ตอนที่ 143 ประหาร!
การรับรองของเซียวเฉิงเหวินไม่ได้ทำให้คิ้วของเถาฮองเฮาคลี่คลาย
“เจ้าใช้สิ่งใดรับรอง”
“เหตุใดเสด็จแม่ต้องทรงถามละเอียดเช่นนี้ อีกอย่างแผนการไม่อาจเทียบทันการเปลี่ยนแปลง เวลานี้กระหม่อมพูดสิ่งใดล้วนไม่มีความหมาย”
“ในเมื่อไม่มีความหมาย เจ้ายังกล้ารับรอง”
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “เสด็จแม่ทรงต้องการถามถึงท้ายสุดเพราะต้องการรู้แผนการของกระหม่อมไม่ใช่หรือ ทรงอยากรู้ว่ากระหม่อมจะลงมือจากด้านใด เสด็จแม่ทรงเชื่อใจกระหม่อมบ้างได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เถาฮองเฮาส่งเสียงไม่พอใจ “เซียวเฉิงเย่มีบุตรแล้ว พวกเจ้าสองคนกลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร”
เซียวเฉิงเหวินถอนหายใจด้วยความระอา
การเร่งให้มีบุตรที่หนีไม่พ้น
เขาพูด “ให้น้องสามรีบอภิเษกเสียเถิด! เสด็จแม่ทรงดูมานานเพียงนี้แล้ว คงจะมีคนที่เหมาะสม เรียกน้องสามกลับมาอภิเษกอย่างเป็นทางการ เพียงแค่เขาไม่มีความคิดเห็น ก็ทรงให้เสด็จพ่อพระราชทานงานอภิเษก รีบจัดการเรื่องนี้เสีย”
เมื่อเขาเอ่ยถึงเรื่องงานอภิเษกขององค์ชายสามก็เบี่ยงเบนประเด็นได้สำเร็จ
เถาฮองเฮาไม่เร่งเร้าให้เขามีบุตรอีก
“ข้าดูสตรีจากตระกูลชั้นสูงเอาไว้หลายนาง แต่ว่าเสด็จอาเฉิงหยางของเจ้าอยากปรองดองกับข้า”
เซียวเฉิงเหวินได้ยินจึงเลิกคิ้ว “เสด็จอาเฉิงหยางอยากให้น้องซูอวิ้นอภิเษกกับน้องสามอย่างนั้นหรือ”
“ใช่! ข้าไม่ได้รับปากนาง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธนาง การอภิเษกในครั้งนี้ เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร”
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “เสด็จแม่ทรงถามความคิดเห็นของกระหม่อม กระหม่อมย่อมต้องตอบตามความจริง งานอภิเษกนี้ไม่ดี”
เถาฮองเฮายิ้ม พลันถาม “เหตุใดเจ้าจึงบอกว่าไม่ดี”
เซียวเฉิงเหวินตอบตามตรง “เห็นได้ชัด หากปรองดองกับเสด็จอาเฉิงหยาง สิ่งสำคัญคือความคิดเห็นของเสด็จพ่อ เสด็จแม่เคยทรงถามเสด็จพ่อว่าพระองค์ทรงเห็นด้วยกับงานอภิเษกนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เถาฮองเฮาส่ายหน้า “ยังหาโอกาสเอ่ยถึงงานอภิเษกนี้กับเสด็จพ่อของเจ้าไม่ได้ ทางเฉิงหยางก็อยากให้ข้าตอบตกลง จากนั้นพวกเราค่อยทูลความจริงต่อเสด็จพ่อของเจ้าด้วยกัน”
เซียวเฉิงเหวินดื่มชา พลันพูดเสียงเบา “มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เสด็จพ่อจะไม่ทรงยินยอมงานอภิเษกในคราวนี้”
เถาฮองเฮาถามขึ้น “เพราะเหตุใด”
เซียวเฉิงเหวินหัวเราะขึ้นมา “เหตุใดเสด็จแม่ทรงถามทั้งที่รู้ดี เหตุใดเสด็จพ่อจึงทรงกดขี่ตระกูลเถา ไม่ใช่เพียงเพราะตระกูลเถามีอำนาจมากจนถูกผู้คนขนานนามว่าตระกูลเถาครองครึ่งราชสำนัก ละเมิดข้อต้องห้ามอันใหญ่หลวง เมื่อไม่มีตระกูลเถา เสด็จแม่ยังทรงปรองดองกับเสด็จอาเฉิงหยาง พระองค์กำลังเดินตามทางเก่าของตระกูลเถา เสด็จพ่อจะทรงรับปากได้อย่างไร
เสด็จพ่อไม่แม้แต่จะออมมือที่จะกดขี่ตระกูลเถา แต่เมื่อเป็นเสด็จอาเฉิงหยาง อย่างไรนางก็เป็นน้องสาวของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อย่อมไม่อาจลงมือได้ ทำได้เพียงคัดค้านงานอภิเษกนี้ตั้งแต่แรก
หากให้กระหม่อมพูด เพื่อได้รับความเชื่อใจจากเสด็จพ่อ เสด็จแม่สู้หาคู่ครองที่ธรรมดาให้น้องสาม สตรีในตระกูลใหญ่ทั้งหลายไม่ต้องคำนึงถึงแม้แต่น้อย สตรีที่อยู่ในตระกูลปานกลาง ไร้ซึ่งความโดดเด่นเหมาะสมกับสถานการณ์ของน้องสามที่สุด”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว “หมั้นหมายสตรีในตระกูลทั่วไปให้น้องสามของเจ้า ช่างไม่เป็นธรรมกับเขา”
เซียวเฉิงเหวินถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “เสด็จแม่จะทรงรักษาชีวิต หรือรักษาเกียรติ”
สีหน้าของเถาฮองเฮาดำลง “ในที่สุดสงครามทางใต้ก็สิ้นสุดลง เสด็จพ่อของเจ้ากำลังอารมณ์ดี เวลานี้หาคู่ครองที่ดีให้แก่น้องสามของเจ้า เสด็จพ่อเจ้าอาจไม่คัดค้าน”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเสียดสี “เวลานี้เสด็จพ่อไม่ทรงคัดค้าน แต่เมื่อเวลาผ่านไปสามถึงห้าเดือน เสด็จแม่ทรงคิดว่าเสด็จพ่อจะทรงคัดค้านหรือไม่”
เมื่อเถาฮองเฮาได้ยิน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป
ฮ่องเต้เป็นคนที่ไม่มีความแน่นอน
วันนี้บอกชอบ วันพรุ่งนี้อาจเกลียดก็เป็นได้
นางยิ้มเสียดสี “เจ้ารู้จักเสด็จพ่อของเจ้าอย่างดี!”
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “กระหม่อมเป็นบุตรของเสด็จพ่อ ย่อมต้องรู้จักเขาดี”
เถาฮองเฮาถอนหายใจ “ต้องลำบากน้องสามของเจ้าจริงหรือ สตรีในตระกูลธรรมดา หากอยากหาผู้ที่มีคุณสมบัติดีก็ไม่ง่ายนัก”
เซียวเฉิงเหวินพูด “เสด็จแม่ทรงส่งคนไปถามน้องสาม กระหม่อมคิดว่าเขาไม่คัดค้านอย่างแน่นอน”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้วไม่พูดสิ่งใด
เซียวเฉิงเหวินจึงพูดต่อ “เสด็จพ่อไม่เพียงต้องการปราบปรามเหล่าท่านอ๋อง พระองค์ยังทรงต้องการปรามญาติฝ่ายนอกอีกด้วย ตระกูลเถาเป็นบทเรียนจากอดีต เสด็จแม่ต้องทรงจดจำบทเรียน น้องสามไม่ได้ต้องการตระกูลภรรยาที่มีอำนาจแข็งแกร่ง หากแต่เป็นตระกูลภรรยาที่ไม่ทำให้เสด็จพ่อทรงระแวง มีเพียงสตรีในตระกูลชนชั้นกลางจึงจะทำให้เสด็จพ่อวางใจ เสด็จแม่ หัวใจของเสด็จพ่อเปลี่ยนไปแล้ว! พระองค์ก็ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลง!”
