ตอนที่ 165 เลว
กลางฤดูหนาว!
เมืองหลวง!
เซียวฮูหยินได้รับจดหมายจากท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้าน
ประจวบเหมาะกับที่เยียนอวิ๋นเกอกลับจากเรือนพักร่ำรวย นางขนถ่านไม้กลับมาหนึ่งแสนจิน นอกจากนี้ยังมีผักสด เห็ดหูหนู เห็ดหอม ผักดองอีกสิบกว่าคันรถ…
สินค้าถูกส่งเข้าคลังเพื่อจำหน่าย เยียนอวิ๋นเกอกลับมาถึงจวนท่านหญิง
เมื่อนางได้ยินว่าบิดาชั่ว เยียนโส่วจ้านส่งจดหมายมา นางก็คาดเดาได้ว่า “ไม่มีเรื่องดีอย่างแน่นอน”
เซียวฮูหยินอ่านเนื้อหาในจดหมาย ยิ้มพลันพูดขึ้น “เจ้ามีน้องชายและน้องสาวเพิ่มขึ้นอีกสามคน”
เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงพูดขึ้นทันที “ท่านพ่อข้าช่างมีความสามารถ อายุมากเพียงนี้ยังไม่ลืมที่จะสืบทอดตระกูล”
เซียวฮูหยินตำหนิ “อย่าพูดเหลวไหล อย่างไรเขาก็เป็นบิดาเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะสองที “อายุของท่านพ่อข้าต้องเป็นท่านปู่แล้ว เหตุใดต้องพยายามเช่นนี้ ให้กำเนิดบุตรเลี้ยงบุตรไม่ต้องใช้เงินหรือ ร้องจนทั้งวัน แต่กระตือรือร้นในการมีบุตร เหตุใดจึงไม่เห็นเขาพร่ำบ่นว่าจน เลี้ยงบุตรไม่ไหวบ้าง”
เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ท่านพ่อเจ้าบ่นว่าจนเพราะต้องเลี้ยงทหาร เลี้ยงบุตรใช้เงินไม่มาก ไม่อาจเทียบกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงทหาร”
เยียนอวิ๋นเกอแอบกลอกตา “ท่านแม่ใจกว้างต่อท่านพ่อเกินไป! ให้ข้าพูด นำองครักษ์สามพันนายจากตำหนักบูรพาโค่นล้มบิดาชั่วให้จบสิ้นไปเสีย”
“เอาเถิด อย่าพูดเหลวไหล!” เซียวฮูหยินส่ายหน้าระรัว อดหัวเราะไม่ได้ “ผู้ใดทำให้เจ้าโกรธเพียงนี้กัน”
พูดถึงเรื่องนี้ เยียนอวิ๋นเกอก็โมโห “ขุนนางประตูเมืองเปลี่ยนคน ทั้งที่รู้ว่าเป็นสินค้าและรถม้าของข้า แต่ยังกลั่นแกล้งสารพัด ผ่านประตูเมืองต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วยาม เห็นได้ชัดว่าตั้งใจ”
เซียวฮูหยินได้ยิน จึงขมวดคิ้ว “ระยะก่อน แม่ทัพประตูเมืองเปลี่ยนคน ได้ยินว่าไม่เกี่ยวกับตระกูลเถา เหตุใดจึงกลับเริ่มกลั่นแกล้งเจ้า ก่อนหน้านี้แม่ทัพประตูเมืองเป็นคนของตระกูลเถายังไม่เคยกลั่นแกล้งเจ้า แม่ทัพประตูเมืองคนใหม่เป็นผู้ใดกัน บังอาจกลั่นแกล้งเจ้า”
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ข้าให้คนไปสืบมาแล้ว แม่ทัพประตูเมืองที่มาใหม่ถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาจากท้องถิ่น เดินเส้นทางทหาร ส่วนเบื้องหลังของเขาเป็นผู้ใดเวลานี้ยังไม่ชัดเจน ดูจากภายนอก เขาแค่โชคดีที่ถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ลับหลังมีคำบอกเล่าหลากหลายแบบว่าผู้ใดแทรกแซงให้เขามาอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพประตูเมือง แต่ไม่มีผู้ใดเชื่อถือได้”
เซียวฮูหยินถาม “เขากลั่นแกล้งผู้อื่นหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้า “เรื่องนี้ถึงทำให้ข้าโกรธ กลั่นแกล้งแค่เพียงข้า ส่วนของผู้อื่นก็แค่ตรวจเล็กน้อยก่อนจะปล่อยผ่าน ข้าสงสัยว่าแม่ทัพประตูเมืองคนใหม่อาจได้รับคำสั่งมาให้เพ่งเล็งข้า”
เซียวฮูหยินถามขึ้นอีก “เก็บส่วยเจ้าไปเท่าใด”
“เต็มจำนวน! สินค้าทุกอย่างล้วนเก็บส่วยอย่างเข้มงวด อีกทั้งยังต้องใช้เงินเหรียญหย่งไท่ เงินเหรียญสมัยฮ่องเต้องค์ก่อนจ่ายไม่ใด้ หากเขาเข้มงวดกับผู้อื่นเช่นนี้ ข้าไร้คำพูด แต่เขากลั่นแกล้งเพียงแค่ข้า ช่างทำให้ข้าโมโหยิ่งนัก!”
เยียนอวิ๋นเกออัดอั้นใจอย่างมาก
สิ่งสำคัญคือ นางไม่อาจรู้ได้ว่าเหตุใดแม่ทัพประตูเมืองจึงกลั่นแกล้งนางเพียงคนเดียว
แต่นางมั่นใจว่านางไม่เคยทำให้แม่ทัพประตูเมืองขุ่นเคือง อีกทั้งเงินที่ควรให้ก็ให้แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเบื้องหลังมีคนสั่งให้แม่ทัพประตูเมืองกลั่นแกล้งนาง
เรือนพักร่ำรวยมีการขนสินค้าจำนวนมากในแต่ละเดือน แต่ละเดือนล้วนมีรถสินค้าเข้าเมืองหลวง
หากทุกครั้งล้วนถูกแม่ทัพประตูเมืองกลั่นแกล้ง เยียนอวิ๋นเกอกัดฟัน ผู้ใดจะทนไหว
เซียวฮูหยินพูด “แม่ทัพประตูเมืองผู้นี้ ข้าจะส่งคนไปสืบ ดูว่าผู้ใดกลั่นแกล้งเจ้า ส่วนเจ้า ระยะนี้อย่าไปเรือนพัก ทุกเรื่องมอบหมายให้บ่าวรับใช้ไปทำ”
เยียนอวิ๋นเกอตอบรับ
เวลานี้คงต้องทำเช่นนี้
“จดหมายของท่านพ่อ นอกจากข่าวดีเรื่องมีบุตรเพิ่มแล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”
เซียวฮูหยินพยักหน้า ส่งจดหมายให้เยียนอวิ๋นเกอ “เจ้าดูเองเถิด”
กระดาษสองหน้าล้วนพูดถึงเรื่องสำคัญ
เอ๊ะ?
เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าฉงน “ท่านพ่อดวงตาฝ้าฟางหรือ เขาคิดจะให้เยียนอวิ๋นฉวนอภิเษกกับองค์หญิง คิดว่าการอภิเษกกับองค์หญิงเป็นเรื่องดีหรือ ตู้ซินแสก็ไม่เกลี้ยกล่อมเขาบ้าง”
“ท่านพ่อของเจ้ามักเอาตัวเองเป็นใหญ่อยู่เสมอ ตู้ซินแสเกลี้ยกล่อมเขาไม่อยู่”
เยียนอวิ๋นเกอถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่คิดจะตอบอย่างไร จะให้เยียนอวิ๋นฉวนอภิเษกกับองค์หญิงจริงหรือ”
เซียวฮูหยินครุ่นคิด พลางพูด “ฝ่าบาทมีบุตรสาวสิบสามนาง ถูกสถาปนาเป็นองค์หญิงมีเพียงสี่นาง ส่วนที่เหลือก็เป็นเพียงท่านหญิง นอกจากนี้ยังมีผู้ที่อายุน้อยยังไม่ได้รับการสถาปนา องค์หญิงสี่คน มีสองคนออกเรือน อีกคนตาย อีกคนยังไม่ออกเรือน แต่ว่าองค์หญิงที่ยังไม่ออกเรือนนี้มีข้อบกพร่อง นางขาสั้นข้างยาวข้าง”
เยียนอวิ๋นเกอส่งเสียงตกตะลึง “อ้า”
นางมาเมืองหลวงนับปี เข้าร่วมงานเลี้ยงมากมาย ยังไม่เคยพบเห็นองค์หญิงห้า
ได้ยินเพียงองค์หญิงห้าเขินอาย ร่างกายไม่ดี ดังนั้นจึงถูกเลี้ยงไว้ในวังหลวง ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
ไม่คิดว่าจะมีขาสั้นข้าง ขายาวข้าง
เยียนอวิ๋นเกอถาม “ท่านแม่เคยพบองค์หญิงห้าหรือไม่ ขาของนางเป็นเช่นนี้แต่กำเนิด หรือเพราะได้รับบาดเจ็บ”
เซียวฮูหยินพูดเสียงเบา “ข้ารู้จักมารดาขององค์หญิงห้า นางเคยเป็นสหายของข้า ข้าไม่คิดว่านางจะอภิเษกกับฝ่าบาท ขาขององค์หญิงห้าไม่ใช่สาเหตุแต่กำเนิด อาจเป็นเพราะตอนเด็กล้มขาหัก บาดเจ็บรุนแรง หลังจากรักษาหายจึงทิ้งอาการข้างเคียงเอาไว้ ราชวงศ์ปิดเรื่องขององค์หญิงห้าไว้ ไม่ให้ผู้ใดเอ่ยถึง”
เยียนอวิ๋นเกอกระจ่าง “เมื่อเป็นเช่นนี้ เยียนอวิ๋นฉวนย่อมไม่อาจอภิเษกกับองค์หญิง”
“ไม่! ทางกลับกัน หากเยียนอวิ๋นฉวนยอมอภิเษกกับองค์หญิงห้า ฝ่าบาทคงจะตอบตกลงเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว”
เอ๊ะ?
เยียนอวิ๋นเกอกระจ่าง
องค์หญิงห้ามีข้อบกพร่องทางขา ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน เรื่องการหาคู่ครองคงเป็นเรื่องยาก
เวลานี้มีขุนนางอายุน้อย อีกทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่ดียอมอภิเษกกับองค์หญิงที่มีข้อบกพร่องทางขา ฮ่องเต้หย่งไท่ย่อมยินดีกับงานอภิเษกนี้
เยียนอวิ๋นเกอพูด “ฮ่องเต้มีบุตรสาวมากมาย มีองค์หญิง มีท่านหญิง เยียนอวิ๋นฉวนสามารถละทิ้งองค์หญิง อภิเษกกับท่านหญิงได้”
เซียวฮูหยินส่ายหน้าเชื่องช้า “เรื่องไม่ง่ายเหมือนที่เจ้าคิด เวลานี้ ท่านหญิงที่ยังไม่ออกเรือน มารดาผู้ให้กำเนิดของพวกนางมีชาติตระกูลไม่ดีนัก ถึงแม้พวกนางจะสูงส่งเป็นถึงท่านหญิง แต่ก็ไม่อาจเทียบกับสตรีในตระกูลธรรมดาได้ ไม่มีทั้งอำนาจ แม้แต่ยศถาบรรดาศักดิ์ก็จะถูกคนยึดไป ฮ่องเต้ก็ไม่สนใจพวกนาง เยียนอวิ๋นฉวนอภิเษกกับพวกนาง ไม่เพียงไม่ได้รับการช่วยเหลือ อีกทั้งยังจะเดือดร้อนเส้นทางราชการของเขา”
ที่แท้เป็นเช่นนี้!
