คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 157 ไม่พอใจ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 157 ไม่พอใจ

เยียนอวิ๋นเกอติดตามผู้คนมุ่งหน้าไปยังเรือนหอเพื่อดูเจ้าสาว

ดังนั้นจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงในการเผชิญหน้ากับองค์หญิงติ้งเถา

องค์หญิงติ้งเถาส่งเสียงไม่พอใจต่อนาง อีกทั้งยังทำทีดูถูก นางเชิดหน้าเดินจากไปอย่างหยิ่งผยอง

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มให้นางอย่างไม่ถือสา

องค์หญิงติ้งเถามาถึงหน้าประตูเรือนหอ เมื่อเห็นว่ามีคนมาก นางจึงทำหน้ารังเกียจ

นางเปลี่ยนใจไม่ดูเจ้าสาว หากแต่หันหลังเดินไปยังสวนดอกไม้

วันนี้นางอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก

นางนึกถึงเถาชีที่เสียชีวิตไปแล้ว

เถาชีตายอย่างไม่เป็นธรรม แต่นางไม่กล้าที่จะพูดความจริงออกมา

สิ่งที่ทำให้นางโกรธยิ่งกว่าคือ นางจำได้ว่าเถาชีเคยบอกกับนาง เสด็จแม่ทรงมีเจตนาให้นางอภิเษกกับจ้งซูหาว

เริ่มแรกไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง

แต่ตามการเติบโตของอายุ เรื่องคู่ครองยังไม่ลงตัว ทำให้นับวันนางยิ่งคิดว่าคำพูดของเถาชีเป็นความจริง

นางคิดภายในใจ การอภิเษกกับจ้งซูหาวก็ไม่เลว

ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน รู้ตื้นลึกหนาบางกันดี อีกทั้งจ้งซูหาวก็รูปลักษณ์ดีไม่น้อย

สุดท้ายกลับกลายเป็นจ้งซูอวิ้นอภิเษกกับเสด็จพี่สาม

น่าโมโหยิ่งนัก!

จ้งซูอวิ้นอภิเษกกับเสด็จพี่สามแล้ว นางย่อมไม่อาจอภิเษกกับจ้งซูหาวได้

เรื่องคู่ครองของนางไร้จุดมุ่งหมายอีกครั้ง

นางยิ่งคิดยิ่งโกรธ ยิ่งคิดยิ่งน้อยใจ

นางเดินออกจากจวนองค์ชายไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ที่วังหลวง แม้แต่งานเลี้ยงก็ไม่ได้อยู่กิน

นางต้องถามให้กระจ่าง

เสด็จแม่มีแผนการอย่างไรต่อคู่ครองของนางกันแน่

วันนี้เป็นวันอภิเษกขององค์ชายสาม แต่เถาฮองเฮาไม่ทรงดีใจแม้แต่น้อย

คนทั้งคนดูเหน็ดเหนื่อย ไม่มีเรี่ยวแรง

ด้านนอกดวงอาทิตย์สว่างไสว คำนวณจากเวลา บัดนี้จวนองค์ชายคงคึกคักอย่างมาก บรรดาแขกเหรื่อกำลังรวมตัวกันป่วนเรือนหอ

ถึงแม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งความกระตือรือร้นของทุกคนได้

เถาฮองเฮายิ้มเย้ยหยัน

รังเกียจยิ่งนัก!

หงุดหงิดยิ่งนัก!

ไม่พอใจยิ่งนัก!

งานอภิเษกนี้นางไม่เคยยินยอมตั้งแต่ต้น

อันที่จริงก่อนหน้าที่องค์หญิงเฉิงหยางบีบบังคับนาง นางเคยมีความคิดที่จะปรองดอง

แต่เมื่อองค์หญิงเฉิงหยางใช้โอกาสที่องค์ชายสามพลาดพลั้งรับปากมาบีบบังคับนาง นางจึงตัดความคิดนี้ออกไปอย่างสิ้นเชิง