ใบหน้าของเถาฮองเฮาซีดเผือด มือของนางสั่นจนแทบจะจับถ้วยชาไม่ไหว
นางหายใจเข้าลึกๆ “เจ้าพูดถูก! สิ่งแรกในการหาคู่หมายให้น้องสามของเจ้าไม่ใช่ตระกูลและนิสัยของสตรี หากแต่เป็นท่าทีเสด็จพ่อของเจ้า ตระกูลนั้นจะทำให้เสด็จพ่อของเจ้าระแวงหรือไม่”
นางนวดขมับที่รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาจนอึดอัด
เวลานี้ นางอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก อีกทั้งยังหงุดหงิดจนอยากจะระบาย
แต่นางกลับข่มอารมณ์ของตนเองอยู่เสมอ
เปลี่ยนไปแล้ว ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปแล้ว
ฮ่องเต้ไร้ซึ่งคุณธรรม
บุตรชายคนโตก็ไร้ซึ่งคุณธรรมเช่นเดียวกัน
บุตรชายคนเล็กที่ล้ำค่าเดิมทีควรมีคู่ครองที่น่าอิจฉา
แต่เพราะความไร้คุณธรรมของฮ่องเต้ เขาจึงทำได้เพียงอภิเษกกับหญิงสาวตระกูลปานกลาง ทำให้นางเสียใจอย่างมาก
นางเหมือนสัตว์ที่ถูกขังจนหาทางออกไม่เจอ
ทุกสิ่งล้วนไม่อาจหนีพ้นจากดวงตาของเซียวเฉิงเหวิน
เขาก้มหน้า ส่วนลึกภายในดวงตาคือรอยยิ้มที่ยากจะปิดมิด
การแบกรับแรงกดดันของคนแข็งแกร่งมากเพียงใด
เสด็จแม่จะรับแรงกดดันไม่ได้จนเลือกที่จะระเบิดมันออกมาเมื่อใด
เขาสงสัยเสียจริง
น้องสามอภิเษกกับสตรีตระกูลธรรมดา แม้จะไม่ถ่วงเขา แต่ก็ไม่อาจให้ความช่วยเหลือเขาได้
เมื่อเทียบกันแล้ว เยียนอวิ๋นฉีผู้เป็นภรรยาของตนเองดีกว่าอย่างมาก
บุตรสาวตระกูลแม่ทัพ สินสอดเป็นองครักษ์ห้าร้อยนาย ดีเสียจริง!
อีกทั้งยังมีน้องสะใภ้ที่ชอบลงมือทำอย่างเยียนอวิ๋นเกอ ช่างทำให้คนคาดหวังเสียเหลือเกิน
…
บรรดาท่านอ๋องถูกคุมตัวเข้าเมืองหลวง ทั้งเมืองสั่นสะเทือน
ราษฎรเบียดเสียดกันเต็มถนนเพื่อดูความแปลกใหม่
ปรากฏพบว่าบรรดาท่านอ๋องต่างซ่อนตัวอยู่ในรถม้า ไม่มีผู้ใดปรากฏตัว
ชิ!
ช่างน่าผิดหวัง!
เดิมทีอยากเห็นความแปลกใหม่ สุดท้ายเห็นเพียงรถม้าคันแล้วคันเล่า
ภายนอกของรถม้าทรุดโทรมจนทำให้ผู้คนต่างส่งเสียงรังเกียจ
กองทัพเหนือส่งตัวบรรดาท่านอ๋องและคนในตระกูลของพวกเขาให้วัดจงเจิ้ง
วัดจงเจิ้งเตรียมพร้อมที่จะรับบรรดาท่านอ๋องมานานแล้ว
แต่ละตระกูลถูกส่งตัวเข้าไปในจวนกลางเมือง อีกทั้งยังมีองครักษ์จินอู่เฝ้าดู
องครักษ์จินอู่มีท่าทีโหดเหี้ยม สายตาที่มองไปยังท่านอ๋องและคนในตระกูลแต่ละคนล้วนไม่เป็นมิตร อีกทั้งยังฉายแววดูถูกและเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด
บรรดาท่านอ๋องและคนในตระกูล “…”
ตัวอยู่ใต้ชายคนผู้อื่น ไม่อาจไม่ก้มหัวได้
ฮ่องเต้ไม่รีบร้อนในการลงโทษพวกเขา แต่พวกเขากลับรีบมาก
รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนในแต่ละวัน สุดท้ายจะเป็นหรือตายย่อมต้องมีบทสรุป
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่อาจเป็นไปดั่งใจของบรรดาท่านอ๋อง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าในราชสำนักกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือดเรื่องการลงโทษพวกเขา
การหารือในแต่ละครั้ง มีคนเสนอให้ประหาร มีคนเสนอให้กักขัง มีคนเสนอให้ปลดเป็นสามัญชน…
ความเห็นไม่ตรงกันแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้หย่งไท่เงียบด้วยการไม่แสดงท่าที
ดังนั้นบรรดาขุนนางยิ่งถกเถียงกันอย่างรุนแรงขึ้น
สำนักเซ่าฝู่ไม่พอใจอย่างมาก
ท่านอ๋องและคนในตระกูลมากมายเพียงนี้ อาหารการกินล้วนต้องให้สำนักเซ่าฝู่รับผิดชอบ
สำนักเซ่าฝู่มีภาระอันหนักอึ้ง!
สำนักเซ่าฝู่เสนอให้ปลดบรรดาศักดิ์เหล่าท่านอ๋อง พร้อมทั้งเนรเทศออกจากเมืองหลวงทั้งหมด
เนรเทศออกจากเมืองหลวงทั้งหมดไม่ได้เด็ดขาด
ต้องระวังคนเหล่านี้กลับมาฮึกเหิม ต้องกักขังไว้ในเมืองหลวง เฝ้าดูอย่างเข้มงวด
ถกเถียงกันตั้งแต่ต้นฤดูจนกลางฤดูใบไม้ผลิ ในที่สุดฮ่องเต้หย่งไท่ก็ตัดสินใจ
ประหารท่านอ๋องหยู่หนิงองค์ใหม่ที่สถาปนาตนเอง!
คนในตระกูลปลดเป็นสามัญชน
ประหารเหล่าท่านอ๋องที่ก่อความโกลาหลอย่างหนัก!
คนในตระกูลพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นล่าง พักอยู่ในเมืองหลวง
ส่วนท่านอ๋องอื่นที่ไม่ได้ก่อความวุ่นวายมากยังคงรักษาบรรดาศักดิ์ เป็นตัวอย่างให้ผู้คนบนแผ่นดิน
แต่ฎีกาเล่มเดียวของท่านโหวผิงอู่ สืออุนทำลายการตัดสินที่บรรดาขุนนางเจรจาเสร็จสิ้น
ความเห็นของท่านโหวผิงอู่ สืออุน ฮ่องเต้และขุนนางราชสำนักไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ
ท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีความเห็นว่า “…ยกธงก่อกบฏยังรักษาบรรดาศักดิ์ไว้เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เหล่าท่านอ๋องที่เข้าร่วมสงครามในคราวนี้ย่อมต้องถูกปลดบรรดาศักดิ์ทั้งหมด แต่เพื่อแสดงความเมตตาของฝ่าบาท สามารถเลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากบุตรหลานของพวกเขาสืบทอดบรรดาศักดิ์”
ความหมายก็คือเหล่าท่านอ๋องสมควรถูกปลดจากบรรดาศักดิ์ ให้บุตรหรือหลานของพวกเขาสืบทอดตำแหน่ง
เหล่าท่านอ๋องที่ถูกปลดล้วนต้องถูกขังเอาไว้
ทำอย่างไร
ความเห็นของท่านโหวผิงอู่ สืออุนต้องให้ความสำคัญ!
