ตอนที่ 180 ตักเตือน
“เจ้าถือว่าเมื่อวานเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ พวกเราทั้งสองพบเจอกันพอดี เมื่อเห็นเจ้ามึนเมา บ่าวรับใช้ร้อนใจจนแทบร้องไห้ เขากลัวจะถูกลงโทษ ดังนั้นข้าจึงใจดีพาเจ้ามาพักที่เรือนพักแห่งนี้ เจ้าไม่ต้องใช้สายตาสงสัยมองข้า ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเจ้า!”
เซียวเฉิงหลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่างเรียบง่าย
จ้งซูหาวกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “บนโลกจะมีเรื่องบังเอิญมากมายเพียงนี้เชียวหรือ”ฃ
เซียวเฉิงหลี่หัวเราะออกมา “เจ้าหมายความว่าข้าตั้งใจรอเจ้าที่หอสุรา ตั้งใจพาเจ้ามาพักที่เรือนพักแห่งนี้หรือ นายน้อยจ้ง ถึงแม้เจ้าจะเป็นบุตรชายขององค์หญิงเฉิงหยาง แต่เจ้ามีประโยชน์ต่อข้าหรือไม่ เจ้าสามารถช่วยให้ตระกูลเจี่ยกลับเข้าสู่ราชสำนัก หรือช่วยข้าแก้แค้นได้หรือไม่”
ข้า…
จ้งซูหาวพูดไม่ออก
ใช่ เขาช่วยเหลือองค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่ไม่ได้
ถึงแม้ท่านแม่ของเขาจะเป็นองค์หญิงเฉิงหยาง เขาก็ไร้ความสามารถ
เขาไม่ใช่ขุนนางใหญ่ในราชสำนัก เขาไม่อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของราชสำนัก ยิ่งไม่มีผลต่อการตัดสินพระทัยของฮ่องเต้
หลังจากครุ่นคิดเขา เขาจึงเอ่ยขึ้น “ขอบพระทัยองค์ชายที่เมตตาข้าเมื่อวาน ในจวนยังรอข้าอยู่ ข้าขอทูลลา”
“ช้าก่อน! ข้าช่วยเจ้าแล้ว เจ้าจะจากไปเช่นนี้หรือ”
เซียวเฉิงหลี่มองเขาด้วยรอยยิ้ม
จ้งซูหาวขมวดคิ้ว “พระองค์อยากให้ข้าทำอันใด”
เซียวเฉิงหลี่จิบชาหนึ่งคำ “ข้าได้ยินบ่าวรับใช้ของเจ้าพร่ำบ่น เมื่อวานเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมจากจวนองค์ชายสาม เจ้าจึงไปดื่มสุราบรรเทาความกลุ้มใจที่หอสุรา”
จ้งซูหาวระวังตัวขึ้นมาทันที เขาตำหนิต่อว่าบ่าวรับใช้อยู่ภายในใจ
ไม่รู้แม้แต่ตัวตนของอีกฝ่ายก็กล้าพูดเรื่องต่างๆ ออกมา
หาที่ตายเสียจริง!
เขาพูด “ข้าไร้ประโยชน์ต่อพระองค์ อยู่ต่อก็มีเพียงสิ้นเปลืองเสบียง”
เซียวเฉิงหลี่หัวเราะร่า “เจ้าคิดว่าข้ารั้งเจ้าเอาไว้เพราะอยากให้เจ้าทำสิ่งใดแทนข้าหรือ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ เจ้าจ้งซูหาว บุตรชายขององค์หญิงเฉิงหยาง องค์หญิงเฉิงหยางปรองดองกับเถาฮองเฮา เพียงแค่คิดก็รู้ว่าเจ้าไม่มีทางช่วยเหลือข้า”
“พระองค์ทรงรู้ว่าข้าไม่มีทางช่วย เหตุใดจึงรั้งข้าเอาไว้”
เซียวเฉิงหลี่ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าเห็นว่าเจ้าน่าสงสารเหมือนกับข้าจึงได้ตักเตือนเจ้า แต่เจ้ากลับไม่สนใจ”
จ้งซูหาวขมวดคิ้ว “พระองค์อย่าได้ตรัสวาจาที่เหลวไหล ข้าน่าสงสารอย่างไร”
เซียวเฉิงหลี่ยิ้มอย่างมีนัย “เจ้าคิดว่าเจ้าจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนกับข้าหรือ เจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง! ข้าถามเจ้า หากมีวันหนึ่ง องค์ชายสามได้ขึ้นครองบัลลังก์นั้น น้องสาวของเจ้า จ้งซูอวิ้นจะได้เป็นฮองเฮาสมดังปรารถนาหรือ บุตรของนางจะสืบทอดบัลลังก์นั้นได้ราบรื่นหรือ
เจ้าคิดว่าเถาฮองเฮาจะยอมรับน้องสาวของเจ้า ยอมรับองค์หญิงเฉิงหยางผู้เป็นท่านแม่ของเจ้าหรือ เจ้าเชื่อหรือไม่ หลังจากองค์ชายสามขึ้นครองบัลลังก์นั้น สิ่งแรกที่เถาฮองเฮาจะทำคือกำจัดตระกูลของพวกเจ้า เมื่อถึงเวลานั้น จุดจบของเจ้าจะย่ำแย่ยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
“อย่าคิดจะสร้างความบาดหมาง!”
สีหน้าของจ้งซูหาวดำทะมึน เขากำหมัดแน่น “อย่าคิดว่าพระองค์เป็นองค์ชายก็จะพูดจาเหลวไหลได้”
เซียวเฉิงหลี่หัวเราะออกมา “ข้าพูดจาเหลวไหลหรือไม่ เหตุใดเจ้าจึงไม่ลองถามใจตัวเอง เมื่อวานเจ้าออกมาจากจวนองค์ชายสาม องค์ชายสามปฏิบัติต่อน้องสาวของเจ้าอย่างไร เจ้ารู้ดีกว่าผู้ใด เมื่อเป็นเช่นนี้ไประยะยาว เจ้าคิดว่าน้องสาวของเจ้าจะมีชีวิตที่ดีได้จริงหรือ ด้วยฝีมือโหดเหี้ยมของเถาฮองเฮา นางจะยอมทนให้องค์หญิงเฉิงหยางท้าทายนางนับครั้งหรือ ข้าพูดตามตรง วันที่องค์ชายสามขึ้นครองราชย์ย่อมเป็นวันที่ตระกูลจ้งของพวกเจ้าถูกประหาร”
ปัง!
จ้งซูหาวทุบกำปั้นลงบนโต๊ะหิน “พระองค์คิดว่าข้าไม่รู้จุดประสงค์ที่พระองค์ยั่วยุหรือ พระองค์โกรธแค้นเถาฮองเฮา พระองค์อยากแก้แค้น ดังนั้นพระองค์จึงสร้างความบาดหมางระหว่างตระกูลจ้งกับฮองเฮาแม่ลูก พระองค์คิดจะยืมมือของตระกูลจ้งแก้แค้นแทนพระองค์ ข้าบอกพระองค์ พระองค์คิดผิดแล้ว ตระกูลจ้งไม่มีทางร่วมมือกับพระองค์ ยิ่งไม่มีทางให้พระองค์หลอกใช้ประโยชน์”
เซียวเฉิงหลี่หัวเราะร่า “เจ้าพูดถูก ข้าคิดอยากจะแก้แค้นจริง แต่ว่าไม่ต้องให้เจ้าช่วยเหลือ ความแค้นของข้า ข้าย่อมจะชำระเอง ส่วนเจ้าจ้งซูหาว เจ้าที่ยังฝันหวานว่าองค์ชายสามจะรักใคร่กลมเกลียวกับน้องสาวของเจ้า เจ้าควรตื่นได้แล้ว
ข้ากับเจ้าสามเป็นพี่น้องกัน เขาเป็นคนอย่างไร ข้ารู้ดีกว่าเจ้า พวกเราต่างเป็นบุตรของเสด็จพ่อ เจ้าคิดว่าเขาจะเป็นข้อยกเว้นหรือ ช่างน่าตลกสิ้นดี! เขาเหมือนกับพวกข้า ล้วนเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย เพียงแต่เขาเชี่ยวชาญในการใช้วาจาที่อ่อนโยนหลอกลวงผู้คนมากกว่าทุกคนเท่านั้น
เจ้าคิดว่าเขามีคุณธรรม แต่เจ้าไม่รู้ว่ามันเป็นเพียงหน้ากากชั้นแรกของเขา เขายังมีหน้ากากนับชั้น เจ้าย่อมมีโอกาสได้พบเห็น หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะไม่กลัวที่ไม่ฟังคำของข้า”
จ้งซูหาวยิ้มเย็น เขาไม่สนใจคำพูดของเซียวเฉิงหลี่แม้แต่น้อย
เขาพูด “องค์ชายสามไม่ใช่คนดี ท่านเป็นคนดีหรือ น้องสาวข้าแต่งงานกับองค์ชายสามแล้ว ร่วมมือกับองค์ชายสามอย่างน้อยก็ยังมีทางรอด แต่ร่วมมือกับท่าน ตระกูลจ้งของพวกเราจะได้รับสิ่งใด ข้าจะได้รับสิ่งใด พระองค์ไม่ควรใช้การพูดจาวาดฝันกับข้า พระองค์ดูถูกข้าเกินไป”
“ข้าไม่มีความคิดที่จะร่วมมือกับตระกูลจ้ง”
เฮอะๆ!
พูดจาเหลวไหล
จ้งซูหาวไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว
เซียวเฉิงหลี่พูดอย่างจริงจัง “ข้าพูดมากมายเพียงนี้ มีเพียงจุดประสงค์เดียวก็คือให้เถาฮองเฮาแม่ลูกมีศัตรูเพิ่มขึ้น ส่วนเจ้าจะร่วมมือกับข้าหรือไม่ ข้าไม่สนใจ”
จ้งซูหาวยิ้มเย็น “พระองค์ลองคิดดู หากข้านำเรื่องที่ท่านตรัสในวันนี้ทูลต่อเถาฮองเฮาจะมีผลอย่างไร พระองค์คิดว่าตนเองจะยังมีโอกาสหรือไม่”
เซียวเฉิงหลี่เลิกคิ้ว สีหน้าเรียบเฉยอย่างมาก “เวลานี้เจ้าเข้าไปทูลฟ้องที่วังหลวงได้ทันที แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าเถาฮองเฮาหรือเสด็จพ่อ ข้าก็กล้าบอกว่าข้าแค้นเถาฮองเฮา การตายของเสด็จแม่ไม่อาจลืมเลือนได้ หากลืมย่อมเป็นความอกตัญญูอันใหญ่หลวง ข้าเป็นลูกกตัญญู ความแค้นนี้ย่อมไม่มีวันลืม!”
แข็งกร้าวเสียจริง
จ้งซูหาวกัดฝัน “พระองค์ทรงอาจหาญยิ่งนัก ข้าเป็นคนต่ำต้อย วาจาย่อมไม่มีน้ำหนัก ไม่คู่ควรร่วมมือกับพระองค์ ขอตัว!”
คราวนี้เขาเดินจากมาอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่คิดจะยืดเยื้อต่อไป
อีกทั้งองค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่ก็ไม่ได้เอ่ยรั้งเขาเอาไว้ เพียงแค่มองดูเขาจากไปอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เติ้งเส้าเจี้ยนก็มาถึงข้างกายของเซียวเฉิงหลี่
“จ้งซูหาวบังอาจปฏิเสธพระองค์ สมควรตาย!”
เซียวเฉิงหลี่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าได้ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นไว้ภายในใจเขาสำเร็จได้ ถึงแม้ปากของเขาจะปฏิเสธข้า แต่ข้าดูออก ภายในใจของเขาหวั่นไหวแล้ว ต่อมาเพียงแค่ต้องเติมเชื่อเพลิงอีกเล็กน้อย ไม่นานเขาย่อมต้องเลือกที่จะร่วมมือกับข้า”
เติ่งเส้าเจี้ยนเอ่ยเตือน “พระองค์อย่าได้ทรงชะล่าใจ ระวังเขาเข้าไปทูลฟ้องในวังหลวงจริงๆ”
“เขาไม่มีทางเข้าไปทูลฟ้องในวังหลวง เขาไม่กล้า”
เซียวเฉิงหลี่ยิ้มด้วยความมั่นใจ ราวกับทุกอย่างอยู่ในกำมือแล้ว
…
จ้งซูหาวไม่ได้เข้าไปทูลฟ้องในวังหลวงจริง
เรื่องที่เขาพบเจอกับองค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่ เขาหวังว่าคนที่รู้เรื่องยิ่งน้อยยิ่งดี
ไม่ถึงคราวจำเป็น เขาไม่มีทางพูดเรื่องนี้ออกมา
เขายังกำชับให้บ่าวรับใช้ควบคุมปากของตนเองให้ดี อย่าพูดสิ่งใดออกไป
บ่าวรับใช้รีบปิดปากของตนเองเอาไว้ รับรองว่าต่อจากนี้จะไม่พูดจาเหลวไหล
จ้งซูหาวจำยอมให้อภัยเขา
…
องค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่เตรียมตัวออกเดินทางกลับสุสานหลวง
แต่ไม่คิดว่า ศาลาห้าลี้นอกเมืองมีคนรอยคอยเขาอยู่
“น้องหก ไม่พบกันมานาน ข้าเตรียมสุราไว้หนึ่งจอก ส่งเจ้าออกเดินทาง”
องค์ชายสองสวมผ้าคลุมผืนหน้า ทั้งตัวคลุมอย่างมิดชิดราวกับเจ้าหญิงนิทราที่กำลังหลับใหลในฤดูหนาว
เขายกจอกสุราเชื้อเชิญองค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่
เซียวเฉิงหลี่เห็นที จึงมีสีหน้าซีดเผือด
ทันใดนั้นเขารู้สึกวิตกกังวล
เติ้งเส้าเจี้ยนปลอบเสียงเบา “พระองค์ไม่ต้องกลัวเขา! องค์ชายสองมีพฤติกรรมประหลาด ไม่เคยทำสิ่งใดตามแบบแผน แม้เขาจะเปิดโปงทุกอย่าง พระองค์ก็ไม่ต้องวิตก หากเขากล้าเปิดโปงย่อมหมายความว่าเขาไม่คิดจะนำเรื่องนี้ทูลเข้าไปในวังหลวง ทุกอย่างย่อมยังมีโอกาส”
เซียวเฉิงหลี่สูดลมหายใจเข้า “ขอบคุณเติ้งกงกง”
“พระองค์ปรับตัวตามสถานการณ์ อย่าได้วิตกจนทำให้เขาจับได้”
“ข้ารู้หนักเบา”
เขาลงจากรถม้า มุ่งหน้าไปยังศาลาห้าลี้
อีกฝ่ายเตรียมอาหารและน้ำชาเอาไว้แล้วจริงๆ
องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่พบเจอกันมาปีกว่า น้องหกดูซูบผอมไปบ้าง สุสานหลวงพักไม่สบายนัก น้องหกนานทีจะกลับเมืองหลวง เหตุใดจึงไม่อยู่ต่ออีกหลายวัน”
องค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่พูดด้วยเสียงเรียบ “ข้าต้องเฝ้าสุสานของเสด็จแม่ ไม่อาจอยู่ดื่มด่ำความสุขในเมืองหลวงได้ อาหารและสุราคงไม่จำเป็น ข้าใช้น้ำชาแทนสุราคารวะเสด็จพี่สอง เสด็จพี่สองมีใจแล้วที่คิดมาส่งข้าด้วยตนเอง”
เซียวเฉิงเหวินยิ้มบาง “น้องหกราวกับมีความไม่พอใจอย่างมาก ใช้ชีวิตในสุสานหลวงมาปีกว่า ยังคงไม่อาจกำจัดความแค้นภายในใจของน้องหกได้หรือ”
เซียวเฉิงหลี่ก้มหน้ากัดฟัน พลันยิ้มเสียดสี “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เสด็จพี่สองตรัส พระองค์ก็รู้ว่าข้าโง่เขลา สมองช้า เสด็จพี่สองพูดมาตรงๆ เสียดีกว่า”
“สมองช้ายังรู้ได้ว่าข้ามีความหมายแฝง หากสมองเร็ว เจ้าคงจะลอยเหาะขึ้นฟ้าแล้วใช่หรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินมองเขาด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของเซียวเฉิงหลี่เปลี่ยนแปลงไป ตามมาด้วยยิ้มเยาะเย้ยตนเอง “ข้าเป็นเพียงองค์ชายตกอับ จะเหาะขึ้นฟ้าได้อย่างไร เสด็จพี่สองทรงล้อเล่นอันใดกัน เรื่องดีบนโลกนี้ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับข้า”
เซียวเฉิงเหวินยิ้ม ยกแก้วชาขึ้นมาดื่ม
เขาพูดอย่างจริงจัง “การเดินทางคราวนี้ ข้าขอให้น้องหกเดินทางราบรื่น ปลอดภัยตลอดทาง ข้าขอตัวก่อน!”
เอ๊ะ?
ไม่เคยทำตามแบบแผนจริงด้วย
เซียวเฉิงหลี่รีบลุกขึ้นยืน น้อมส่งองค์ชายสองจากไป
เมื่ออีกฝ่ายหายลับไปจากสายตาแล้ว เติ้งเส้าเจี้ยนก็เดินมาข้างตัวขององค์ชายหก เซียวเฉิงหลี่ “องค์ชาย เป็นอันใดหรือไม่”
เซียวเฉิงหลี่กัดฟัน หัวเราะเสียงเย็น “ข้าไม่คิดว่าเสด็จพี่สองจะว่างเพียงนี้ เขาเดินทางมาเพื่อหลอกถามข้า”
“เขาหลอกถามพระองค์หรือ”
เซียวเฉิงหลี่พยักหน้าอย่างหนัก “เขาตักเตือนให้ข้าอย่าทำสิ่งใดเหลวไหล ไม่มีทาง เถาฮองเฮาทำให้เสด็จแม่ต้องตาย เขามีสิทธิใดมาห้ามข้า”
“พระองค์ทรงระงับความโกรธ!” เติ้งเส้าเจี้ยนเกลี้ยกล่อม “ในเมื่อองค์ชายสองกล้าปรากฏตัว อีกทั้งยังตักเตือนฝ่าบาท อย่างนั้นโอกาสต่อมาย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง”
ถึงแม้เซียวเฉิงหลี่จะไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็รู้ว่าคำพูดของเติ้งกงกงมีเหตุผล
ไม่อาจใช้ชีวิตไปเสี่ยงได้
ก่อนที่ศัตรูจะตาย เขาก็ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ รักษาร่างกายที่มีประโยชน์เพื่อรอการแก้แค้น
“เติ้งกงกงคิดว่าข้าควรทำอย่างไร”
“หลบซ่อนตัวชั่วคราว อย่าได้ออกจากสุสานหลวง ระวังถูกจับผิด ทูลฟ้องไปถึงหน้าฝ่าบาท ฝ่าบาทอารมณ์ร้าย ขาดแคลนความรักระหว่างบิดาและบุตรต่อพระองค์…”
คำพูดด้านหลังไม่จำเป็นต้องพูดออกมาแล้ว
มีเพียงความหมายเดียว ฮ่องเต้ไม่มีความรักระหว่างบิดาและบุตรต่อเซียวเฉิงหลี่ หากมีคนตั้งใจยั่วยุ เกรงว่าจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ อีกทั้งยังต้องประสบกับจุดจบเหมือนเจี่ยซูเฟย
———————————————-