ถึงแม้นางจะจำยอม แต่ส่วนลึกในใจกลับคัดค้านงานอภิเษกนี้

นางเป็นผู้กำหนดวันงานอภิเษกด้วยตนเอง จงใจเลือกวันที่ร้อนที่สุดจัดงานเลี้ยง ไม่อนุญาตให้คัดค้านแม้แต่น้อย

องค์หญิงเฉิงหยางออกหน้าขอให้นางเปลี่ยนวัน นางก็ไม่สะทกสะท้าน

หากไม่อภิเษกตามวันที่นางเลือกก็ยกเลิกงานอภิเษก

องค์หญิงเฉิงหยางหมดหนทาง เถาฮองเฮายอมจำนนต่องานอภิเษกแล้ว เรื่องกำหนดการ นางทำได้เพียงยอมเถาฮองเฮา

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นตามวันที่เถาฮองเฮากำหนด

แต่เถาฮองเฮาไม่ดีใจแม้แต่น้อย

เมื่อนางในเข้ามาทูลรายงานว่าองค์หญิงติ้งเถาขอเข้าเฝ้า นางจึงเอ่ยเสียงเนือย “ให้นางเข้ามา”

องค์หญิงติ้งเถาถูกเชิญเข้ามาในตำหนักด้านข้าง

“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่!”

เถาฮองเฮาตอบรับ พลางถาม “ไม่อยู่กินเลี้ยงในจวนองค์ชาย วิ่งเข้าวังหลวงมาทำอันใด”

องค์หญิงติ้งเถาทำหน้าน้อยใจ “หม่อมฉันวุ่นวายใจ ไม่อยากอยู่กินเลี้ยงเพคะ”

“อ่อ!”

เถาฮองเฮาไม่ปฏิเสธ

วันนี้นางอารมณ์ไม่ดี จึงไม่อาจแบ่งความสนใจมาเป็นห่วงบุตรสาว น้ำเสียงและท่าทีของนางเฉยเมยอย่างมาก

ภายในใจขององค์หญิงติ้งเถากังวลแต่เรื่องของตนเอง นางจึงเอ่ยปากถามทันที “เหตุใดเสด็จแม่จึงทรงรับปากให้เสด็จพี่สามอภิเษกกับจ้งซูอวิ้นเพคะ หม่อมฉันคิดว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกันแม้แต่น้อย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดเถาฮองเฮาก็มีอารมณ์เหลือบตามองบุตรสาวขึ้นมา

นางยิ้ม พลางพูด “ข้าก็คิดว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน แต่มีเสด็จพ่อของเจ้าพระราชทานงานอภิเษก ข้าก็หมดหนทาง”

เมื่อองค์หญิงติ้งเถารู้ว่าเสด็จแม่ก็ไม่พอใจงานอภิเษกนี้ ทันใดนั้นนางก็ได้รับการปลอบใจ

“หม่อมฉันรู้แล้ว ย่อมต้องเป็นเสด็จอาเฉิงหยางทรงบีบบังคับ ฮึ จ้งซูอวิ้นนาง…”

“เรียกพี่สะใภ้สาม!”

เถาฮองเฮาพูดขัดองค์หญิงติ้งเถา

ถึงแม้นางจะไม่พอใจงานอภิเษกนี้ แต่ก็ไม่มีทางปล่อยให้คนครหานางได้

ในเมื่อจ้งซูอวิ้นอภิเษกให้กับบุตรชายคนเล็กแล้ว ติ้งเถาย่อมสมควรเปลี่ยนคำเรียกเป็นพี่สะใภ้สาม มันเป็นมารยาท ไม่อาจตกเป็นเรื่องนินทาของผู้อื่นได้

เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงติ้งเถาไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อถูกเถาฮองเฮาถลึงตาใส่ นางทำได้เพียงเปลี่ยนคำเรียกเสียงเบา “หม่อมฉันแค่คิดว่าพี่สะใภ้สามยืนกรานที่จะอภิเษกกับเสด็จพี่สาม เสด็จอาเฉิงหยางจึงได้ออกหน้าแทนนาง เสด็จแม่ก็ทรงรู้ เสด็จอาเฉิงหยางทรงโปรดปรานพี่สะใภ้สามที่สุด เรื่องที่พี่สะใภ้สามขอ นางก็รับปากทั้งสิ้น”