เขาเป็นขุนนางที่โด่งดังในแผ่นดิน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เกียรติเขา
หารือไป หารือมา สุดท้ายจึงปลดบรรดาศักดิ์และกักขังเหล่าท่านอ๋อง ไว้ชีวิตตามความเห็นของท่านโหวผิงอู่ ส่วนตำแหน่งให้บุตรหลานสืบทอดต่อไป
…
เมื่อข่าวถูกส่งไปถึงตระกูลของท่านอ๋องตงผิง ทุกคนต่างตะลึง
พระชายาฉินร้องไห้ออกมาทันที
ท่านอ๋องตงผิงก็ผงะไป เขาไม่อยากเชื่อ
“ไม่เพียงปลดบรรดาศักดิ์ ยังต้องกักขังด้วยหรือ เหตุใด เพราะเหตุใดกัน”
คนทั้งจวนต่างร่ำไห้เพราะกลัดกลุ้มอนาคตของตนเอง
มีเพียงเซียวกั้วที่แอบดีใจ
ถึงแม้เขาไม่ได้รับข่าวสารจากด้านนอก แต่เขาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของน้องชาย เซียวอี้
เซียวอี้รักษาสัญญาในการแย่งชิงตำแหน่งท่านอ๋องให้เขา
เซียวกั้วข่มความดีใจเอาไว้ ร้องไห้ตีหน้าเศร้าเหมือนกับทุกคน
พระชายาฉินร้องไห้พลันจับมือของท่านอ๋องตงผิง “ท่านอ๋อง ไม่มีวิธีอื่นหรือเจ้าคะ หาทางให้ฝ่าบาททรงถอนรับสั่งได้หรือไม่เจ้าคะ”
ท่านอ๋องตงผิงถอนหายใจ “พระราชโองการออกมาแล้ว เจ้าและข้าต่างเป็นปลาบนเขียงที่รอคนเชือดเฉือนตามใจ”
พระชายาฉินร้องไห้โฮ “ข้าไม่อยากถูกขัง ไม่ว่าอย่างไรก็จะถูกขังไม่ได้!”
นางกับท่านอ๋องตงผิงเป็นสามีภรรยากัน ท่านอ๋องตงผิงถูกปลดบรรดาศักดิ์และกักขัง นางย่อมหนีไม่พ้น
เมื่อคิดว่าอีกครึ่งชีวิตที่เหลือล้วนต้องถูกขังไว้ในกำแพงสูง นางก็อยากตายทันที
ท่านอ๋องตงผิงหมดหนทาง เขาดูแก่ชราลงไม่น้อยกว่าสิบปี
เขาบ่น “ฝ่าบาททรงไร้คุณธรรม! ข้าเป็นคนแรกที่ยอมจำนน ช่วยเขาลดปัญหาไปมากน้อยเพียงใด เขาควรปฏิบัติดีกับข้า จะมองว่าข้าเหมือนท่านอ๋องอื่นได้อย่างไร ไร้คุณธรรม!”
พระชายาฉินร้องไห้จนเหนื่อย พลันนึกถึงเรื่องสำคัญ “ผู้ใดจะสืบทอดตำแหน่ง ท่านอ๋อง ท่านต้องตัดสินใจนะเจ้าคะ!”
เห็นได้ชัดว่านางกำลังเตือนท่านอ๋องตงผิง ตำแหน่งมอบให้ได้เพียงบุตรชายสุดที่รัก เซียวซวิ้น
ท่านอ๋องตงผิงกุมมือของนาง “เจ้าวางใจ ตำแหน่งจะเป็นแค่ของซวิ้นเอ๋อร์เท่านั้น ผู้ใดก็แย่งไปไม่ได้”
เซียวซวิ้นดีใจจนร้องไห้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการสิ่งใด ข้าต้องการเพียงให้คนทั้งตระกูลปลอดภัย…”
พระชายาฉินพยุงเขาขึ้นมา “เด็กโง่! มีเพียงเจ้าดี ข้ากับท่านพ่อของเจ้าจึงจะปลอดภัย รอเรื่องนี้ผ่านไป เจ้าต้องหาทางให้ท่านพ่อของเจ้าออกมาใช้ชีวิตบั้นปลาย”
“ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านพ่อกับท่านแม่ผิดหวัง!”