จะว่าไปเป็นบุตรสาวของฮ่องเต้ช่างยากลำบาก
ถึงแม้จะมียศเป็นสตรีในราชวงศ์ แต่กลับไม่ได้ดื่มด่ำเกียรติยศที่สตรีในราชวงศ์ควรมี
ฮ่องเต้ทรงไม่สนใจพวกนาง ไม่สนใจว่าพวกนางจะเป็นหรือตาย
หากมารดาผู้ให้กำเนิดไร้ชาติตระกูล ชีวิตของพวกนางก็ไม่อาจเทียบกับบ่าวรับใช้ที่มีหน้ามีตาในวังหลวง
องค์หญิงติ้งเถาดวงดีที่กำเนิดในท้องของเถาฮองเฮา นางถึงได้มีชีวิตอย่างสุขสบาย
กลับกัน หากเป็นองค์ชาย ไม่ว่าจะกำเนิดจากฮองเฮาหรือพระสนม การได้รับปฏิบัติล้วนไม่เลว
ฮ่องเต้หย่งไท่ให้ความสำคัญกับบุตรชายมากกว่าบุตรสาว ไม่สนใจบุตรสาว แต่เป็นห่วงเป็นใยบุตรชาย
เยียนอวิ๋นเกอกระจ่าง “ท่านแม่คิดจะปฏิเสธท่านพ่อ ให้เขาล้มเลิกแผนการที่จะให้เยียนอวิ๋นฉวนอภิเษกกับองค์หญิงหรือ”
เซียวฮูหยินจิบชา “ดูจากเนื้อหาในจดหมายของบิดาเจ้า ข้าคิดว่าความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากให้เยียนอวิ๋นฉวนอภิเษกกับองค์หญิง แต่เขาต้องการคนปฏิเสธเขาอย่างแน่วแน่ หากวันหนึ่งเขาเสียใจในภายหลัง เขาย่อมสามารถผลักความผิดมายังคนที่เสนอความคิดให้เขา”
“ท่านพ่อให้ท่านแม่เป็นแพะหรือ!”
เลวอย่างมาก ไร้คุณธรรมอย่างมาก
“ท่านแม่จะตอบอย่างไร”
เซียวฮูหยินยิ้ม “เขาต้องการแพะรับบาป ข้าย่อมไม่อาจให้เขาสมดังปรารถนา ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ตอบรับ ถือว่าไม่รู้เรื่องนี้ ให้เขาไปกลุ้มเอง”
เยียนอวิ๋นเกอปรบมือ
…
จดหมายถูกส่งออกไปด้วยม้าเร็วกลับไปถึงแคว้นซ่างกู่
เยียนโส่วจ้านถูกลิขิตให้ผิดหวัง เขาไม่ได้รับการตอบรับจากเซียวฮูหยิน
เขายิ้มเย็นยะเยือก ทิ้งจดหมายไว้ด้านข้าง
ระยะนี้ เขาวานให้คนสืบสถานการณ์ของสตรีในราชวงศ์แล้ว อีกทั้งเขาก็รู้มาไม่น้อย
อภิเษกกับองค์หญิง แต่งสะใภ้ที่ขาสั้นยาวไม่เท่ากันกลับมาหรือ
ล้มเลิกเสียเถิด!
เยียนโส่วจ้านล้มเลิกความคิดนี้
เขาถามตู้ซินแส “เมืองหลวงมีตระกูลที่เหมาะสมหรือไม่”
ตู้ซินแสครุ่นคิด พลันพูด “มีขอรับ เพียงแต่ไม่มีคุณหนูที่อายุเหมาะสม”
กลุ้มใจยิ่งนัก!
เยียนโส่วจ้านกลัดกลุ้ม เหตุใดเรื่องคู่ครองของบุตรชายคนโตเยียนอวิ๋นฉวนจึงยากเย็นเช่นนี้
เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “เขียนจดหมายไปให้ฮูหยินอีก ให้ฮูหยินจัดการเรื่องคู่ครองให้เยียนอวิ๋นฉวน”
ตู้ซินแสฉงน
เขาอ้าปาก พูดอย่างระมัดระวัง “ท่านโหว มอบหมายเรื่องคู่ครองของนายน้อยใหญ่ให้ฮูหยินจัดการไม่เหมาะสมนัก! ความจริงแล้ว เวลานี้นายน้อยใหญ่มีตำแหน่งขุนนางอยู่กับตัว เป็นขุนนางราชสำนักที่แท้จริง การจะหาคู่ครองที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องยาก
ข้าคิดว่าในราชสำนักคงมีขุนนางไม่น้อยยอมปรองดองกับท่านโหว ไม่จำเป็นต้องให้ฮูหยินออกหน้า ท่านโหวสามารถลองเขียนจดหมายไปให้นายน้อยใหญ่ หรือที่ปรึกษาหวัง ให้พวกเขาจับตาดูคนที่เหมาะสมในราชสำนัก”
เยียนโส่วจ้านขมวดคิ้ว
เขาบอกว่าให้เซียวฮูหยินจัดการเรื่องคู่ครองของเยียนอวิ๋นฉวนเพราะความโกรธ
เมื่อเขาพูดออกมาก็เสียใจแล้ว
โชคดีที่ตู้ซินแสเป็นที่ปรึกษาที่เหมาะสม หาทางออกให้เขา
เขากระแอมไอเสียงเบา “เจ้าพูดถูก เรื่องคู่ครองของเจ้าใหญ่ไม่ต้องลำบากฮูหยิน เรื่องที่นางต้องทำมีมากเกินไป อย่าให้นางต้องเหนื่อย”
ตู้ซินแสกระตุกมุมปาก
ดูคำพูดนี้ ช่างน่าฟังเหลือเกิน
“ท่านโหวพูดมีเหตุผล ฮูหยินร่างกายไม่ดี ไม่อาจเหน็ดเหนื่อยได้”
ในฐานะที่ปรึกษา ตู้ซินแสจะทำอย่างไรได้
ย่อมต้องคล้อยตามคำพูดของนาย
เยียนโส่วจ้านพึงพอใจอย่างมาก “เขียนจดหมายไปให้เจ้าใหญ่ ให้เขามองการณ์ไกลหน่อย อย่าได้จ้องมองเพียงตระกูลชั้นสูงเหล่านั้น มองไปด้านข้างให้มาก ไม่แน่ว่าอาจมีตระกูลที่เหมาะสม เขาไม่เด็กแล้ว ถึงเวลาต้องหมั้นหมายเอาไว้ แน่นอนข้าก็จะช่วยเขาดูเช่นเดียวกัน”
ตู้ซินแสพยักหน้า พลันถามขึ้นอีก “ท่านโหวเคยคิดจะปรองดองกับตระกูลแม่ทัพหรือไม่ ตามที่ข้าเข้าใจ ในตระกูลแม่ทัพมีเป้าหมายที่เหมาะสมอยู่ไม่น้อย”
เยียนโส่วจ้านกัดฟัน “ยังไม่คำนึงถึงตระกูลแม่ทัพ!”
อยากจะยกระดับฐานะตระกูล ย่อมต้องยื่นมือเข้าไปในราชสำนัก ไม่อาจวนเวียนอยู่แต่ในวงสังคมแม่ทัพ
ถึงเวลาต้องกระโดดออกจากวงสังคมแม่ทัพ ปรองดองกับตระกูลชั้นสูงอย่างแท้จริงแล้ว
หากเยียนอวิ๋นฉวนโชคไม่ดีจนไม่อาจแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลชั้นสูงได้ เมื่อถึงเวลานั้นค่อยไตร่ตรองตระกูลแม่ทัพก็ยังไม่สาย