ตอนที่ 177 ประหาร
องค์หญิงติ้งเถาไม่พอใจเล็กน้อย
ตระกูลหลิวจะปรองดองกับตระกูลเยียน?
อีกทั้งนางยังเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้
นางส่งเสียงไม่พอใจ “เหตุใดท่านจึงยืนกรานที่จะปรองดองกับตระกูลเยียน อีกทั้งยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเยียนอวิ๋นเกอ ตระกูลเยียนมีดีเพียงนั้นเชียวหรือ”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงมองนาง พลันยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มของเขาสามารถทำให้หิมะหลอมละลาย อีกทั้งยังสามารถทำให้อารมณ์โกรธขององค์หญิงติ้งเถาสงบลง
“องค์หญิงกำลังโกรธข้าอยู่หรือ”
องค์หญิงติ้งเถา “…”
รอยยิ้มของพระราชบุตรเขยช่างงดงามเสียจริง
น้ำเสียงของนางอ่อนลงในทันที ไม่เหลือน้ำเสียงซักถามเหมือนก่อนหน้านี้ หากแต่ยังมีความอ่อนโยนเล็กน้อย
“ข้าย่อมไม่ได้โกรธท่าน ข้าเพียงแค่ประหลาดใจที่ท่านคิดจะปรองดองกับตระกูลเยียน อีกทั้งท่านไม่เคยบอกข้ามาก่อน”
องค์หญิงติ้งเถาเปลี่ยนจากความโกรธเป็นความน้อยใจ
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงกุมมือของนาง “ไม่ได้บอกท่านก่อนก็เพราะกลัวท่านโกรธและกังวล ท่านก็รู้ว่าข้าไม่อยากเห็นท่าทางไม่มีความสุขของท่าน”
หัวใจขององค์หญิงติ้งเถาแทบจะหลอมละลาย นางยิ้มอย่างเขินอายด้วยความดีใจ พลันถาม “จริงหรือ”
“ย่อมต้องเป็นความจริง ท่านอย่าคิดมาก ตระกูลเยียนคือตระกูลเยียน ไม่มีทางกระทบต่อชีวิตของท่านกับข้า อีกทั้งเยียนอวิ๋นถงกับเยียนอวิ๋นเกอไม่เหมือนกัน”
องค์หญิงติ้งเถากัดริมฝีปากเบาๆ “ข้าฟังท่าน ไม่ถือสาเรื่องที่ท่านปิดบังข้า”
“ขอบพระทัยองค์หญิงที่ให้อภัยข้า องค์หญิงช่างใจกว้าง”
พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงหยอกล้ออย่างอ่อนโยน องค์หญิงติ้งเถาจิตใจเบิกบานมีความสุขอย่างมาก
ตระกูลเยียน ตระกูลหลิว ปรองดองใดๆ ล้วนถูกทอดทิ้งไว้ด้านหลัง
ในสายตา ในหัวใจของนางเวลานี้มีเพียงพระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิง
…
องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินสวมชุดนุ่นหนานั่งอยู่ในรถม้า ท่าทางไร้ชีวิตชีวา
อากาศช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิไม่เป็นมิตรนักสำหรับเขา
เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว สรรพสิ่งงอกงามขึ้น
ผ่านไปอีกระยะ เมื่อดอกไม้นานาพันธุ์แบ่งบาน เขาก็ต้องทนทุกข์ทรมานอีกครั้ง
ความจริงแล้ว เขาไม่ได้แพ้เกสรดอกไม้ร้ายแรงมาก
เพียงแต่ตอนเด็กได้รับการกระตุ้น ชีวิตนี้จึงรังเกียจฤดูใบไม้ผลิที่สรรพสิ่งฟื้นคืนกลับมา
รถม้าเคลื่อนที่มาถึงหน้าประตูวังหลวงอย่างเชื่องช้า หลังจากตรวจสอบตัวตน เขาก็ติดตามขันทีเดินเข้าวังอย่างเชื่องช้า
เขาเดินช้า ขันทีก็ไม่กล้าเร่ง เพียงแค่พูดขึ้น “ฮองเฮาทรงรออยู่ในตำหนักเว่ยยางเป็นเวลานานแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เขาจามออกมา พลันนวดคลึงจมูก
ขันทีกังวลเล็กน้อย เกรงว่าเขาจะใช้ข้ออ้างร่างกายไม่สบาย ไม่ยอมไปพบฮองเฮาที่ตำหนักเว่ยยาง
ดังนั้นขันทีจึงหุบปาก ไม่กล้าพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว
เมื่อมาถึงตำหนักเว่ยยาง เถาฮองเฮาดีใจอย่างมากที่ได้พบเขา
“ข้ารับสั่งให้ห้องเครื่องทำน้ำแกงสมุนไพร เจ้ารีบดื่มในขณะที่ยังร้อนเสียเถิด”
เซียวเฉิงเหวินทำตาม เขารับชามน้ำแกงมาจากมือของขันที ดื่มอย่างเชื่องช้า
เถาฮองเฮาถามเขาด้วยความเป็นห่วง “ร่างกายเป็นอย่างไร ไม่เป็นอันใดมากใช่หรือไม่!”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่เป็นห่วง ร่างกายกระหม่อมยังรับไหว ไม่ว่าอย่างไรก็จะรอจนกว่าบุตรให้กำเนิดออกมา”
“อย่าพูดเหลวไหล! เจ้าย่อมมีชีวิตอยู่อย่างยืนยาว” เถาฮองเฮาตำหนิเสียงเบา
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “เสด็จแม่เรียกกระหม่อมเข้าวังเพราะเรื่องของเสด็จพ่อหรือ”
เถาฮองเฮาพยักหน้า ดวงตาของนางแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าหลายวันนี้ไม่ได้พักผ่อนอย่างดี
นางนวดคลึงขมับ ภายในใจเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก
“เสด็จพ่อเจ้า…”
เถาฮองเฮาไม่รู้ควรจะเริ่มพูดจากที่ใด
ปีที่แล้ว เรื่องสงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือทำให้ฮ่องเต้หย่งไท่อารมณ์เย็นลงเพียงช่วงเวลาหนึ่ง
เมื่อรอจนมั่นใจว่าสงครามทางตะวันตกเฉียงเหนือจะไม่ยืดเยื้อแล้ว ฮ่องเต้หย่งไท่ก็กลับมาเด็ดเดี่ยวเหมือนเดิม
นับแต่กำจัดเหล่าท่านอ๋องบนแผ่นดินแล้ว ฮ่องเต้หย่งไท่ก็ผยองอย่างมาก คิดว่าตนเองเป็นโอรสแห่งสวรรค์ ไม่อาจยอมรับผู้ใดที่กล้าคัดค้านได้
เมื่อวาน เถาฮองเฮาตักเตือนให้ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงรักษาพระวรกาย โปรดปรานพระสนมในวังหลังอย่างมีขีดจำกัดด้วยเจตนาดี
ฮ่องเต้หย่งไท่ไม่เพียงไม่ฟังคำแนะนำของนาง หากแต่ยังตำหนินางต่อหน้าพระสนมอื่น ทำให้นางอับอาย
ครั้งแรกที่ถูกฮ่องเต่หย่งไท่ตำหนิต่อหน้าผู้อื่น เถาฮองเฮาย่อมรับไม่ได้
นางเสียใจมาทั้งวัน วันนี้จึงให้คนไปเชิญบุตรชายคนโตเข้าวังมาแต่เช้าตรู่
“ตอนนั้นเจ้าให้เจ้าสามเตรียมหญิงงามให้เสด็จพ่อของเจ้า สุดท้ายเสด็จพ่อของเจ้านับวันยิ่งเหลวไหล เขาอายุมากเพียงนี้แล้ว ยังไม่รู้จักควบคุม…”
“ไม่ดีหรือ”
เซียวเฉิงเหวินเอ่ยขัดเถาฮองเฮา
เถาฮองเฮาผงะไป
เซียวเฉิงเหวินพูดขึ้นเสียงเบา “เสด็จแม่ทรงอยากให้เสด็จพ่ออายุยืนยาวจริงหรือ”
เถาฮองเฮาอ้าปาก สีหน้ากังวลเล็กน้อย “ที่นี่คือวังหลวง เจ้าอย่าพูดเหลวไหล”
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม “เสด็จแม่ไม่อาจควบคุมได้แม้แต่ตำหนักเว่ยยางแล้วหรือ หากมีคนมีใจอื่นไปส่งข่าว เสด็จแม่รับสั่งประหารก็พอ”
เถาฮองเฮากระแอมไอเสียงเบา “ตำหนักเว่ยยางย่อมมีแต่กำแพงทองแดง ไม่มีผู้ใดบังอาจพูดเรื่องที่เจ้ากับข้าสนทนากันออกไป ข้าเพียงแค่เตือนเจ้าให้ระวัง”
“ขอบพระทัยเสด็จแม่ กระหม่อมจะจดจำเอาไว้ ในเมื่อเสด็จพ่อทรงโปรดปรานหญิงงาม เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่ส่งหญิงงามไปให้เสด็จพ่ออีก”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างมีนัย ดวงตาคู่นั้นราวกับไม่มีผู้ใดสามารถมองทะลุปรุโปร่งได้
เถาฮองเฮาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้ข้าส่งหญิงงามไปให้เสด็จพ่อเจ้า เหมาะสมหรือ เสด็จพ่อเจ้าขี้ระแวง ข้ากังวลว่าเขาจะคิดมาก”
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เสด็จแม่วางใจ เวลานี้ส่งหญิงงามไป เสด็จพ่อจะคิดว่าเสด็จแม่ทรงต้องการแย่งความโปรดปราน ไม่มีทางคิดไปทางอื่น อีกอย่าง ในวังมีสตรีมากมายที่ต้องการปีนขึ้นไปบนเตียงมังกร เพียงแค่ไม่มีโอกาส เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่ทำให้พวกนางสมดังปรารถนา สานสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้”
เถาฮองเฮาได้ยิน จึงพยักหน้า “เจ้าพูดมีเหตุผล นอกจากนี้ เจ้ายังมีวิธีอื่นหรือไม่ เมื่อวานถูกเสด็จพ่อเจ้าทรงตำหนิต่อหน้าผู้คน ข้าอับอายอย่างมาก เวลานี้ ไม่รู้มีผู้ใดแอบหัวเราะข้าอยู่ลับหลังบ้าง”
“เรื่องเพียงแค่นี้ เหตุใดเสด็จแม่จึงต้องสนใจ”
“ข้าไม่อาจไม่สนใจ มันไม่เพียงเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของข้า ยังเกี่ยวข้องกับอำนาจของข้า เกี่ยวข้องกับอำนาจในวังหลังของข้า ข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดบังอาจใช้โอกาสนี้มาเหยียบย่ำบนหัวข้า”
เซียวเฉิงเหวินดื่มน้ำแกงสมุนไพรหนึ่งคำ จากนั้นจึงวางชามลงเปลี่ยนมาดื่มชา
เขาพูดเสียงเรียบ “หากมีคนบังอาจทำให้เสด็จแม่ทรงขุ่นเคือง ประหารทิ้งเสียก็พอ”
คำว่า ‘ประหาร’ ถูกพูดออกมาอย่างง่ายดายจากปากของเขา แต่มันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชา
เถาฮองเฮากดเสียงต่ำ “พระสนมวังหลังใช่ว่าจะประหารก็จะประหารได้ มันจะเกิดปัญหา”
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้า ยิ้มเสียดสี
จากนั้นเขาก็พูดต่อ “เสด็จแม่แม้แต่เจี่ยซูเฟยยังประหารได้ พระสนมท่านอื่น มีผู้ใดหยิ่งผยองกว่าเจี่ยซูเฟย สตรีกลุ่มหนึ่งที่ไม่อาจเทียบได้แม้แต่เจี่ยซูเฟย ประหารก็ประหารไป เสด็จแม่กลัวอันใด”
“ข้าย่อมต้องกลัวเสด็จพ่อของเจ้า!”
เถาฮองเฮาไม่พอใจต่อบุตรชายคนโตที่ถามทั้งที่รู้
เซียวเฉิงเหวินยิ้มบาง “เสด็จแม่กลัวเสด็จพ่อ เรื่องนี้ง่ายดาย พระองค์ทรงหาหนทางให้เสด็จพ่อออกพระราชโองการประหารสตรีกลุ่มนั้น ปัญหาก็ย่อมจะถูกจัดการ”
เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว เหตุใดปัญหายากๆ ถึงได้จัดการได้อย่างง่ายดายเมื่อพูดออกจากปากของบุตรชายคนโต
หากจัดการไม่ได้ คำว่า ‘ประหาร’ เพียงคำเดียวก็สามารถจัดการทุกสิ่ง
นางยกแก้วชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำ จากนั้นจึงเปลี่ยนประเด็น “ครรภ์นี้ของภรรยาเจ้า หมอหลวงว่าอย่างไร เป็นชายหรือเป็นหญิง”
“เด็กยังไม่กำเนิดออกมา จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นชายหรือหญิง”
“เจ้าหาหญิงทำคลอดที่มีประสบการณ์มาดู”
“ไม่ต้อง! ไม่ว่าบุตรชายหรือบุตรสาว กระหม่อมล้วนชื่นชอบ”
เซียวเฉิงเหวินท่าทางมีความสุข ราวกับไม่สนใจเพศของเด็กแม้แต่น้อย
เถาฮองเฮาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “เรื่องเกี่ยวกับเพศของเด็ก เจ้าจะละเลยเช่นนี้ได้อย่างไร”
เซียวเฉิงเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม “หากน้องสะใภ้สามสามารถให้กำเนิดบุตรชาย เสด็จแม่ย่อมสมดังปรารถนา ส่วนกระหม่อม เสด็จแม่ไม่ต้องกังวล”
“เจ้ากับเจ้าสามล้วนเป็นบุตรของข้า ข้าจะไม่กังวลได้อย่างไร”
“เสด็จแม่อย่ากังวลเรื่องของกระหม่อมเลย พูดเรื่องของน้องสามเถิด”
“เขาเป็นอันใดอีก”
เถาฮองเฮาฉงนเล็กน้อย
เซียวเฉิงเหวินพูดเสียงเบา “ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก น้องสะใภ้สามมีครรภ์จึงหงุดหงิดไปบ้าง ส่วนเขามีประสบการณ์การกล่อมหญิงสาวไม่เพียงพอ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ก้มหน้ายิ้มเสียดสี
“แน่นอน เรื่องในคราวนี้ยังไม่ไปถึงเสด็จป้าเฉิงหยาง แต่เป็นจ้งซูหาวที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมแทนน้องสะใภ้สาม เขาวิ่งไปทุบตีน้องสามถึงจวนองค์ชายสาม บนใบหน้าของน้องสามเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ไม่กล้าออกจากวน แม้แต่การประชุมในท้องพระโรงก็ไม่ปรากฏตัว”
“เสด็จแม่ก็ทรงรู้ มีคนกลุ่มหนึ่งในราชสำนักชอบเห็นความปั่นป่วน พวกเขานำเรื่องที่น้องสามไม่ปรากฏตัวในการประชุมท้องพระโรงแพร่กระจายไปต่างๆ นานา หากปล่อยต่อไป เกรงว่าจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของน้องสาม เสด็จพ่อทรงผูกขาดราชสำนัก หากข่าวลือถูกแพร่ไปถึงหูของเสด็จพ่อ จากนิสัยของเสด็จพ่อในเวลานี้ เกรงว่าจะไม่มีสีหน้าที่ดีให้น้องสาม”
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด เถาฮองเฮาก็โกรธจนกัดฟันกรอด
นางพูดด้วยท่าทางโหดเหี้ยม “ตอนนั้นข้าคัดค้านที่จะปรองดองกับองค์หญิงเฉิงหยาง จ้งซูอวิ้นถูกตามใจจนเสียนิสัย ไม่ใช่คู่ครองที่ดี เป็นไปตามคาด ทั้งสองครั้งล้วนมีสาเหตุเกิดจากนาง คราวก่อนเดือดร้อนถึงตระกูลเถา คราวนี้ทำให้ใบหน้าของเจ้าสามฟกช้ำ ไม่อาจปรากฏตัวในการประชุมได้ จ้งซูอวิ้น นางสมควรตาย!”
เซียวเฉิงเหวินพูดเสียงเบา “คงไม่ถึงกับต้องตาย แต่จำเป็นต้องตักเตือน”
“เหตุใดน้องสามเจ้าจึงแต่งงานกับหญิงสาวอย่างจ้งซูอวิ้น ไม่ใช่คู่ครองที่ดีเอาเสียเลย! มีแต่จะเป็นปัญหา”
“ผู้ใดให้น้องสามรับปากจ้งซูหาวในเวลานั้นว่าจะไม่มีทางทำให้จ้งซูอวิ้นผิดหวัง”
พูดถึงเรื่องนี้ เถาฮองเฮาก็ยิ่งโกรธ
เดิมทีงานแต่งนี้ นางคนเดียวสามารถรับมือได้ ยืดเยื้อไปเรื่อยๆ องค์หญิงเฉิงหยางย่อมจะล้มเลิกความคิดเอง
แต่ไม่คิดว่าบุตรชายคนเล็กจะรับปากจ้งซูหาว เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของอีกฝ่าย ไม่แม้แต่จะขอความเห็นชอบจากนางก่อน
โง่เขลา!
เถาฮองเฮานวดขมับ แต่คิ้วของนางก็ไม่คลายลง “เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงอีก จ้งซูอวิ้นมีบุตรของน้องสามเจ้า ข้าก็ไม่อาจตักเตือนเกินไปได้ จะได้ไม่ทำร้ายเด็ก อีกทั้งไม่ทำให้องค์หญิงเฉิงหยางไม่พอใจ”
“อย่างนั้นก็ให้องค์หญิงเฉิงหยางออกหน้าตักเตือนน้องสะใภ้สาม”
เถาฮองเฮาตกใจ “เจ้าแน่ใจหรือ องค์หญิงเฉิงหยางจะยอมตักเตือนบุตรสาวของนางหรือ”
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “ไม่ยอมก็ต้องยอม เรื่องเกี่ยวกับอนาคตของน้องสาม จะมืออ่อนได้อย่างไร เชื่อว่าเสด็จป้าเฉิงหยางก็คิดเช่นนี้”