เถาฮองเฮาได้ยินจึงหัวเราะขึ้นมา “พี่สะใภ้สามของเจ้าเป็นคนมีบุญ ดังนั้นนางจึงคิดสิ่งใดก็สมดังปรารถนา”

องค์หญิงติ้งเถาน้อยใจ พลันพูดเสียงเบา “หม่อมฉันก็อยากคิดสิ่งใดก็สมดังปรารถนา”

เถาฮองเฮาผงะไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกระจ่าง

“ที่แท้ติ้งเถาของข้าก็อยากออกเรือนแล้ว”

ใบหน้าขององค์หญิงติ้งเถาแดงก่ำ นางเขินอายเล็กน้อย

นางพูดเสียงเบา “หม่อมฉันไม่อยากถูกคนนินทา”

เถาฮองเฮายิ้ม “ดูท่าทางของเจ้า เจ้าเป็นองค์หญิง ผู้ใดจะกล้านินทาต่อหน้าเจ้า ถึงแม้จะมีคนนินทาลับหลังเจ้า แต่เจ้าเป็นองค์หญิง เหตุใดจึงต้องสนใจ เจ้าไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา เจ้าไม่ต้องเทียบกับผู้อื่น”

องค์หญิงติ้งเถากัดปาก พูดไม่ออก

เห็นได้ชัดว่าภายในใจของนางไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเถาฮองเฮา

เถาฮองเฮาดูออกว่าภายในใจของนางคิดอย่างไร นางถอนหายใจ อารมณ์ตกต่ำลงอีกครั้ง

เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด บุตรทั้งสาม มีเพียงบุตรชายคนโตที่ไร้หัวใจที่สุดตรงใจนางที่สุด เข้าใจนางที่สุด

บุตรชายคนเล็กเป็นคนมีหัวใจ แต่ก็ยังขาดแคลนบางอย่าง

ส่วนบุตรสาว เฮ้อ ไม่พูดเสียดีกว่า

นางนวดขมับด้วยความกลัดกลุ้ม พลางพูด “อีกสักระยะหนึ่ง ข้าจะให้เสด็จพ่อของเจ้าพระราชทานงานอภิเษกให้”

องค์หญิงติ้งเถาผงะเมื่อได้ยิน

“อภิเษกหรือ กับผู้ใด”

นางมีคู่อภิเษกหรือ

แม้แต่คู่ยังไม่มี จะพระราชทานงานอภิเษกอย่างไร

อย่างน้อยนางก็เป็นองค์หญิง เรื่องงานอภิเษกจะง่ายดายเช่นนี้ไม่ได้

เถาฮองเฮาพูด “หลิวเป่าผิง บุตรชายคนรองของซื่อจื่อรัฐเหลียงโจว ญาติของอวี้สื่อไต้ฟู ใต้เท้าหลิว”

องค์หญิงติ้งเถาทำหน้าฉงน หลิวเป่าผิงใดกัน นางไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอีกฝ่ายจะสูงหรือเตี้ย จะอ้วนหรือผอม จะรูปงามหรืออัปลักษณ์ มีความเคยชินที่ไม่ดีหรือไม่

นอกจากชื่อ นางไม่รู้เรื่องอื่นแม้แต่น้อย เสด็จแม่ก็จะทรงหมั้นหมายนางให้กับคนผู้นี้อย่างนั้นหรือ…

ทันใดนั้น นางน้อยใจอย่างมาก ขอบตาแดงก่ำ

“คนผู้นี้มีที่มาเป็นอย่างไร เหตุใดเสด็จแม่ต้องทรงหมั้นหมายหม่อมฉันให้เขา หม่อมฉันไม่แต่ง!”

“เหลวไหล! ข้าเลือกพระสวามีให้เจ้าอย่างตั้งใจ เจ้าบอกไม่แต่งก็ไม่แต่งอย่างนั้นหรือ”

เถาฮองเฮาทำหน้าบึ้ง น่ากลัวอย่างยิ่ง

เวลานี้ องค์หญิงติ้งเถาไม่สนใจความกลัว นางโต้แย้ง “หลิวเป่าผิงที่เสด็จแม่ทรงเอ่ยถึงนี้ หม่อมฉันไม่รู้แม้แต่รูปลักษณ์ของเขา อย่าว่าแต่อารมณ์หรือนิสัย…เสด็จแม่จะทรงโหดร้ายถึงขั้นหมั้นหมายหม่อมฉันให้กับคนที่ไม่รู้จักอย่างนั้นหรือเพคะ”

เถาฮองเฮาไม่หวั่นไหว “เจ้าวางใจ ก่อนแต่งงาน ข้าย่อมจะให้เจ้าได้พบกับเขา หลิวเป่าผิงอยู่ในค่ายทหารตลอดทั้งปี เขาเป็นชายชาตรีที่สง่างาม มีแต่ดีไม่มีแย่”

องค์หญิงติ้งเถาเงยหน้า ถามด้วยความบังอาจ “เสด็จแม่ทรงเคยพบกับหลิวเป่าผิงหรือ”

เถาฮองเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าบังอาจ!”

องค์หญิงติ้งเถาเช็ดน้ำตา “เรื่องเกี่ยวกับคู่ชีวิตของหม่อมฉัน ขอเสด็จแม่ทรงโปรดให้หม่อมฉันบังอาจเถิดเพคะ คนผู้นี้ แม้แต่เสด็จแม่ยังทรงไม่เคยพบหน้า เสด็จแม่จะทรงวางพระทัยหมั้นหมายหม่อมฉันให้กับเขาได้อย่างไรเพคะ เขามีดีตรงใดที่ทำให้เสด็จแม่ปกป้องเขาเพียงนี้”

เถาฮองเฮาลุกขึ้นนั่งในทันที บารมีของนางเปลี่ยนไปเหมือนกับฮองเฮาที่โหดเหี้ยม

องค์หญิงติ้งเถาตัวสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด ปากของนางพะงาบ แต่ก็กลับพูดสิ่งใดไม่ออก

ดวงตาของเถาฮองเฮาแหลมคมราวกับจะกลืนกินหัวใจผู้คน

นางกดเสียงต่ำ พูดทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “งานอภิเษกนี้ ข้าเลือกให้เจ้าโดยเฉพาะ วันนี้ข้าบอกเจ้า เจ้าจะแต่งก็ต้องแต่ง ไม่แต่งก็ต้องแต่ง ยกเว้นเสียแต่ เจ้าไม่ยอมรับว่าข้าเป็นเสด็จแม่ของเจ้า ตัดความสัมพันธ์แม่ลูกตั้งแต่นี้”

องค์หญิงติ้งเถาตัวสั่นเทา นางร้องไห้โฮออกมา

มันเป็นเกราะป้องกันตัวเมื่อนางกลัวถึงขีดสุด

มีเพียงร้องไห้ นางจึงจะไม่ขาดอากาศเพราะความกลัว อีกทั้งยังสามารถอาศัยการร้องไห้ปลดปล่อยความตื่นตระหนกภายในใจ ปลดปล่อยความโกรธภายในใจ

นางแค้น!

นางโกรธ!

แต่นางไม่กล้าพูดแย้งแม้แต่ประโยคเดียว

นางรู้สึกกลัวขึ้นมาจากภายในใจ

นางกลัวตนเองจะตายอย่างไม่รู้สาเหตุเหมือนเถาชี

ในฐานะองค์หญิง นางไม่มีความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย

เพราะว่านางรู้ เสด็จแม่ของนาง เสด็จพี่สองของนาง ล้วนเป็นคนโหดเหี้ยมที่สังหารคนอย่างไม่กะพริบตา

พวกเขาสามารถสังหารได้แม้แต่ญาติเพื่ออำนาจและความมั่งคั่ง

นี่คือเหตุผลที่นางได้เรียนรู้จากเรื่องการตายของเถาชี

นางร้องไห้จนหายใจไม่ทัน สุดท้ายนางก็ร้องไห้จนเป็นลมไป

เถาฮองเฮามองบุตรสาวร้องไห้จนเป็นลมไปด้วยความเฉยชา

รอจนคนล้มลง นางจึงโบกมือ “พยุงองค์หญิงลงไป ต่อไปองค์หญิงจะพักในวังหลวง ให้แม่นมสั่งสอนให้ดี ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า อย่าให้นางได้ก้าวออกจากตำหนักเว่ยยางแม้แต่ก้าวเดียว”

นางในรับคำสั่ง

ในตำหนักเว่ยยาง ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนคำสั่งของเถาฮองเฮา

ซึ่งหมายความว่าต่อจากนี้ แม้องค์หญิงติ้งเถาจะติดปีกก็อย่าคิดจะได้ออกจากตำหนักเว่ยยาง

เถาฮองเฮานอนตะแคงอยู่บนเตียงหลัวฮั่น แม้ร่างกายจะผ่อนคลาย แต่อารมณ์กลับย่ำแย่อย่างมาก

บุตรชายคนเล็กอภิเษกกับจ้งซูอวิ้น ทำให้นางกังวลใจ

บุตรสาวบังอาจสงสัยการตัดสินใจของนาง ทำให้นางกังวลใจเช่นเดียวกัน

ฮึ!

ในเมื่อเป็นบุตรของนาง ย่อมต้องฟังนาง

เหมาเส้าเจี้ยนเห็นที จึงเกลี้ยกล่อม “ฮองเฮาอย่างทรงโกรธเลยพ่ะย่ะค่ะ! เป็นธรรมดาที่องค์หญิงจะทรงคิดไม่ตก ผ่านไปสักระยะ นางย่อมต้องคิดได้ ย่อมต้องเข้าใจว่าการตัดสินใจของพระองค์ล้วนหวังดีกับนาง”

เถาฮองเฮาถอนหายใจ “ข้าตั้งใจเลือกคู่หมายนี้ให้นาง แต่นางกลับไม่เห็นคุณค่า หากนางไม่ใช่บุตรสาวของข้า ออกมาจากท้องของข้า ข้าคงสั่งให้คนตีขาของนางให้หักไปนานแล้ว เรื่องใหญ่อย่างการอภิเษกย่อมต้องเป็นคำสั่งของพ่อแม่ วาจาของแม่สื่อ ที่ผ่านมาข้าตามใจนางเกินไป นางจึงได้กล้าซักถามข้า”

เถาฮองเฮาโกรธอย่างมากเมื่อถูกบุตรสาวสงสัยและคัดค้าน

นางมีความรู้สึกเหมือนบารมีได้รับการท้าทาย มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก

“ฮองเฮาทรงระงับความโกรธ! องค์หญิงยังเด็ก นางยังมีเหตุผลมากมายที่ไม่เข้าใจ หากอบรมสั่งสอนอย่างดี นางย่อมจะเข้าใจในความอุตสาหะของพระองค์”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเถิด!”

เถาฮองเฮาทำท่าทางไม่คาดหวัง

นางรู้จักบุตรสาวของตนเองดี

ติ้งเถานิสัยดื้อรั้น ด้านหนึ่งยอมจำนน แต่อีกด้านยังคงดื้อดึง นางย่อมต้องก่อเรื่องขึ้นอย่างลับๆ แน่นอน

นางไม่วางใจ ดังนั้นจึงรับสั่งเหมาเส้าเจี้ยน “ส่งคนจับตาดูติ้งเถาเอาไว้ ไม่ว่านางจะไปที่ใด ล้วนต้องมีคนติดตาม อย่าให้คลาดแม้แต่ก้าวเดียว ข้ากังวลว่านางจะอยู่อย่างเงียบสงบแค่ภายในวังหลวง หากออกจากวังหลวงเมื่อใด นางจะก่อเรื่องให้ข้า รับสั่งลงไป หากนางบังอาจก่อเรื่อง ไม่ว่าอย่างไรก็คือการละเมิดเบื้องบน ต้องรั้งนางเอาไว้”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท