คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 179 ไม่เชื่อ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 179 ไม่เชื่อ

จ้งซูหาวเดินทางมาขอโทษถึงจวนอย่างกะทันหัน ทำให้จ้งซูอวิ้นไม่พอใจอย่างมาก

นางพร่ำบ่น “เหตุใดท่านพี่จึงขอโทษ ตีก็ตีไป ท่านมาขอโทษอย่างกะทันหัน จะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใด”

“น้องหญิง ข้าตีเขาก็เพื่อเจ้า ขอโทษย่อมทำเพื่อเจ้าเช่นเดียวกัน”

“ท่านลองบอกมา ขอโทษเพื่อข้าอย่างไร”

จ้งซูอวิ้นยังคงไม่ยอม

เนื่องจากตั้งครรภ์ อารมณ์ของนางร้ายขึ้นมาก ต้องอาละวาดสักครั้งในแต่ละวัน

องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้รำคาญ จึงหลีกเลี่ยงนาง

ดังนั้นนางจึงอาละวาดรุนแรงขึ้น อีกทั้งยังร้องไห้ไปหลายครั้ง

จ้งซูหาวจะทนมองน้องสาวได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร เขาย่อมต้องออกหน้าแทนน้องสาว

เขาจงใจตีหน้าขององค์ชายสามเซียวเฉิงอี้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ความผิด

แต่ไม่คิดว่าการกระทำของเขาจะก่อให้เกิดปัญหา

เวลานี้เขายังต้องถูกบังคับให้มาขอโทษ

จ้งซูหาวก็หมดหนทางเช่นเดียวกัน

“อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชาย ข้าตีเขาย่อมเท่ากับตบหน้าของฝ่าบาทกับฮองเฮา หากเขาเคียดแค้นกับเรื่องนี้ นำเรื่องนี้มาคิดบัญชีในภายหลัง คนที่ต้องลำบากยังคงเป็นเจ้า ข้าขอโทษไม่สำคัญ เพียงแค่เขายอมดีต่อเจ้าก็พอ”

จ้งซูอวิ้นรู้สึกอึดอัดใจ “ข้าเกลียดชีวิตนี้! ท่านตีเขาเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพียงเพราะเขาเป็นองค์ชาย ท่านก็ต้องขอโทษ มันคือเหตุผลอันใดกัน”

จ้งซูหาวยิ้มเก้อ “อย่างไรก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องฐานะ ฐานะของข้าเป็นเพียงหมอระดับหก หากข้าไม่ใช่ญาติของเขา การลงมือตีองค์ชายก็มีโทษประหาร”

“เขากล้าหรือ! ท่านเป็นพี่ชายของข้า ระบายความโกรธแทนข้า หากเขากล้าลงโทษท่าน ข้าจะทำให้เขาเห็นดี”

“น้องหญิงอย่าได้วู่วาม เจ้ามักจะปากร้าย องค์ชายสามจึงไม่ยอมใกล้ชิดเจ้า เจ้าลองคิดดู ผู้ใดอยากให้ผู้อื่นพร่ำบ่นอยู่ข้างหูทุกวัน น้องหญิง เจ้าฟังข้า ควบคุมอารมณ์ของตนเองเสียบ้าง หากควบคุมไม่อยู่ ก็ระบายกับบ่าวรับใช้ อย่าระบายต่อองค์ชายสาม อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชาย ไม่ใช่ที่ระบายของเจ้า”

จ้งซูอวิ้นโกรธจัด “ท่านพี่ ท่านบอกความจริงกับข้า มีคนข่มขู่ท่านใช่หรือไม่ วันนี้ท่านผิดปกติ พูดแก้ตัวแทนเขาทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่ามีปัญหา”

จ้งซูหาวหัวเราะขมขื่น “ไม่ปิดบังเจ้า ท่านแม่รู้ว่าข้าตีองค์ชายสาม ท่านจึงโกรธมาก รับสั่งให้ข้ามาขอโทษองค์ชายสาม มิฉะนั้นจะขับไล่ออกจากตระกูล”

ตอนที่ 179 ไม่เชื่อ

จ้งซูหาวเดินทางมาขอโทษถึงจวนอย่างกะทันหัน ทำให้จ้งซูอวิ้นไม่พอใจอย่างมาก

นางพร่ำบ่น “เหตุใดท่านพี่จึงขอโทษ ตีก็ตีไป ท่านมาขอโทษอย่างกะทันหัน จะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใด”

“น้องหญิง ข้าตีเขาก็เพื่อเจ้า ขอโทษย่อมทำเพื่อเจ้าเช่นเดียวกัน”

“ท่านลองบอกมา ขอโทษเพื่อข้าอย่างไร”

จ้งซูอวิ้นยังคงไม่ยอม

เนื่องจากตั้งครรภ์ อารมณ์ของนางร้ายขึ้นมาก ต้องอาละวาดสักครั้งในแต่ละวัน

องค์ชายสามเซียวเฉิงอี้รำคาญ จึงหลีกเลี่ยงนาง

ดังนั้นนางจึงอาละวาดรุนแรงขึ้น อีกทั้งยังร้องไห้ไปหลายครั้ง

จ้งซูหาวจะทนมองน้องสาวได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร เขาย่อมต้องออกหน้าแทนน้องสาว

เขาจงใจตีหน้าขององค์ชายสามเซียวเฉิงอี้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ความผิด

แต่ไม่คิดว่าการกระทำของเขาจะก่อให้เกิดปัญหา

เวลานี้เขายังต้องถูกบังคับให้มาขอโทษ

จ้งซูหาวก็หมดหนทางเช่นเดียวกัน

“อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชาย ข้าตีเขาย่อมเท่ากับตบหน้าของฝ่าบาทกับฮองเฮา หากเขาเคียดแค้นกับเรื่องนี้ นำเรื่องนี้มาคิดบัญชีในภายหลัง คนที่ต้องลำบากยังคงเป็นเจ้า ข้าขอโทษไม่สำคัญ เพียงแค่เขายอมดีต่อเจ้าก็พอ”

จ้งซูอวิ้นรู้สึกอึดอัดใจ “ข้าเกลียดชีวิตนี้! ท่านตีเขาเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพียงเพราะเขาเป็นองค์ชาย ท่านก็ต้องขอโทษ มันคือเหตุผลอันใดกัน”

จ้งซูหาวยิ้มเก้อ “อย่างไรก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องฐานะ ฐานะของข้าเป็นเพียงหมอระดับหก หากข้าไม่ใช่ญาติของเขา การลงมือตีองค์ชายก็มีโทษประหาร”

“เขากล้าหรือ! ท่านเป็นพี่ชายของข้า ระบายความโกรธแทนข้า หากเขากล้าลงโทษท่าน ข้าจะทำให้เขาเห็นดี”

“น้องหญิงอย่าได้วู่วาม เจ้ามักจะปากร้าย องค์ชายสามจึงไม่ยอมใกล้ชิดเจ้า เจ้าลองคิดดู ผู้ใดอยากให้ผู้อื่นพร่ำบ่นอยู่ข้างหูทุกวัน น้องหญิง เจ้าฟังข้า ควบคุมอารมณ์ของตนเองเสียบ้าง หากควบคุมไม่อยู่ ก็ระบายกับบ่าวรับใช้ อย่าระบายต่อองค์ชายสาม อย่างไรเขาก็เป็นองค์ชาย ไม่ใช่ที่ระบายของเจ้า”

จ้งซูอวิ้นโกรธจัด “ท่านพี่ ท่านบอกความจริงกับข้า มีคนข่มขู่ท่านใช่หรือไม่ วันนี้ท่านผิดปกติ พูดแก้ตัวแทนเขาทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่ามีปัญหา”

จ้งซูหาวหัวเราะขมขื่น “ไม่ปิดบังเจ้า ท่านแม่รู้ว่าข้าตีองค์ชายสาม ท่านจึงโกรธมาก รับสั่งให้ข้ามาขอโทษองค์ชายสาม มิฉะนั้นจะขับไล่ออกจากตระกูล”

“เหตุใดท่านแม่จึงทำเช่นนี้”

“ท่านแม่ทำเช่นนี้ก็เพื่อเจ้า เจ้าลองคิดดู ข้าตีองค์ชายสาม ทำให้เขาอับอาย เจ้าจะอยู่กับเขาได้อย่างไร”

จ้งซูอวิ้นร้องไห้โฮออกมา

นับแต่มีครรภ์ อารมณ์ของนางก็ไม่มั่นคงอย่างมาก เพียงแค่การกระตุ้นเล็กน้อยก็สามารถทำให้นางร้องไห้ทั้งวัน

เมื่อเห็นนางร้องไห้ จ้งซูหาวก็ร้อนใจ “น้องหญิงอย่าร้อง! หากเจ้าไม่อยากฟัง ข้าจะไม่พูดอีก”

จ้งซูอวิ้นร้องไห้อย่างไม่จบไม่สิ้น นางไม่อาจควบคุมตนเองได้เสียจริง

นางรู้สึกเสียใจอย่างมาก ชีวิตไม่มีความหวังแม้แต่น้อย

ในความฝัน เมื่อมีบุตรแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับองค์ชายสามจะยิ่งสนิทชิดเชื้อกันมากขึ้น

แต่ความจริงแล้ว หลังจากมีครรภ์ ทั้งสองคนกลับยิ่งห่างเหินกัน

ความห่วงใย ความรักในความฝันของนางล้วนเปลี่ยนแปลงไปคนละทิศทาง

นางโกรธ!

แต่นางก็ไม่อาจใช้บุตรเป็นเครื่องมือต่อรอง ทำได้เพียงนั่งโกรธอย่างเงียบๆ เสียใจอย่างเงียบๆ

นางคิดว่าตนเองเป็นหญิงสาวที่น่าสงสารที่สุดบนโลกนี้ นางพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทของตัวละครที่ขมขื่นที่สุดในทุกวัน ดังนั้นคนทั้งคนจึงดูเสียสติไปบ้าง

หมอหลวงและบ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างตัวก็เกลี้ยกล่อมให้นางปล่อยวาง อย่าดื้อรั้น คิดถึงแต่เรื่องที่มีความสุข

แต่นางไม่อาจมีความสุขขึ้นมาได้

เรื่องมีความสุขที่ผ่านมานั้นกลายเป็นไร้ความหมาย ยิ่งเป็นภาพสะท้อนความอนาถของนางในวันนี้

นางเดินออกมาจากอารมณ์เศร้าโศกไม่ได้ นางอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก อีกทั้งยังไม่อาจระบายได้ตามใจ

ท่านพี่สงสารนาง เห็นท่าทีผิดปกติของนาง จึงลงมือตีองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ด้วยความวู่วาม

ทำให้นางรู้สึกสาแก่ใจอย่างประหลาด

เพราะเหตุใดที่นางจะต้องทนทุกข์ทรมานคนเดียว

หากต้องทรมาน สามีภรรยาย่อมต้องทรมานด้วยกัน

แต่แล้วนางอารมณ์ดีอยู่เพียงสองวัน ท่านพี่กลับเดินทางมาขอโทษด้วยตนเอง

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าโลกมันมืดมนอย่างมาก ไร้ซึ่งความหวัง

ภายใต้ความเจ็บปวด มีเพียงการร้องไห้ที่สามารถระบายความโกรธภายในใจ

จ้งซูหาวไม่อาจเกลี้ยกล่อมนางได้ ทำได้เพียงให้สาวรับใช้ช่วยเหลือ

จ้งซูอวิ้นร้องไห้จนหายใจไม่ทัน นางถูกสาวรับใช้พยุงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง ในเวลาเดียวกันก็ให้คนไปเชิญหมอหลวง

ร้องไห้เพียงนั้น ผู้ใหญ่อาจทนไหว แต่เด็กอาจทนไม่ไหว!

จ้งซูหาวมองน้องสาวเป็นทุกข์ เขาโกรธจนทุบกำปั้นลงบนกำแพง

แม้มือของเขาจะแตกก็ไม่สนใจ

เขามุ่งตรงไปหาองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ด้วยความโกรธ

เขาเอ่ยปากทันที “น้องสาวข้าร้องไห้! เกลี้ยกล่อมไม่อยู่! ท่านในฐานะสามีไม่ควรจะทำสิ่งใดหน่อยหรือ”

บนใบหน้าขององค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำอย่างอนาถ

ไม่เหมาะสมที่จะออกไปพบผู้คนนอกจวนเสียจริง เพราะจะถูกคนหัวเราะเยาะ

เขาวางตำราในมือลง มองจ้งซูหาวด้วยความเย็นชา “เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร เรื่องที่ข้าทำได้ ข้าก็ทำหมดแล้ว ทุกวันกลับมาจากสำนักหยาเหมิน ข้าไปเยี่ยมนางเป็นอันดับแรก กินมื้อค่ำร่วมกับนาง นางอารมณ์ไม่ดี ข้าก็ตามใจนาง ข้าพยายามที่สุดแล้ว แต่นาง…”

เขาสูดลมหายใจเข้า ราวกับไม่อยากว่ากล่าวภรรยา

เขาครุ่นคิดพลันพูดต่อ “เวลานี้นางมีครรภ์ อารมณ์ไม่มั่นคงอย่างมาก ไม่อาจสื่อสารปกติได้แม้แต่น้อย เจ้ามักคิดว่าข้ารังแกนาง แต่เจ้าสามารถถามสาวรับใช้ข้างกายนาง นับแต่ปีก่อนที่เสด็จพี่สองตักเตือนข้า ข้าตามใจนางทุกเรื่องหรือไม่ นางไม่อยากให้ข้าพบหน้ากับสตรีในเรือนด้านหลัง ข้าก็ทำตาม ข้าพักอยู่ในห้องตำราทุกวัน เจ้ายังอยากให้ข้าทำอย่างไรอีก”

เซียวเฉิงอี้ก็โกรธขึ้นมาจริงๆ

เขาพยายามทุกอย่างแล้ว แต่ยังคงไม่อาจปลอบประโลมจ้งซูอวิ้นได้ เขาก็รำคาญอย่างมากเช่นเดียวกัน

ตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดี เขาอยากจะอยู่อย่างสงบคนเดียว

เพราะสาเหตุนี้ จ้งซูอวิ้นก็อาละวาดอยู่หลายวัน

เขาจะทำอย่างไรได้

เวลานี้ สีหน้าของเขาเหน็ดเหนื่อยราวกับชายหนุ่มที่ถูกการแต่งงานกักขังเอาไว้ เหนื่อยแต่หมดหนทาง

จ้งซูหาวกำมือแน่น “เวลานี้ท่านบอกว่านางน่ารำคาญ เหตุใดตอนนั้นจึงแต่งงานกับนาง ท่านอย่าลืม ในท้องของนางมีเลือดเนื้อของท่านอยู่”

เซียวเฉิงอี้ระเบิดออกมาทันที “หากในท้องของนางไม่ใช่เลือดเนื้อของข้า ข้าคงไม่แม้แต่จะพบนาง ยิ่งไม่มีทางปล่อยให้เจ้าลงมือตีข้า เจ้าถามว่าเหตุใดตอนนั้นข้าจึงแต่งงานกับนาง เพราะว่าข้าให้สัญญากับเจ้า แต่เจ้าก็นำไปบอกท่านแม่ยายทันที ท่านแม่ยายใช้เรื่องนี้บังคับให้เสด็จแม่ยอมรับงานแต่งนี้”

จ้งซูหาวหัวเราะเสียงเย็น “ในที่สุดท่านก็พูดความในใจออกมา ท่านไม่ได้อยากแต่งงานกับซูอวิ้นจริงๆ”

เซียวเฉิงอี้ยิ้มเย้ยหยัน “นับแต่แต่งงาน ข้าถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ การแต่งงานบนโลกนี้ไม่เคยมีความจริงใจมีเพียงผลประโยชน์! ข้าแต่งงานเป็นสามีภรรยากับซูอวิ้นก็เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์”

“ท่าน ท่าน…”

จ้งซูหาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

หากท่านแม่ไม่ได้กำชับเขาเอาไว้ เขาคงกำหมัดพุ่งตรงเข้าไปที่ใบหน้าของเซียวเฉิงอี้แล้ว

อ้าก…

เขาอดทนอย่างยากลำบาก

เขาเกลียดความรู้สึกที่ไร้หนทางแบบนี้

นาทีนี้ เขาเสียใจที่ช่วยให้ซูอวิ้นแต่งงานกับเซียวเฉิงอี้

หากแต่งงานกับตระกูลที่เหมาะสม น้องสาวได้รับความไม่เป็นธรรม เขาก็ไม่จำเป็นต้องอดทน

เพียงแค่ซัดหมัดเข้าไป ผู้ใดจะกล้าต่อว่าเขา

เขาหายใจเข้าออกนับครั้ง ในที่สุดก็ข่มไฟโกรธภายในใจลงได้ “ท่านอย่าทำให้ซูอวิ้นผิดหวังจะดีที่สุด มิฉะนั้น…”

เขากัดฟัน สุดท้ายไม่ได้ทิ้งคำพูดใดไว้ หากแต่หันหลังเดินจากไป

จ้งซูหาวอารมณ์ขุ่นมัว เขาไม่ได้เดินทางกลับจวนองค์หญิง หากแต่หลังจากออกจากจวนองค์ชายแล้วก็เดินทางไปดื่มสุราที่หอสุราทันที

หลังจากที่ดื่มจนมึนเมาแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในที่แปลกตา

ปากของเขาแหบแห้ง ทรมานอย่างมาก

ที่ใดกัน

ดูเหมือนจะเป็นเรือนรับรองส่วนตัว

“มีคนอยู่หรือไม่”

ประตูห้องถูกผลักออกจากด้านนอก บ่าวรับใช้เปิดประตูเข้ามา

“นายน้อยตื่นแล้ว!”

บ่าวรับใช้ทำหน้าดีใจ พร้อมปรนนิบัติเขาล้างหน้าเปลี่ยนชุด

จ้งซูหาวขมวดคิ้วถาม “ที่นี่ที่ใด ข้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

“นายน้อยลืมไปแล้วหรือ เมื่อวานท่านดื่มสุราจนเมา มีคนช่วยเหลือ พาท่านมาพักที่นี่ มิฉะนั้น นายน้อยกลับจวนไปในสภาพนั้น องค์หญิงย่อมต้องทรงลงโทษนายน้อยอย่างหนัก”

“ผู้ใดช่วยเหลือ”

“เจ้าบ้านอยู่ด้านนอก ข้าน้อยไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน แต่ว่าเจ้าบ้านดีมาก”

“เอาเถิด!” จ้งซูหาวปวดหัวอย่างมาก

เขาใช้สายตาใดถึงได้เลือกบ่าวรับใช้ที่โง่เขลาเช่นนี้ปรนนิบัติอยู่ข้างกาย

แม้แต่อีกฝ่ายเป็นผู้ใดก็ไม่รู้ ก็กล้าที่จะนำเขาเข้ามาในจวนของคนแปลกหน้า ไม่กลัวอีกฝ่ายฆ่าคนลักทรัพย์หรือ

หลังจากเขาล้างหน้าเสร็จ เขาก็ออกจากห้องไปพบเจ้าบ้าน

บ่าวรับใช้ในจวนเดินนำทางอยู่ด้านหน้า

เจ้าบ้านอยู่ในศาลากลางสวนดอกไม้ อนุญาตให้เขาเข้าไปคนเดียว

จ้งซูหาวตั้งสติขึ้น เขาทิ้งบ่าวรับใช้ไว้ มุ่งหน้าไปยังศาลาคนเดียว

“ขอบพระคุณนายน้อยที่…เป็นท่านได้อย่างไร”

เมื่อจ้งซูหาวเห็นหน้าของอีกฝ่ายก็ตกใจ!

เหลือเชื่ออย่างมาก

“นายน้อยจ้งประหลาดใจอย่างมากที่เห็นข้าหรือ”

องค์ชายหกเซียวเฉิงหลี่มองเขาด้วยรอยยิ้ม

หัวใจของจ้งซูหาวเต้นระรัว

เขาตื่นเต้นเกินไปจนพูดตะกุกตะกัก “องค์ชายหก ท่านไม่ได้เฝ้าสุสานหลวงอยู่หรือ เหตุใดจึงปรากฏตัวในเมืองหลวงได้”

องค์ชายหกเซียวเฉิงหลี่บอกให้เขานั่งลง

จ้งซูหาวนั่งลงอย่างเชื่อฟัง แต่ภายในใจวิตกกังวลอย่างมาก

เมื่อปีก่อน เจี่ยซูเฟยปะทะกับเถาฮองเฮาอย่างดุเดือด มีระยะหนึ่งที่เถาฮองเฮาพ่ายแพ้

เมื่อทุกคนคิดว่าเถาฮองเฮาจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

แต่ไม่คิดว่าเถาฮองเฮาจะถูกวางยาพิษจนอันตรายถึงชีวิต

ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงโกรธ รับสั่งให้ซุนปังเหนียนสืบเรื่องนี้

จากนั้นก็สืบไปถึงเจี่ยซูเฟย

ฮ่องเต้หย่งไท่รับสั่งให้ประหารเจี่ยซูเฟย

เมื่อเจี่ยซูเฟยตาย องค์ชายหกเซียวเฉิงหลี่ใช้ข้ออ้างเฝ้าสุสาน พักอยู่ที่สุสานหลวง

จ้งซูหาวไม่ได้พบอีกฝ่ายในเมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งปีกว่าแล้ว

แต่ไม่คิดว่าองค์ชายหกเซียวเฉิงหลี่จะช่วยเหลือตนเองตอนเมา

จะทำอย่างไรดี

เขากังวลอย่างมาก!

วิตกอย่างมาก!

เขากลืนน้ำลายลงคอ

เขารู้ว่าการพบหน้ากับองค์ชายหกเซียวเฉิงหลี่ลับหลังไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

ใบหน้าของเซียวเฉิงหลี่ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น เขารินน้ำชา พร้อมสั่งให้คนนำอาหารเช้ามา

“นายน้อยจ้งดื่มชา!”

จ้งซูหาวยกถ้วยชาขึ้น พลันถาม

“ท่านตั้งใจพาข้ามา มีจุดประสงค์ใด”

เซียวเฉิงหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกว่าระลึกความหลัง ท่านเชื่อหรือไม่”

จ้งซูหาวส่ายหน้า

เขาไม่ใช่คนโง่ จะเชื่อได้อย่างไร

———————————————-

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท