตนเอง นับจากนี้ต่อไป ไม่ต้องถูกจำกัดจากเสบียง
เมื่อมีเสบียง แผนการขยายกองกำลังจึงเริ่มต้นได้
เมื่อขยายกองกำลังสำเร็จ ความสามารถก้าวข้ามไปอีกระดับ ย่อมเท่ากับมีต้นทุนและความกล้าในการก่อกบฏ
เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิดในใจ จะทำตามอีกฝ่ายดีหรือไม่
ขายเสบียงให้ผู้ใดก็เป็นการขาย ขายให้บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านก็ย่อมได้
นางสามารถใช้โอกาสนี้ บีบคอของบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้าน
ปัง!
นางตบมือลงบนโต๊ะ “ซินแสให้คนขนเงิน พวกเราลงนามสัญญาวันนี้”
ตู้ซินแสตกตะลึง ไม่คิดว่าเยียนอวิ๋นเกอจะรับปากอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็หัวเราะด้วยความดีใจ “คุณหนูเด็ดเดี่ยวนัก! ข้าให้คนขนเงินบัดนี้”
เงินหนึ่งแสนก้วนถูกขนเข้ามาในจวนท่านหญิงจากประตูหลัง
เงินตะกร้าแล้วตะกร้าเล่า วางเต็มไปทั่วลาน
ลมหายใจของสาวรับใช้และบ่าวรับใช้ต่างถี่ขึ้นเพราะไม่เคยพบเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
เงิน!
ล้วนเป็นเงิน!
เงินทั้งลาน!
เยียนอวิ๋นเกอหยิบเงินพวงหนึ่งขึ้นมา บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้านมีเงินเสียจริง
ทั้งที่มีเงิน แต่ยังบอกนางว่าจน ช่างไร้ความซื่อสัตย์
ตู้ซินแสชี้ไปที่เงินเต็มลาน พลันถาม “คุณหนูพอใจหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา “ซินแสตรงไปตรงมา ข้าเองก็เป็นคนมีสัจจะ”
ทั้งสองนั่งลงอีกครั้งเพื่อเตรียมลงนามสัญญา
สัญญาหนึ่งแผ่นมีผลบังคับใช้ที่จำกัด สามารถถูกฉีกทำลายได้ทุกเวลา
เพียงแต่มีสัญญาดีกว่าไม่มี
จรดพู่กันลงนาม ประทับตรา บรรลุข้อตกลง
การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ เยียนอวิ๋นเกอต้องเริ่มแบ่งกำไรด้วยเสบียงให้บิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้าน
นางหยิบลูกคิด คำนวณหนี้สินของตนเอง เวลานี้ถือเป็นตัวเลขมหาศาลแล้ว
อาเป่ยกังวลแทนนาง “หนี้มากมายเพียงนี้ คุณหนูใช้หมดหรือเจ้าคะ เงินหนึ่งแสนก้วน ต้องเอาส่วนหนึ่งออกมาจ่ายหนี้หรือไม่เจ้าคะ”
ใช้เงินจ่ายหนี้ ล้อเล่นหรือ
หนี้ที่ติดด้วยความสามารถ ยังไม่ถึงกำหนดจ่าย เหตุใดนางจึงต้องคืน
นางโบกมือเป็นเชิงบอกให้อาเป่ยไม่ต้องกังวล
“เงินเข้าคลังแล้วหรือไม่”
“เงินหนึ่งแสนก้วนเข้าคลังหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“รับสั่งลงไป ให้เยียนสุยไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน”
“บ่าวรับคำสั่ง”
เยียนอวิ๋นเกอมาถึงห้องตำราเพื่อเข้าพบเซียวฮูหยินผู้เป็นมารดา
เซียวฮูหยินวางตำราในมือลง ถามนางด้วยรอยยิ้ม “งานเสร็จแล้วหรือ”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “เงินหนึ่งแสนก้วนเข้าคลังแล้วเจ้าค่ะ”
เซียวฮูหยินพูดทันที “ข้าจะบอกบัญชีจัดคลังส่วนตัวให้เจ้า ต่อจากนี้บัญชีของเจ้าแยกออกจากจวนท่านหญิงอย่างเด็ดขาด”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วแต่ท่านแม่จัดการเจ้าค่ะ”
เซียวฮูหยินคิดว่ามีความจำเป็นต้องชี้แนะเยียนอวิ๋นเกอ “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจร่วมมือกับท่านพ่อเจ้า เจ้าต้องระมัดระวัง นอกจากเสบียงแล้ว อย่าให้ท่านพ่อของเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องอื่น”
“ขอบพระคุณท่านแม่ที่ชี้แนะ! ลูกจะรับมืออย่างระมัดระวัง”
เซียวฮูหยินพยักหน้า “ท่านพ่อเจ้ามีความทะเยอทะยาน เจ้าต้องระวัง”
เยียนอวิ๋นเกอเงยหน้า “ท่านแม่ไม่กังวลหรือเจ้าคะ หากท่านพ่อทำให้ท่านแม่เดือดร้อน…”
เซียวฮูหยินพูดขัเนาง “ข้าไม่เป็นอันใด! หากถึงวันนั้นจริง ข้าย่อมมีแผนการ แต่เจ้าพยายามอย่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของตระกูลเยียน ระวังติดหล่มจนถอนตัวไม่ได้ เจ้าตั้งใจดำเนินกิจการของตนเองก็พอ”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ถึงแม้ข้าอยากมีส่วนร่วมกับเรื่องของตระกูล ท่านพ่อก็ไม่ให้โอกาสข้าได้แทรกแซง เขาเชื่อใจเพียงเยียนอวิ๋นฉวน”
เซียวฮูหยินกลับส่ายหน้า “เจ้าผิดแล้ว! หากพูดให้ถูกต้อง บิดาเจ้าไม่เชื่อผู้ใดทั้งสิ้น”
เยียนอวิ๋นเกอพยักหน้า “ความหมายของท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว เพียงแต่ข้าสามารถตีตัวออกห่าง แล้วพี่สองจะทำอย่างไร”
เซียวฮูหยินเงียบไปสักพัก “พี่สองของเจ้าเป็นบุรุษตระกูลเยียน เขาแบกรับชะตากรรมของตระกูลเยียน เขาหนีไม่ได้ ทำได้เพียงเผชิญหน้ากับความยากลำบาก”
เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย พี่สองซวยแล้ว!
ไม่แน่ว่าเขาอาจถูกบิดาชั่วลากลงคลองไปด้วย
…
เดือนเจ็ด
สามีภรรยาบ้านรอง รวมทั้งเยียนอวิ๋นจือเดินทางกลับแคว้นซ่างกู่
ตู้ซินแสก็ต้องกลับไปด้วย
เยียนอวิ๋นเกอส่งตู้ซินแสที่ศาลาห้าลี้นอกเมือง
สุราหนึ่งจอกเพื่ออวยพรให้เดินทางราบรื่น
“คุณหนูมีใจแล้ว!”
“เหตุใดซินแสจึงไม่อยู่ในเมืองหลวงต่อ”
ลมในฤดูร้อนช่างระอุ
สุราจอกหนึ่งลงท้อง บนหน้าผากก็ปรากฏเหงื่อเม็ดเล็กมากมาย
ตู้ซินแสโบกพัดกลมอย่างอารมณ์ดี
เขาหัวเราะ “ขอบคุณคุณหนูที่รั้งข้า แต่งานของข้าเสร็จสิ้นแล้ว สมควรกลับไปรายงานที่จวนโหว”
เยียนอวิ๋นเกอเตรียมชาสมุนไพร เชิญตู้ซินแสลิ้มลอง “ซินแสช่างจงรักภักดีต่อท่านพ่อ”
“จวนโหวดีต่อข้าไม่น้อย ข้าสมควรจงรักภักดีตอบ!”
ความหมายของตู้ซินแสคือ เขาไม่มีทางเปลี่ยนนาย ไม่ยอมรับการหลอกล่อด้วยเงินเดือนสูงแต่อย่างใด
หากอยากแย่งตัวเขา อย่าเปลืองแรงเสียดีกว่า
เพียงแค่ท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านไม่ทำให้เขาผิดหวัง เขาย่อมไม่ทรยศอีกฝ่าย
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม
นางย่อมไม่คิดจะใช้สุราเพียงไม่กี่จอกในการแย่งตู้ซินแสมา
นางเพียงแค่ไขว่คว้าทุกโอกาส แสดงความจริงใจของตนเอง
หากมีวันหนึ่ง ตู้ซินแสมีความคิดออกจากจวนโหว นางย่อมมีโอกาสแย่งคนมา
คนมีความสามารถหายาก!
เมื่อพบผู้มีความสามารถแล้ว ย่อมต้องพยายามรั้งเอาไว้ แสดงความจริงใจของตนเอง
เยียนอวิ๋นเกอยกแก้วชาขึ้น “การไปคราวนี้ระยะทางยาวไกล ซินแสเดินทางปลอดภัย”
ตู้ซินแสยตอบลับ “ขอบคุณคุณหนู!”
ทั้งสองดื่มจนหมด
เยียนอวิ๋นเกอวางแก้วชาลง “รอซินแสกลับถึงจวนโหว เรือนพักร่ำรวยก็คงใกล้จะยุ่งกับการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เมื่อถึงเวลาข้าจะเขียนจดหมายหาซินแส หวังว่าซินแสจะชี้แนะ”
“คุณหนูเกรงใจ! ความรู้ข้ามีจำกัด เมืองหลวงมีผู้มีความสามารถมากมาย หากคุณหนูอยากขอความรู้ ท่านสามารถเป็นศิษย์ของอาจารย์ท่านใดย่อมได้ ส่วนข้านั้น อย่าได้เสียเวลาเลย”
“ซินแสถ่อมตัว! ซินแสรู้วิธีการสานสัมพันธ์กับผู้คน เชี่ยวชาญเศรษฐกิจของประชาชน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความรู้ หากมีโอกาสได้รับคำชี้แนะจากซินแส ย่อมเป็นเกียรติของข้า”
“ฮ่าๆ…คุณหนูช่างพูดเสียจริง ข้าต้องยอมรับว่าท่าทางการพูดของคุณหนูช่างน่าประทับใจว่าตอนที่พูดไม่ได้เสียอีก”
เยียนอวิ๋นเกอเม้มปากยิ้ม “ซินแสชมเกินไป!”